ไทย-เวียดนาม ดันการค้า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ไทย-เวียดนาม จับมือสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ดันการค้า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 68 ชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดการค้าชายแดน
ไทย-เวียดนาม จับมือสร้างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ดันการค้า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 68 ชำระเงินด้วยคิวอาร์โค้ดการค้าชายแดน
รัฐบาลทหารเมียนมาวางแผนเปิดพรมแดนระหว่างประเทศกับต่างชาติมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการเปิดพรมแดนกับไทยและจีน ภายในเดือนมกราคมปีหน้า เพื่อเรียกความเชื่อมั่นทางธุรกิจกลับคืนมา หลังเกิดเหตุรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์
นายกฯ ห่วงการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ ย้ำไม่ว่าคนภาคไหนก็คนไทยเหมือนกัน รัฐบาลดูแลทุกพื้นที่อย่างเท่าเทียม ขอคนไทยสามัคคีอย่าสร้างความแตกแยกในสังคม
สิงคโปร์ 2 พ.ย.-รายงานผลการจัดอันดับของดัชนีเมืองอัจฉริยะ (Smart City Index) ระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกติดต่อกันเป็นปีที่สาม ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับที่ 76 ร่วงลงจากอันดับที่ 71 เมื่อปีก่อน การจัดอันดับดัชนีเมืองอัจฉริยะระบุว่า สิงคโปร์ยังคงเป็นเมืองอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่สามติดต่อกัน ตามมาด้วยนครซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับสอง กรุงออสโลของนอร์เวย์ในอันดับสาม ไทเปของไต้หวันในอันดับสี่ และนครโลซานน์ของสวิตเซอร์แลนด์ในอันดับห้า ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยอยู่ในอันดับ 76 ร่วงจากอันดับ 71 ในปีที่แล้ว ส่วนนครรีโอเดจาเนโรของบราซิลรั้งอันดับ 118 ซึ่งเป็นอันดับท้ายสุดและร่วงจากอันดับ 102 เมื่อปีก่อน ดร. บรูโน แลนวิน ประธานสำนักสังเกตุการณ์เรื่องเมืองอัจฉริยะของสถาบันการพัฒนาการจัดการ หรือไอเอ็มดี ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านธุรกิจที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ เผยกับหนังสือพิมพ์เดอะสเตรตส์ไทมส์ของสิงคโปร์ว่า สิงคโปร์ประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่จากนโยบายในระดับเมืองและประเทศ โดยเฉพาะในด้านการให้บริการภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การศึกษา และการใช้ยุทธศาสตร์เมืองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้ ดร. แลนวิน ยังตั้งข้อสังเกตว่า สิงคโปร์สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ระบาดของโรคซาร์สมาได้ และมีความพร้อมในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ดีเมื่อเทียบกับเมืองอื่น ๆ ทั่วโลก ไอเอ็มดีและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบแห่งสิงคโปร์ได้ร่วมกันประกาศผลการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะจากทั้งหมด 118 […]
สรุปผลฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี รอบคัดเลือก กลุ่มเจ นัดแรก ที่ประเทศมองโกเลีย ไทย เสมอ มองโกเลีย 1-1, มาเลเซีย ชนะ ลาว 1-0
นายกฯ ย้ำความสำคัญของสหประชาชาติ ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในทุกมิติ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนโดยเฉพาะเยาวชนร่วมสนับสนุนภารกิจของสหประชาชาติ
สหรัฐปรับขึ้นระดับคำแนะนำการเดินทางไปยังสิงคโปร์เป็นระดับ 4 ซึ่งมีความเสี่ยงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สูงสุด และเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสิงคโปร์ ขณะที่ไทยยังคงอยู่ในระดับ 4 เช่นกัน
ทีมสาวจีนคว้าแชมป์อูเบอร์ คัพ 2020 หลังชนะทีมญี่ปุ่น 3-1 คู่ ขณะที่ทีมชาติไทย กับเกาหลีใต้ ครองอันดับ 3 ร่วมกัน
เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ ชื่นชมนายกรัฐมนตรี กำหนดมาตรการสู้โควิด-19 เชื่อมั่นไทยเปิดประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ตามเป้า
โซล 12 ต.ค. – กระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้เผยวันนี้ว่า เกาหลีใต้จะบริจาควัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาให้แก่เวียดนามและไทย เนื่องจากเกาหลีใต้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับฉีดให้ประชาชนในประเทศและต้องการให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนแก่ประเทศอื่น ๆ กระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้จะจัดส่งวัคซีนของแอสตราเซเนกาให้เวียดนาม 1.1 ล้านโดส และให้ไทย 470,000 โดสในวันนี้ โดยคาดว่าทั้งสองประเทศจะได้รับวัคซีนดังกล่าวในวันพุธ เกาหลีใต้ได้ตัดสินใจบริจาควัคซีนให้ประเทศคู่ค้าที่สำคัญในภูมิภาคดังกล่าว เนื่องจากต้องการช่วยปกป้องชาวเกาหลีใต้ที่อาศัยอยู่ในประเทศเหล่านั้น รวมถึงประชาชนท้องถิ่นของแต่ละประเทศ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ของเกาหลีใต้ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ทั้งนี้ การบริจาคดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่เกาหลีใต้ประกาศบริจาควัคซีนให้แก่ประเทศอื่น ๆ โดยตรง นอกเหนือไปจากการมอบเงินสนับสนุนผ่านโครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลก ในขณะเดียวกัน สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ หรือเคดีซีเอ เผยวันนี้ว่า เกาหลีใต้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิดโดสแรกให้แก่ประชาชนราว 40 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 78 จากประชากรทั้งหมด 52 ล้านคนนับถึงวันอังคาร และมีร้อยละ 60 ที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว. -สำนักข่าวไทย
องค์การต่อต้านการใช้สารกระตุ้นต้องห้ามโลก หรือ วาด้า ประกาศวานนี้ว่า เกาหลีเหนือ อินโดนีเซียและประเทศไทย ไม่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้
อังกฤษจะยกเลิกข้อกำหนดเรื่องการกักตัวเพื่อดูอาการโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับผู้ที่เดินทางมาจาก 47 ประเทศ หรือประเทศที่อยู่ใน “บัญชีแดง” ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 11 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป