รอง ผบช.ก. เผยคดีบริษัทอสังหาฯ ทิ้งงานก่อสร้างบ้านเข้าข่ายฉ้อโกง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – รอง ผบช.ก. เผยคดีบริษัทอสังหาฯ ทิ้งงานก่อสร้างบ้านเสียหายกว่า 300 ล้าน เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน หลังมีผู้เสียหายทั่วประเทศ เตรียมตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และส่งพนักงานสอบสวนลงพื้นที่สอบปากคำ กรณีผู้เสียหายจำนวนหนึ่งรวมตัวกันมาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร้องขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กรณีถูกบริษัทอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่รับงานก่อสร้างบ้าน ราคาหลังละ 3-10 ล้านบาท แต่ทิ้งงานไปรับลูกค้ารายใหม่ทั้งที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (19 ก.ย.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวเป็นการร้องเรียนบริษัทรับเหมาสร้างบ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งเบิกเงินไปแล้วแต่ไม่ดำเนินงานก่อสร้างตามสัญญา บางรายสร้างเพียงร้อยละ 40–50 ของโครงการ แต่กลับเบิกเงินเกินจริง หรือผู้รับเหมาช่วงต้องควักเงินส่วนตัวไปทำงานต่อจนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ซึ่งหากไปแจ้งความดำเนินคดีที่โรงพักเป็นเรื่องเดียวก็จะเป็นเรื่องทางแพ่ง แต่เรื่องนี้มีการรวมตัวกันมาร้องเรียนหลายคน ซึ่งเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งเมื่อวานนี้ได้พูดคุยกับผู้เสียหายทุกคน พร้อมบอกให้ผู้เสียหายเตรียมเอกสารและรวมตัวกันเพื่อสอบปากคำ เนื่องจากมีผู้เสียหายกระจายอยู่ในหลายจังหวัด โดยหากจังหวัดใดมีผู้เสียหายน้อยก็จะจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ขึ้นมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อรองรับการสอบปากคำผู้เสียหาย แต่หากจังหวัดใดที่มีผู้เสียหายจำนวนมากก็สามารถรวมตัวกันในจังหวัดได้ โดยตำรวจสอบสวนกลางจะจัดเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำในพื้นที่ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวรับงานก่อสร้างกว่า 800 […]

“บิ๊กเต่า” เผยกองปราบฯ เร่งตรวจสอบเส้นเงินวัดดังย่านปทุมธานี

19 ก.ย. – พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยหลังจากที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เข้าไปพบเพื่อมอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงินพระวัดดังย่านปทุมธานี โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง ว่าจากกรณีที่มีสีกาจากประเทศเยอรมนีส่งทีมทนายความเข้ามาร้องเรียนกับทาง บก.ปปป. ให้ตรวจสอบพระวัดดังย่านปทุมธานี ในฐานความผิดเกี่ยวกับเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ตามมาตรา 157 และ147 เรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้มีการส่งสำนวนคดีไปที่ทาง ป.ป.ช. แล้ว ในส่วนกรณีของกองบังคับการปราบปรามที่ได้รับข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดดังตั้งแต่ปี 2556-2559 มีการตรวจสอบในหลายประเด็น ขอสงวนไว้ก่อน ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาท ในส่วนข้อมูลหรือหลักฐานของทนายอนันต์ชัย ที่นำมามอบให้นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังมีบางส่วนที่โต้แย้งกันไปมา แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมจากที่ทนายของสีกาเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ เป็นเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด และหลักฐานการคืนเงินของผู้เสียหาย ในเบื้องต้นทางวัดยังไม่มีการประสานเข้ามาให้ข้อมูล ส่วนข้อมูลที่ทางทีมทนายความของวัดออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องเงินตั้งมูลนิธิในประเทศเยอรมนีซึ่งเป็นคนละส่วนของการตรวจสอบ.-419- สำนักข่าวไทย

“ทนายอนันต์ชัย” นำเส้นเงินผิดปกติมอบ “บิ๊กเต่า” เอาผิดพระวัดดังปทุมฯ

บก.ปปป. 19 ก.ย. – “ทนายอนันต์ชัย” ยื่นหลักฐาน เส้นทางการเงินพระวัดดัง หลังสีการ้องเรียนให้ตรวจสอบทรัพย์สินวัด หลังพบความผิดปกติ บัญชีรายรับ-รายจ่าย ที่วัดยื่นต่อสำนักพุทธจังหวัด ไม่มีเงิน 12.2 ล้านบาท นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะ นำหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อเอาผิดพระวัดดังย่านปทุมธานี มามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ทนายอนันต์ชัย บอกว่า วันนี้มายื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กรณีสีกาจากเยอรมัน ร้องเรียนพระวัดดังย่านปทุมธานีว่ายักยอกเงิน 12.2 ล้านบาท โดยโอนจากบัญชีวัดดังเข้าบัญชีกรุงไทยของสีกา 4 ครั้ง จำนวน 6 ล้านบาท 2.7 ล้านบาท 2 ล้านบาท และ 1.5 ล้านบาท โดยมีหลักฐานเป็นเช็ก 4 ฉบับ และหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเอกสารการโอนดังกล่าวระบุว่า เป็นเงินจากวัดดังย่านปทุมธานีให้สีกา ซึ่งเท่ากับว่าเป็นเงินบริจาค ทั้งนี้ไม่ทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าว […]

“บิ๊กเต่า” ตั้งธงสอบปมเงินบริจาควัดนาป่าพง ใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่

กรุงเทพฯ 17 ก.ย. – รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตั้งธงสอบปมใช้เงินบริจาควัดนาป่าพง ว่ามีการนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยความคืบหน้า หลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกคือกรณีที่มีทนายความของผู้เสียหายมาร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ที่ บก.ปปป. ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แล้ว อยู่ระหว่างประสานว่าจะส่งสำนวนกลับมาที่บก.ปปป.หรือไม่ และอีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของกองบังคับการปราบปรามที่ได้รับคำร้องให้ตรวจสอบวัดนาป่าพง จากการตรวจสอบพยานหลักฐานที่ทนายความผู้เสียหายนำมายื่นให้ เบื้องต้นยังพบบางประเด็นที่มีความขัดแย้งกันอยู่ ซึ่งคดีนี้ มีประเด็นสำคัญที่จะต้องตรวจสอบคือ เรื่องบัญชีเงินวัด ที่มีการเปิดรับบริจาคและนำไปใช้ในมูลนิธิฯ และเครือข่ายวัด ซึ่งจะต้องดูว่าเงินบริจาคถูกนำไปใช้ตรงวัตถุประสงค์คือนำไปใช้ประโยชน์กับกิจการที่เกี่ยวข้องของวัดหรือไม่ และเงินบริจาคที่เข้ามา ในส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเงินกว่า 12 ล้านบาท ไปอยู่ตรงจุดไหน ใช้ทำอะไร หรือมีการเปิดบัญชีเพิ่มหรือไม่ ถ้ามีการเปิดบัญชีเพิ่มเงินยังอยู่ที่ต่างประเทศ หรืออยู่ในประเทศ โดยหาก ป.ป.ช.ส่งสำนวนกลับมาให้พนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบจะต้องประสานงานกับอัยการสูงสุด เพราะคดีนี้เป็นคดีที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร สำหรับการเปิดสาขาที่ประเทศเยอรมนี พบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 2556-2559 จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน […]

“บิ๊กเต่า” ย้ำต้องใช้นิติศาสตร์จัดการปัญหาวัดบางคลาน หลังเจรจาไม่สำเร็จ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เร่งสางปัญหาวัดบางคลาน​ ย้ำต้องใช้นิติศาสตร์เข้าจัดการ หลังเจรจา “สัญญาใจ” ไม่สำเร็จ พบเส้นเงินโอนมูลนิธิของวัดใส่ชื่อคนนอกที่เป็นกลุ่มอำนาจเก่า ความคืบหน้าการตรวจสอบวัดบางคลานหลังมีประเด็นว่ามีเงินของวัดหายไป 30-40 ล้านบาท โดยเรื่องนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยว่า ประเด็นเรื่องวัดบางคลานเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 10 ปี จนสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราได้ไปตกลงกับเจ้าอาวาสให้เข้าไปบริหารวัด 1 ปี ต้องแก้ไขปัญหาให้เรียบร้อย แต่ปรากฏว่า 1 ปี การแก้ปัญหายังไม่เสร็จสิ้น และเหมือนจะมีปัญหาเพิ่มจึงไปพูดคุยเรื่องสัญญาใจว่าจะทำอย่างไรต่อ หลวงพ่อ หรือจะอาวาสก็ยอมลาออกจากตำแหน่ง มีการตั้งรักษาการขึ้นมาใหม่ แต่รักษาการคนใหม่ก็เป็นกลุ่มอำนาจเก่าที่มีผลประโยชน์กับวัด เรื่องนี้จึงจำเป็นต้องเอาคนกลางเข้าไปแก้ปัญหาจริงๆ โดยอาศัยการปกครองแบบรัฐศาสตร์ ด้วยการใช้ผู้นำชุมชนมาเป็นตัวตั้ง และอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ได้มีการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จนได้ข้อสรุปว่าให้รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มารักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบางคลาน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ที่ผ่านมาไม่ได้ใช้นิติศาสตร์ในการเข้าไป เพราะต้องการให้วัดสงบ ต้องมีการยอมความกัน แต่วันนี้มีปัญหาเราคงต้องมารื้อ และต้องใช้นิติศาสตร์เข้าไปดำเนินการ คือการตรวจสอบเงินทั้งหมด ในช่วงเวลาดังกล่าว เราได้ให้คนเข้าไปซื้อพระจากมูลนิธิของวัด แต่เมื่อสแกนจ่ายเงินแล้วปรากฏว่าชื่อบัญชีไม่ใช่ชื่อของวัด […]

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

ผบ.ตร. ยันยึดหลักเกณฑ์โยกย้าย “บิ๊กสีกากี” ด้าน “บิ๊กเต่า” ไม่ติดใจ

รัฐสภา 11 ก.ย.- ผบ.ตร. ยันยึดหลักเกณฑ์ พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 65 โยกย้าย “บิ๊กสีกากี” เคร่งครัด ยึดหลัก 5 ข้อ 50:50 ทำอย่างละเอียด-รอบคอบ ด้าน “บิ๊กเต่า” ไม่ติดใจ เกลี่ยปรับโผเหมาะสมแล้ว ขณะที่ “สุณัฐชา-ปธ.กมธ.ตำรวจ” เผยบรรยากาศดี ไร้ปะทะคารม กมธ.เวทีกลางเคลียร์ใจ จบด้วยดี คณะกรรมธิการตำรวจสภาผู้แทนราษฎรที่มี น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.)ตำรวจ สภาฯ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาวาระข้อร้องเรียนหลักเกณฑ์การแต่งตั้งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและโยกย้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โผนายพลตำรวจ) ตามที่พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รอง ผบช.ก.) ร้องเรียน โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการบัญชาตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รองผบ. ตร. ในฐานะตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และพล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ […]

“บิ๊กเต่า” ลุยสางปมวัดบางคลาน หลังยังพบอำนาจเก่าจุ้นไม่เลิก

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” เผยเข้าไปสางปัญหาวัดบางคลาน หลังยังพบอำนาจเก่าจุ้นตั้งเจ้าอาวาส-เงิน30ล้าน-ซื้อขายพระ เจอเส้นเงินโอนชื่อคนอื่น ชี้ก่อนหน้านี้ใช้หลักรัฐศาสตร์แต่ไม่สงบ ต้องใช้นิติศาสตร์ดำเนินคดี พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงการเดินทางไปตรวจสอบวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน จังหวัดพิจิตร เมื่อวานนี้(10ก.ย.) ว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาความขัดแย้งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีกลุ่มอำนาจเก่า ที่ยังคอยเลือกตัวบุคคลเลือกเจ้าอาวาสเลือกรักษาการมาทำให้เกิดความขัดแย้งอีกรอบ เราจึงพยายามไปแก้ปัญหา เมื่อวานนี้เป็นเรื่องของการร้องเรียนการทุจริต และเรื่องเงินที่หายไปประมาณ 30 กว่าล้านบาท ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาจึงจะตรวจสอบเงินดังกล่าวและเรื่องการซื้อขายพระ ที่เวลาโอนมาเป็นชื่อของคนอื่น เป็นการแก้ปัญหาวัดบางคลานให้เดินต่อไปได้ และเมื่อวานนี้มติที่ประชุมของเจ้าคณะจังหวัดและนายอำเภอ ทหาร ตำรวจ ปปง. ป.ป.ท. รวมทั้ง 18 อรหันต์มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรซึ่งเป็นผู้ที่ประชาชนเคารพนับถือ ให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะ เกี่ยวข้องหรือ กระทบกับใครบ้าง พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนแรกเราใช้หลักรัฐศาสตร์เข้าไปไม่ต้องการไปรื้อฟื้น แต่ต้องการให้วัดเดินหน้าไปได้ คดีต่างๆมีการยอมความสั่งไม่ฟ้องจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่จบ เมื่อวานนี้เป็นสัญญาณที่ดี ที่คณะกรรมการทั้งหมดมีมติให้รองเจ้าคณะจังหวัดมารักษาการแทนจนกว่าจะจัดตั้งเจ้าอาวาสคนใหม่ได้ […]

“บิ๊กเต่า” สั่งกองปราบฯ รวบรวมข้อมูลหมอดูทั่วประเทศพิจารณา

กรุงเทพฯ 9 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” พร้อมปราบเทพเจ้า เตือนผู้วิเศษระวังเจออุกกาบาต สั่งการกองปราบฯ เร่งรวบรวมข้อมูลหมอดูทั่วประเทศ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงผู้วิเศษ ว่า ตอนนี้ได้มีการสั่งให้กองบังคับการปราบปราม ให้รวบรวมรายชื่อผู้วิเศษทั้งหมดทั้งประเทศ มาเพื่อพิจารณาว่า ใครที่เข้าข่ายกระทำความผิด หรือมีผู้มาแจ้งความไว้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล และจะมีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทุกๆ 10 วัน และหากใครเป็นผู้เสียหายก็สามารถเดินทางเข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนได้ ส่วนล่าสุดที่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความผู้วิเศษ ยังไม่ทราบในรายละเอียด แต่ก็จะมีการพูดคุยถึงประเด็นนี้ด้วย นอกจากนี้อยากฝากให้ประชาชนตั้งสติ “อยากให้ผู้เสียหายเข้าให้ข้อมูล โล๊ะแก๊งพวกนี้ออกไปได้ไหม พวกแก๊งเทพเจ้า พวกเปรต พวกผี ด้วยความเคารพ ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ผมก็ปราบเทพเจ้ามาเยอะ ก็แสดงตัวให้ดี ถ้าผู้วิเศษมาก็เดี๋ยวเจออุกกาบาตสักลูกหนึ่ง” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุ. -419-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ขอบคุณ “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” นำหลักฐานชี้แจง เตือนผู้นั่งทับสิทธิ์อย่าเฉย

บช.ก. 9 ก.ย. – “ถั่วแระ เชิญยิ้ม” นำหลักฐานแสดงต่อตำรวจพร้อมชี้แจงที่มาเงินจากทิดอลงกต ยอมรับช่วงโควิดยืมเงินจริงแต่คืนหมดแล้ว ด้าน “บิ๊กเต่า” ขอบคุณที่นำหลักฐานมาแสดง เบื้องต้นทำทุกอย่างเป็นขั้นตอน เตือนผู้ที่ยังนั่งทับสิทธิ์รีบเข้ามาชี้แจง ภายหลัง ถั่วแระ เชิญยิ้ม เข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อพูดคุยพร้อมทั้งแสดงหลักฐานเป็นรายรับรายจ่ายของสมาคมเชียร์ไทยตั้งแต่ปี 62 -66 รวมถึงค่าใช้จ่ายทุกอย่าง อย่างละเอียด โดยใช้เวลาการพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนถั่วแระ เชิญยิ้ม ลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ทิดอลงกตแต่งตั้งให้ตนเป็นนายกสมาคมเชียร์ไทยตั้งแต่ปี 62 โดยสมาคมดังกล่าวเป็นดำริของทิดอลงกต ซึ่งในการไปเชียร์แต่ละครั้งต้องยอมรับว่ามีการเดินทางจึงมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยเวลารับเงินก็รับมาเป็นลายลักษณ์อักษรทุกขั้นตอน แต่ก็อยู่ที่สถานที่เชียร์ด้วย ว่าอยู่ในหรือต่างประเทศ มากสุดรับเงินมาหลักแสน โดยทุกครั้งการรับเงิน รับเงินสดมาจากเลขาฯ ของทิดอลงกตเข้าสู่บัญชีตนเอง จนกระทั่งปี 64 ตนได้เริ่มถอยออกมาจากสมาคมดังกล่าว เพราะการเดินทางค่อนข้างไกล นอกจากนี้ยังรับเงินมาในส่วนการสร้างหนังพลังบุญที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 ตอน ๆ ละ 300,000 บาท ซึ่งก็เป็นดำริของทิดอลงกต […]

