คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

จีน-อินเดียโทษกันเอง หลังเจรจาปัญหาพรมแดนไม่คืบหน้า

ปักกิ่ง 11 ต.ค. – จีนกับอินเดียต่างกล่าวโทษกันไปมาเรื่องความล้มเหลวในการจัดการเจรจาระดับสูงร่วมกันเพื่อคลายความตึงเครียดจากปัญหาข้อพิพาทพรมแดนในเทือกเขาหิมาลัย โฆษกของกองทัพจีนระบุในแถลงการณ์วันนี้ว่า อินเดียได้สร้างข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่เป็นไปตามความจริง แต่ไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับข้อเรียกร้องเหล่านั้น ทั้งยังระบุว่า จีนได้พยายามลดความตึงเครียดตามแนวพรมแดนแล้ว และเตือนอินเดียว่า อย่าเข้าใจสถานการณ์ผิดและต้องแก้ปัญหาด้วยเจตนาดี ขณะที่กระทรวงกลาโหมของอินเดียออกแถลงการณ์โต้กลับว่า จีนไม่ยินยอมที่จะหารือข้อเสนอที่สร้างสรรค์ และไม่สามารถให้ข้อเสนอที่คืบหน้าแก่อินเดียได้ อย่างไรก็ดี ทั้งสองประเทศจะยังคงติดต่อสื่อสารและรักษาความมั่นคงต่อกัน พร้อมกับเผยว่า การเจรจาครั้งล่าสุดมุ่งไปที่การแก้ปัญหาตามแนวเส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริง (LAC) ในพื้นที่ทางตะวันออกของเขตลาดักห์ที่มีพรมแดนติดกับจีน เหตุปะทะของกองกำลังอินเดียและจีนในหุบเขากัลวานที่ตั้งอยู่ระหว่างทิเบตกับเขตลาดักห์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อปีก่อนและถือเป็นเหตุปะทะครั้งรุนแรงที่สุดของทั้งสองฝ่ายในรอบหลายสิบปี ล่าสุดผู้บัญชาการกองทัพอินเดียเผยเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่า จีนกำลังส่งกองทหารจำนวนมากไปที่ชายแดนดังกล่าว ทำให้อินเดียต้องส่งทหารไปประจำการเช่นกัน เป็นการแถลงตอบโต้ หลังจากโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงได้ไม่กี่วันว่า ทหารอินเดียได้บุกรุกเข้าไปในดินแดนของจีนอย่างผิดกฎหมาย แต่อินเดียได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว. -สำนักข่าวไทย

จีนเผยมีทหารเสียชีวิต 4 นายจากเหตุปะทะอินเดียปีก่อน

ปักกิ่ง 19 ก.พ. – จีนเผยว่า มีทหาร 4 นายที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับกองกำลังอินเดียบริเวณหุบเขากัลวานเมื่อปีก่อน ซึ่งถือเป็นการยืนยันผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวเป็นครั้งแรกจากทางการจีน กระทรวงกลาโหมของจีนกล่าวว่า ทหารจีนได้เสียสละชีวิตของตนจากเหตุปะทะกับกองกำลังต่างชาตินิรนามบริเวณหุบเขากัลวานที่เป็นพรมแดนระหว่างเขตปกครองตนเองทิเบตของจีน และเขตลาดักห์ของอินเดียในเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เหตุดังกล่าวทำให้มีผู้บังคับกองพันเสียชีวิต 1 นาย และทหารจีนเสียชีวิตอีก 3 นาย โดยทั้งหมดจะได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติจากการเสียสละชีวิตของตน ทั้งยังกล่าวโทษกองกำลังต่างชาติว่า ได้ละเมิดฉันทามติกับจีนอย่างโจ่งแจ้งและข้ามเส้นพรมแดนเพื่อไปตั้งเต็นท์ อย่างไรก็ดี กองกำลังจีนสามารถขับไล่ศัตรูออกจากพื้นที่ไปได้และถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญ ในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามต้องหนีกลับไปอย่างหัวซุกหัวซุนโดยที่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก กองกำลังจีนและอินเดียเปิดฉากต่อสู้กันในสงครามชายแดนมาตั้งแต่ปี 2505 และต่างกล่าวหากันไปมาอีกฝ่ายพยายามรุกล้ำพรมแดนและไม่อาจเจรจาหาข้อยุติที่เหมาะสมได้ จนกระทั่งเกิดเหตุปะทะกันของทั้งสองฝ่ายบริเวณหุบเขากัลวานในช่วงกลางเดือนมิถุนายนปีก่อนที่ทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย ซึ่งถือเป็นเหตุปะทะรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี แต่ในตอนนั้นจีนไม่ได้เปิดเผยยอดทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อย่างไรก็ดี จีนและอินเดียได้ตกลงปลดกองกำลังทหารออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว.-สำนักข่าวไทย

...