สหรัฐเผยภาพและตั้งค่าหัวมือยิง ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

ยูทาห์ 12 ก.ย. – สหรัฐเดินหน้าตามล่ามือสังหารชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวคนดัง ซึ่งล่าสุดมีการเผยแพร่ภาพของผู้ต้องสงสัยพร้อมกับตั้งรางวัลนำจับให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแส สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะของรัฐยูทาห์ และสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอได้เผยแพร่ภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนยิงนายชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษ์นิยมซึ่งให้การสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ภาพถ่ายที่นำออกเผยแพร่เป็นชายผิวขาวรูปร่างผอมเพรียวสวมชุดสีดำ สะพายเป้หลัง สวมหมวกแก๊ป แว่นกันแดด รองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส และที่หน้าอกเสื้อมีรูปนกอินทรีอยู่บนธงชาติสหรัฐ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ามือปืนเดินทางมาถึงมหาวิทยาลัยยูทาห์วัลเลย์ ในเมืองโอเรมไม่กี่นาทีก่อนที่งานจะเริ่มขึ้น ซึ่งในงานดังกล่าวเคิร์กเป็นผู้นำการอภิปรายท่ามกลางผู้ร่วมกิจกรรมกว่า 3,000 คน ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นภาพมือยิงเดินขึ้นบันไดไปยังดาดฟ้าของอาคารก่อนจะลั่นกระสุนสังหาร โดยกระสุนเจาะเข้าที่คอของเคิร์ก ต่อหน้าผู้ร่วมงานที่หนีตายกันจ้าละหวั่น นอกจากน้ันยังมีการเปิดเผยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด เป็นภาพของมือปืนวิ่งอยู่บนดาดฟ้าก่อนจะไต่ลงมาและวิ่งข้ามถนนหลบหนีเข้าไปในป่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบอาวุธปืนยาวถูกทิ้งอยู่ในป่าไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ พร้อมกันนี้เอฟบีได้ได้ตั้งรางวัล 1 แสนดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3 ล้าน 2 แสนบาทสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสในการนำจับมือปืน จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้หารือถึงมูลเหตุจูงใจในการสังหารเคิร์ก แต่ประธานาธิบดีทรัมป์บอกว่าเขามีหลักฐานบ่งชี้แรงจูงใจของฆาตกรแล้ว และจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และว่าการสอบสวนของเจ้าหน้าที่มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ผู้นำสหรัฐยังกล่าวด้วยว่าเขาจะมอบเหรียญอิสรภาพแห่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดสำหรับพลเรือนของสหรัฐให้แก่เคิร์ก และยืนยันว่าจะไปร่วมงานศพด้วย ขณะที่รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ได้ยกเลิกภารกิจไปร่วมงานรำลึกเหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ 11 กันยายนที่นครนิวยอร์ก และได้เดินทางไปยังรัฐยูทาห์เพื่อให้กำลังใจครอบครัวเคิร์กพร้อมทั้งพาพวกเขาและนำร่างของเคิร์กเดินทางกลับบ้านที่รัฐแอริโซนาด้วยเครื่องบินประจำตำแหน่งแอร์ ฟอร์ซ ทู.-816.-สำนักข่าวไทย

อดีต ปธน.บราซิล ถูกจำคุก 27 ปี คดีวางแผนรัฐประหาร

บราซิเลีย 12 ก.ย. – นายชาอีร์ โบลโซนาโร อดีตประธานาธิบดีบราซิล ถูกศาลลงโทษจำคุกเป็นเวลา 27 ปี 3 เดือน เมื่อวันพฤหัสบดี หลังจากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานวางแผนก่อรัฐประหารเพื่อให้ตนเองอยู่ในอำนาจต่อไป หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2022 คำพิพากษาลงโทษของคณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของบราซิลจำนวน 5 ท่าน ซึ่งมีมติเห็นพ้องต้องกันในบทลงโทษด้วย ทำให้นายโบลโซนาโร วัย 70 ปี กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานทำลายประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันยังสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับนายโบลโซนาโรด้วย ผู้พิพากษาคาร์เมน ลูเซีย กล่าวว่า มีหลักฐานเพียงพอที่แสดงให้เห็นว่านายโบลโซนาโร ซึ่งปัจจุบันถูกกักบริเวณในบ้านพัก พยายามกระทำ โดยมีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายประชาธิปไตยและสถาบันต่างๆ คณะผู้พิพากษาสี่ในห้าคนลงคะแนนให้ตัดสินว่าอดีตประธานาธิบดีมีความผิดใน 5 ข้อหา ได้แก่ การมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมติดอาวุธ พยายามใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างประชาธิปไตย, จัดตั้งการรัฐประหาร และทำลายทรัพย์สินของรัฐบาลและทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครอง นายทรัมป์ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของนายโบลโซนาโร ได้เรียกคดีนี้ว่าเป็น “การล่าแม่มด” และเพื่อเป็นการตอบโต้ สหรัฐได้ขึ้นภาษี คว่ำบาตรผู้พิพากษาที่รับผิดชอบในคดีนี้ และเพิกถอนวีซ่าเข้าสหรัฐของผู้พิพากษาศาลสูงสุดส่วนใหญ่ เมื่อนายทรัมป์ถูกถามเกี่ยวกับคำตัดสินนี้ ผู้นำสหรัฐกล่าวชื่นชมโบลโซนาโรอีกครั้ง โดยเรียกคำตัดสินนี้ว่าเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากและกล่าวเสริมว่าเขาคิดว่ามันไม่ดีต่อบราซิลเลย […]

เอฟบีไอตั้งรางวัลนำจับมือยิง ‘ชาร์ลี เคิร์ก’

วอชิงตัน 12 ก.ย. – สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือเอฟบีไอ เสนอรางวัลสูงสุด 100,000 ดอลลาร์ แก่ผู้แจ้งเบาะแสนำไปสู่การจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุยิงชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวหัวอนุรักษ์นิยมคนดังชาวอเมริกันเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เอฟบีไอโพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์เสนอเงินรางวัลสูงสุดถึง 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.2 ล้านบาท แก่ผู้ที่ให้ข้อมูลและเบาะเสซึ่งนำไปสู่การระบุตัวและจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการยิง ชาร์ลี เคิร์ก พร้อมเผยแพร่ภาพนิ่ง 2 ภาพของชายที่เชื่อว่าเป็น ‘บุคคลที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ’ (person of interest) ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ยิงเคิร์ก ระหว่างร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยรัฐยูทาห์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ระบุว่า บุคคลดังกล่าวคือผู้ต้องสงสัยโดยตรงในการยิงครั้งนี้ ภาพที่เผยแพร่แสดงให้เห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ หมวก และแว่นกันแดด เจ้าหน้าที่เอฟบีไอประจำสำนักงานเมืองซอลค์เลคซิตี รัฐยูทาห์ ระบุด้วยว่า บุคคลที่น่าสนใจรายนี้อยู่ระหว่างหลบหนี เชื่อว่ายังหลบซ่อนตัวในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ จากข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่า เขาน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนักศึกษาส่วนใหญ่ที่มหาวิทยาลัยรัฐยูทาห์ และบอกว่าเจ้าหน้าที่พบหลักฐานเป็นรอยรองเท้าคู่หนึ่งที่เชื่อว่าอาจมาจากรองเท้าของชายคนนี้ รวมถึงพบอาวุธไรเฟิลอานุภาพสูง ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุสังหารเคิร์กถูกนำไปทิ้งในป่าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ชาร์ลี เคิร์ก วัย 31 ปี เป็นผู้ดำเนินรายการพอดแคสต์และวิทยุแนวอนุรักษ์นิยม และเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีบทบาทสำคัญในการสร้างฐานเสียงของพรรครีพับลิกันในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่ […]

9 ทันโลก : อเมริการ้าวลึก ลอบสังหารทางการเมือง

สหรัฐ 11 ก.ย. – เกิดความรุนแรงทางการเมืองอีกครั้ง คราวนี้นักเคลื่อนไหวการเมืองที่ใกล้ชิดนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตกเป็นเหยื่อลอบสังหาร ติดตามจากรายงาน 9 ทันโลก ของฝ่ายข่าวต่างประเทศ. – สำนักข่าวไทย

นักเคลื่อนไหวสายอนุรักษ์นิยมสหรัฐ ‘ชาร์ลี เคิร์ก’ ถูกยิงเสียชีวิต

วอชิงตัน 11 ก.ย. – ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวและนักวิจารณ์การเมืองฝ่ายขวาชาวอเมริกัน วัย 31 ปี และเป็นพันธมิตรคนสำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถูกยิงเข้าที่คอจนเสียชีวิต เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ระหว่างร่วมงานในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในรัฐยูทาห์ ซึ่งผู้ว่าการรัฐได้กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการลอบสังหารทางการเมือง เหตุการณ์ลอบสังหารครั้งนี้ผ่านไปแล้ว 6 ชั่วโมง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยต่อสาธารณะได้ โดยสื่อสหรัฐรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายว่ายังไม่มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย ทางด้านนายคาช ปาเตล ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ เอฟบีไอ กล่าวว่า มีการควบคุมตัวบุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อเพื่อสอบปากคำ ก่อนจะปล่อยตัวไป เขาระบุว่าการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไป นายทรัมป์กล่าวในคลิปวิดีโอที่บันทึกในทำเนียบขาวและโพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลของเขา โดยให้คำมั่นว่ารัฐบาลของเขาจะตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยให้ได้ นายทรัมป์ยังได้ประณามการลอบสังหารอันโหดเหี้ยมครั้งนี้ พร้อมยกย่องเคิร์กว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาอย่างแรงกล้า นอกจากนี้นายทรัมป์ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ความแตกแยกทางการเมืองในประเทศที่เป็นเสมือนเชื้อเพลิงให้กับความรุนแรงในสหรัฐ นายทรัมป์ยังสั่งให้ลดธงชาติสหรัฐลงครึ่งเสาตามอาคารของรัฐบาลทั้งหมดจนถึงวันอาทิตย์ เพื่อไว้อาลัยแก่นายเคิร์ก คลิปวิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือและเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต แสดงให้เห็นนายเคิร์กกำลังกล่าวปราศรัยต่อฝูงชนจำนวนมากที่มหาวิทยาลัยยูทาห์ แวลลีย์ ในเมืองโอเร็ม รัฐยูทาห์ เมื่อเวลาประมาณ 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 23.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย ทันใดนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น เคิร์กเอามือไปแตะที่คอขณะที่ล้มลงจากเก้าอี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานต่างพากันวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะยิงมาจากบนหลังคาในระยะไกลพอสมควร […]

‘ทรัมป์’ ไม่ปลื้มอิสราเอลโจมตีกลุ่มฮามาสในกาตาร์

วอชิงตัน 10 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววันอังคารว่าเขาไม่ค่อยปลื้มนักกับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์ และระบุว่าการตัดสินใจโจมตีครั้งนี้เป็นของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลไม่ใช่การตัดสินใจของเขาเอง พร้อมเสริมว่าการโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวในกาตาร์นั้นไม่เป็นผลดีต่อผลประโยชน์ของทั้งอเมริกาและอิสราเอล อิสราเอลพยายามสังหารผู้นำทางการเมืองของกลุ่มฮามาสด้วยการใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศในกาตาร์เมื่อวันอังคาร ถือเป็นการยกระดับปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลางอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การโจมตีครั้งนี้ถูกประณามอย่างกว้างขวางทั้งในและนอกภูมิภาคว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังเปราะบางอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายลงไปอีก นายทรัมป์กล่าวว่าเขาได้สั่งการให้นายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐแจ้งเตือนกาตาร์ล่วงหน้าถึงการโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก็สายเกินไปที่จะหยุดยั้งได้ อย่างไรก็ตามกาตาร์ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่ารายงานที่ว่ากาตาร์ได้รับแจ้งล่วงหน้าก่อนการโจมตีนั้นไม่เป็นความจริง และได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่สหรัฐเมื่อได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นแล้วในกรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ นายทรัมป์โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์ททรูธ โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของตนเองว่า การทิ้งระเบิดโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวในกาตาร์ ซึ่งเป็นประเทศอธิปไตยและเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐ ที่ทำงานอย่างหนักและเสี่ยงอันตรายเพื่อเป็นคนกลางในการสร้างสันติภาพนั้น ไม่ได้ส่งเสริมเป้าหมายของอิสราเอลหรืออเมริกาเลย อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเสริมว่า การกำจัดกลุ่มฮามาสซึ่งแสวงหาผลประโยชน์จากความทุกข์ยากของผู้ที่อาศัยอยู่ในกาซานั้นเป็นเป้าหมายที่คุ้มค่า กลุ่มฮามาสเปิดเผยว่าสมาชิก 5 คนของกลุ่มเสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลในกรุงโดฮา ซึ่งรวมถึงลูกชายของ คาลิล อัล-ฮายยา ผู้นำกลุ่มฮามาสพลัดถิ่นในกาซา กาตาร์ถือเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคอ่าวของสหรัฐ กาตาร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางร่วมกับการอียิปต์ในการพยายามจัดทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ในกาซา เพื่อแลกกับการปล่อยตัวตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัว และวางแผนสำหรับกาซาหลังความขัดแย้ง หลังจากการโจมตี นายทรัมป์ได้พูดคุยกับทั้งนายเนทันยาฮูและชีคตามิม บิน ฮามัด อัล-ธานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์ นายทรัมป์กล่าวว่าเขาได้ให้คำมั่นกับผู้นำกาตาร์ว่า เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินของพวกเขา พร้อมเสริมว่าเขารู้สึกไม่ดีอย่างมากเกี่ยวกับสถานที่ที่เกิดการโจมตี ซึ่งต่อมานายทรัมป์ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงวอชิงตันว่าเขา “ไม่ปลื้มนัก” กับการโจมตีของอิสราเอลในกาตาร์.-813.-สำนักข่าวไทย

อิสราเอลโจมตีคณะผู้นำกลุ่มฮามาสในกาตาร์

โดฮา 10 ก.ย. – กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีกลุ่มผู้นำฮามาส ที่มีฐานอยู่ในกรุงโดฮา เมืองหลวงกาตาร์ แต่ฮามาสอ้างว่าคณะผู้นำของกลุ่มรอดชีวิต ขณะที่กาตาร์ประณามอิสราเอลละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้นำสหรัฐบอกอิสราเอลแจ้งล่วงหน้าก่อนโจมตี นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แถลงวานนี้ว่า เขาได้อนุมัติการโจมตีเฉพาะจุดอย่างแม่นยำต่อผู้นำกลุ่มฮามาสในกรุงโดฮาของกาตาร์ เป็นการขยายปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่ครอบคลุมไปทั่วตะวันออกกลาง รวมถึงกาตาร์ ฐานทางการเมืองของกลุ่มฮามาสมายาวนาน การโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่บรรดาผู้นำระดับสูงของฮามาส รวมถึง คาลิล อัล-ฮายา ผู้นำฮามาสในฉนวนกาซาที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ และเป็นหัวหน้าคณะเจรจาหลัก เนื่องจากเชื่อว่าพวกเขาอยู่เบื้องหลังการเปิดฉากโจมตีอิสราเอล เมื่อ 7 ตุลาคม 2023 ฮามาสเผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ 6 ราย รวมถึงบุตรชายของ อัล-ฮายา ที่เหลือเป็นทีมงานและเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ส่วน อัล-ฮายาและคนอื่นๆ ในบรรดากลุ่มผู้นำรอดชีวิต ด้านรัฐบาลกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนกลางร่วมกับอียิปต์ในการเจรจาหยุดยิงในสงครามฉนวนกาซาที่ดำเนินมานานเกือบสองปี ประณามการโจมตีดังกล่าวของอิสราเอลว่าเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับอิหร่าน สหประชาชาติ และสหภาพยุโรป ที่ประณามอิสราเอลเช่นกัน และเตือนว่าจะยิ่งส่งผลให้สถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลางลุกลามบานปลายยิ่งขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐโพสต์บนสื่อออนไลน์ “ทรูธ โซเชียล” (Truth Social) ของตนเองว่า […]

‘ทรัมป์’ เตรียมเยือนเกาหลีใต้ร่วมประชุมเอเปก

วอชิงตัน 7 ก.ย.- สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานในวันอาทิตย์ อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐหลายรายว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กำลังเตรียมการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ในเดือนหน้า เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปก (APEC) เกาหลีใต้จะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปกที่เมืองคยองจู ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยประธานาธิบดีอี แจ มย็อง ได้เชิญนายทรัมป์เข้าร่วมงานดังกล่าวเมื่อครั้งที่ทั้งสองได้พบหารือกันที่กรุงวอชิงตันเมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่ากำลังมีการหารือเรื่องการเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ พร้อมเสริมว่าการเดินทางครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการค้า การป้องกันประเทศ และความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์สำหรับพลเรือน รายงานของซีเอ็นเอ็นระบุว่า เจ้าหน้าที่ยังกล่าวด้วยว่ามีการหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการประชุมทวิภาคีระหว่างนายทรัมป์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนนอกรอบการประชุม แต่ยังไม่มีแผนการที่แน่นอน การเข้าร่วมการประชุมเอเปกของทรัมป์ยังก่อให้เกิดการคาดเดาถึงโอกาสในการพบปะกับนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ หลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐได้กล่าวระหว่างที่พบกับผู้นำเกาหลีใต้ว่า เขาหวังจะได้พบกับนายคิมในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ขณะนี้มีการให้ความสนใจไปที่การจัดเตรียมการประชุมที่เป็นไปได้กับนายสีมากกว่า.-813.-สำนักข่าวไทย

ชาวชิคาโกต่อต้านการส่งทหารของ ‘ทรัมป์’

ชิคาโก 7 ก.ย. – ประชาชนหลายพันคนในนครชิคาโกได้ออกมารวมตัวกันเดินขบวนประท้วงในใจกลางเมืองในวันเสาร์เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะส่งกองกำลังทหารของรัฐบาลกลางเข้ามาทำหน้าที่ในเมืองและเพิ่มปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง ผู้ประท้วงหลายพันคนตะโกนคัดค้านนโยบายของทรัมป์ พร้อมชูป้ายข้อความต่าง ๆ เช่น “ยกเลิกไอซ์” และ “ไม่เอาทรัมป์ ไม่เอาทหาร” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายทรัมป์กล่าวว่าจะส่งทหารกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ (National Guard) เข้ามาปราบปรามอาชญากรรมในนครชิคาโก ซึ่งถือเป็นการใช้กำลังทหารในเมืองใหญ่อันดับสามของประเทศอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และน่าจะนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ต่อมาเมื่อวันศุกร์ นายทรัมป์ยังได้ลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหม (Department of Defense) เป็น “กระทรวงสงคราม” (Department of War) อีกด้วย นายเจบี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ สมาชิกพรรคเดโมแครตและผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์อย่างเปิดเผย กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาเชื่อว่าการบุกตรวจค้นของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแห่งสหรัฐอเมริกา จะเกิดขึ้นพร้อมกับเทศกาลวันประกาศอิสรภาพของเม็กซิโกที่กำหนดจัดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้และสุดสัปดาห์หน้า ทำให้เทศกาลเม็กซิกันบางแห่งในพื้นที่นครชิคาโกต้องถูกเลื่อนหรืองดไป เนื่องจากความหวาดกลัวต่อการบุกค้นของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง.-813.-สำนักข่าวไทย

เผยหน่วยซีลสหรัฐสังหารพลเรือนเกาหลีเหนือในภารกิจปี 2019

โซล 6 ก.ย. – หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ (New York Times) ของสหรัฐ รายงานในวันศุกร์ว่าหน่วยรบพิเศษ หรือหน่วยซีล ของสหรัฐ (U.S. Navy SEALs) ได้ยิงและสังหารพลเรือนชาวเกาหลีเหนือจำนวนหนึ่ง ในระหว่างภารกิจลับที่ล้มเหลวเมื่อปี 2019 ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ดักฟังในเกาหลีเหนือ นิวยอร์กไทมส์ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยนาม ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารทั้งในปัจจุบันและอดีตที่ทราบรายละเอียดลับของปฏิบัติการ ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อนุมัติภารกิจนี้ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งในสมัยแรก ขณะที่เขาเข้าร่วมในการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์กับนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า นายทรัมป์อนุมัติภารกิจดังกล่าวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2018 แต่เมื่อถูกถามเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว นายตอบว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาเพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ภารกิจที่ล้มเหลวนี้มีจุดประสงค์เพื่อดักฟังการสื่อสารของผู้นำเกาหลีเหนือในขณะที่การเจรจาด้านนิวเคลียร์กับสหรัฐกำลังดำเนินอยู่ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า พลเรือนเกาหลีเหนือเหล่านี้ดูเหมือนกำลังดำน้ำเพื่อจับหอยในทะเล เมื่อพวกเขาบังเอิญไปพบกับหน่วยซีลที่ขึ้นฝั่งในเวลากลางคืน กองกำลังของสหรัฐ ซึ่งใช้เรือดำน้ำขนาดเล็ก 2 ลำ ในการเดินทาง จึงเปิดฉากยิงและสังหารทุกคนที่อยู่บนเรือประมงลำเล็กๆ นั้น โดยรายงานไม่ได้ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตที่แน่นอน รายงานข่าวระบุว่า การทบทวนลับของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในภายหลังได้ข้อสรุปว่าการสังหารดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องภายใต้กฎการปะทะ (rules of engagement) นายทรัมป์และนายคิม ประชุมสุดยอดร่วมกันที่สิงคโปร์ […]