“บิ๊กเต่า” ยัน “นักร้อง-ถั่วแระ เชิญยิ้ม” เข้าชี้แจงเส้นเงินโยงทิดอลงกตวันนี้

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” ยืนยัน “นักร้อง 4 คน-ถั่วแระ เชิญยิ้ม” เข้าชี้แจงกรณีโกงเงินวัดพระบาทน้ำพุจริงหรือไม่ หลังพบเส้นเงินโยง “ทิดอลงกต” พร้อมสั่งรวบรวมข้อมูลหมอดูทั่วประเทศตรวจสอบหลอกต้มตุ๋น โดยเฉพาะทำนายแผ่นดินไหว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เข้าประชุมเกี่ยวกับเรื่องศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา เป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่จะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า วันนี้มีการประชุม 2 เรื่อง ๆ แรกคือเรื่องภายในศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและส่งเสริมพระธรรมวินัย ว่ามีเรื่องร้องเรียนมาเท่าไร และมีเรื่องน่าสนใจที่เป็นเคสใหญ่ที่ต้องทำ ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นความคืบหน้าของคดีวัดพระบาทน้ำพุลอต 2 ที่จะมีการประชุมแบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนอีกครั้งในช่วงบ่ายวันนี้ และเตรียมขยายผล ซึ่งความชัดเจนจะเป็นช่วงบ่ายนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าในวันนี้จะมีนักร้อง 4 คน และถั่วแระ เชิญยิ้ม จะเข้ามาชี้แจงข้อมูลพร้อมหลักฐาน ซึ่งทางเราก็จะกันไว้เป็นพยานก่อน ส่วนเรื่องที่ต้องชี้แจงเนื่องจากมีเส้นทางการเงินไปถึง โดยก่อนหน้านี้ทางทิดอลงกต เคยให้การว่า ถูกกลุ่มคนเหล่านี้โกงเงินไปจำนวนมาก เช่น วงพิงค์แพนเตอร์ เรียกค่าแสดงครั้งละ 4 […]

จับตา “นักร้อง-ตลก-นักธุรกิจ” แจงเส้นเงินพัวพันวัดพระบาทน้ำพุ

8 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เผยสั่งระดมทีมสอบสวนของ บช.ก.ทั้งหมด สอบพยานคดีวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อความรวดเร็ว พร้อมเชิญ “นักร้อง-นักแสดงตลก-นักธุรกิจ” เข้าให้ปากคำ ปมเส้นเงินพัวพันวัดพระบาทน้ำพุ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการขยายผลคดีวัดพระบาทน้ำพุ ว่าพนักงานสอบสวนได้เชิญกลุ่มนักร้องและนักแสดงตลก เข้ามาให้ปากคำ โดยมีวงพิงค์แพนเตอร์, ถั่วแระ เชิญยิ้ม, นายวินัย นักธุรกิจ ซึ่งได้ประสานติดต่อมาแล้วว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนช่วงบ่ายวันนี้ (8 ก.ย.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยอมรับว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานเยอะ ต้องระดมทีมสอบสวนของ บช.ก.ทั้งหมด เพื่อสอบพยานเพื่อความรวดเร็ว ตอนนี้มีความคืบหน้าไปมาก มีหลายคนที่มีชื่อถือครองทรัพย์ของวัดได้ติดต่อเข้ามาคืนหลายเจ้าแล้ว และมีบางส่วนที่ยังไม่ได้ติดต่อขอคืน ซึ่งเงินบริจาคอยู่เพียงภายในวัด แต่กระจายอยู่ในเครือข่ายบริวารรอบข้าง เป็นประเด็นที่เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบว่ามีการนำไปใช้หาประโยชน์ส่วนตนหรือไม่ แต่หากเงินถูกนำไปใช้ส่วนตัวก็ถือว่าผิด โดยชุดทำงานอยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบทั้งเงินสด ทรัพย์สิน ที่ดิน อาคาร รถหรู และธุรกิจในเครือมูลนิธิทั้งหมด อย่างไรก็ตาม วันพรุ่งนี้ (9 ก.ย.) จะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าสำนวนคดีอีกครั้ง คาดว่าจะมีความคืบหน้าในเร็วๆ นี้.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 12
...