‘ฮุนได’ เตรียมสอบสวนการจ้างงานในสหรัฐ

โซล 6 ก.ย. – บริษัท ฮุนได มอเตอร์ แถลงในวันศุกร์ว่าจะทำการสอบสวนแนวทางการจ้างงานของซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาช่วง หลังเจ้าหน้าที่สหรัฐได้บุกจู่โจมจับกุมแรงงานหลายร้อยคนที่ไซต์ก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ของฮุนได มอเตอร์ ในรัฐจอร์เจียของสหรัฐ ฮุนได มอร์เตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเกาหลีใต้ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และเหตุการณ์เช่นนี้ย้ำเตือนให้ตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานและเครือข่ายผู้รับเหมาของทางบริษัท ฮุนได มอเตอร์ ระบุว่า คริส ซูซอก หัวหน้าฝ่ายการผลิตประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือ จะเข้ามาดูแลไซต์งานขนาดใหญ่ทั้งหมดในรัฐจอร์เจีย และจะทำการสอบสวนเพื่อให้แน่ใจว่าซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาช่วงทั้งหมดปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมด พร้อมเน้นย้ำว่าบริษัทมีนโยบายไม่ยอมให้ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด พร้อมกับระบุว่า ตามข้อมูลที่ได้รับในปัจจุบัน ไม่มีผู้ที่ถูกควบคุมตัวคนใดเป็นลูกจ้างโดยตรงของฮุนได มอเตอร์ ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า แรงงานหลายร้อยคนที่ถูกจับกุมในปฏิบัติการบุกจู่โจมไซต์ก่อสร้างโรงงานของบริษัทเกาหลีใต้ในรัฐจอร์เจียเป็น ชาวต่างชาติผิดกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แค่ทำหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่าการบุกจู่โจมไซต์ก่อสร้างแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งดำเนินการโดยฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป และแอลจี เอนเนอร์จี โซลูชัน จำกัด ในเทศมณฑลไบรอัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการจับกุมผู้เกี่ยวข้อง 475 คน ซึ่ง “ส่วนใหญ่” เป็นชาวเกาหลีใต้ […]

‘ทรัมป์’ ระบุดูเหมือนเสียอินเดียและรัสเซียให้จีนไปแล้ว

วอชิงตัน, 6 ก.ย. – ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวว่า ดูเหมือนจะสูญเสียอินเดียและรัสเซียไปให้กับจีนแล้ว หลังจากที่ผู้นำของทั้งสองประเทศได้พบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ในสัปดาห์นี้ โดยเขาได้แสดงความรู้สึกรำคาญใจต่ออินเดียและรัสเซีย ในขณะที่จีนกำลังผลักดันระเบียบโลกใหม่ นายทรัมป์โพสต์ข้อความผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของเขาว่า ดูเหมือนว่าจะเสียอินเดียและรัสเซียไปให้กับจีนที่ที่ลึกล้ำดำมืดที่สุดไปแล้ว ขออวยพรให้พวกเขามีอนาคตที่ยืนยาวและรุ่งเรืองร่วมกัน พร้อมกันนั้นเขาก็ลงภาพถ่ายของผู้นำทั้งสามคนร่วมกันในการประชุมสุดยอดที่ประเทศจีน ที่นายสีเป็นเจ้าภาพเมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาไม่นาน นายทรัมป์กลับกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่คิดว่าสหรัฐได้สูญเสียอินเดียให้กับจีน เขากล่าวว่า เขาผมรู้สึกผิดหวังมากที่อินเดียซื้อน้ำมันจากรัสเซียเป็นปริมาณมาก นายสีเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจากประเทศนอกกลุ่มตะวันตกกว่า 20 คน ในการประชุมสุดยอดองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ หรือ เอสซีโอ (SCO) ที่เมืองท่าเทียนจินของจีน ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เข้าร่วมในการประชุมด้วย นายทรัมป์ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอินเดียเย็นชา ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและข้อพิพาทอื่นๆ และในสัปดาห์นี้ นายทรัมป์กล่าวว่าเขา “ผิดหวังมาก” ในตัวนายปูติน แต่ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-จีนแต่อย่างใด นายทรัมป์รู้สึกไม่พอใจที่ไม่สามารถโน้มน้าวให้รัสเซียและยูเครนยุติสงครามได้ หลังจากที่กองกำลังรัสเซียบุกยูเครนมานานกว่าสามปี เขาบอกกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวในคืนวันพฤหัสบดีว่าเขาวางแผนจะพูดคุยกับนายปูตินในไม่ช้านี้.-813.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 155
...