“ส.ว.พีระศักดิ์” แจงโหวต “พิธา” นั่งนายกฯ ยึดหลักเสียงข้างมาก
“ส.ว.พีระศักดิ์” เผยเหตุผลโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ยึดหลักการโหวตให้เสียงข้างมากของ ส.ส.
“ส.ว.พีระศักดิ์” เผยเหตุผลโหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ยึดหลักการโหวตให้เสียงข้างมากของ ส.ส.
“ธนกร” ย้ำจุดยืน รทสช. ชัดเจน ไม่โหวตให้ “พิธา” เป็นนายกฯ ชี้ผลโหวตที่ออกมา “ไม่เซอร์ไพรส์” ลั่นแม้เปลี่ยน “แคนดิเดตพรรคเพื่อไทย” ถ้ามีพรรคแก้ ม.112 ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เห็นชอบ
“พิธา” ยอมรับ แต่ไม่ยอมแพ้ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ลดกำแพงแก้ ม.112 เดินหน้ายุทธศาสตร์รวบรวมเสียงในการลงมติครั้งที่ 2 ย้ำยังไม่ถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
ประธานรัฐสภา รายงานผลการลงคะแนนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการ เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง งดออกเสียง 199 เสียง รวม 705 เสียง
ชาวเชียงใหม่รวมตัวประตูท่าแพ ร่วมลุ้นผลโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอย่างใจจดใจจ่อ หวังให้ “พิธา” ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30
“พิธา” อภิปรายสรุป วอน “ส.ว.” ที่ยังแคลงใจ ปม 112 ร่วมกันหาทางออกอย่างมีวุฒิภาวะ โดยกลไกสภา เพื่อธำรงสถาบันสง่างามในสังคมไทย ไม่ถูกดึงใช้เป็นเครื่องมือการเมือง ขอตัดสินใจโหวตตามความหวังประชาชน อย่าปิดกั้นประเทศไม่ให้เดินต่อ
เต็มพื้นที่ ด้อมส้มเดินทางมาให้กำลังใจ “พิธา” ที่ศูนย์ราชการเกียกกาย ร่วมลุ้นโหวตนายกฯ คนที่ 30 ทุกสายตาจับจ้องจอโปรเจกเตอร์ถ่ายทอดสดภายในอาคารรัฐสภา
“พริษฐ์” ยันม.112 ไม่ใช่ล้มล้างการปกครอง หวังสานความสัมพันธ์สถาบัน-ประชาชน ชวน ส.ส.-ส.ว.ตั้งสติ โหวต “พิธา” คืนความปกติให้ประเทศ
“สมชาย” ยัน ส.ว.ทำหน้าที่โปร่งใส โหวตเลือกนายกฯ ไร้อามิสสินจ้าง ยัน “พิธา” ไม่เหมาะนั่งนายกฯ เลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านบังคับคนทั้งประเทศเห็นด้วย
โหวตนายกฯ พบ ส.ว.ลาประชุม 33 คน ขณะที่ “พิธา” ยังยิ้มได้ แม้ถูกอภิปรายถล่ม
กลุ่มมวลชน ทยอยเดินทางมาหน้าอาคารรัฐสภามากขึ้นเรื่อยๆ โดย ผอ.เขตดุสิต บอกว่า เตรียมขยายพื้นที่ให้มวลชนที่จะเดินทางมาในเย็นวันนี้ ขณะบรรดา ส.ส.ก้าวไกล สลับออกมาขอบคุณมวลชนคึกคัก
ไม่ต้องให้ศาลวินิจฉัยก็รู้ว่าขาดคุณสมบัติ
รัฐสภา 13 ก.ค.-“ส.ว.ประพันธุ์” แจงยิบข้อกฎหมาย ชี้ “พิธา” ขาดคุณสมบัติเป็นนายกฯ ระบุคุณสมบัติเดียวกับการเป็นส.ส. วิญญูชนทั่วไปวินิจฉัยได้ ไม่ต้องถามศาล ขู่คนโหวตให้ ระวังถูกร้องทำผิดรธน.-ส.ว.ทำผิดจริยธรรม
นายประพันธุ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) อภิปรายต่อที่ประชุมรัฐสภา เพื่อคัดค้านชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า นายพิธาเป็นบุคคลที่มีคุณสมบติและลักษณะต้องห้าม ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 และ มาตรา 160 ประกอบกับมาตรา 98 (3) การเสนอชื่อดังกล่าวถือว่าขัดกับข้อบังคับข้อ 136 ทั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยประเด็นสมาชิกภาพของนายพิธาสิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ลงรับในทางธุรการ และเตรียมเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาสัปดาห์ เป็นข้อเท็จจริงที่ปราศจากข้อสังสัยว่านายพิธามีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ
“สภาฯ มีหน้าที่พิจารณาว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายพิธา เป็นการเสนอชื่อบุคคลที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและข้อบังคับหรือไม่และมีปัญหาคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แม้มีคนแย้งว่าคำชี้ขาดของศาลไม่เป็นที่สุดจะพิจารณาแบบนั้นไม่ได้ แต่ผมมองว่าปัญหานี้ไม่จำเป็นต้องรอคำวินิจฉัย เพราะปัญหาคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.เป็นคุณสมมบัติเดียวกันกับคนที่เป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่วิญญูชน บุคคลทั่วไปวินิจฉัยได้ ไม่จำเป็นต้องถามศาล เพราะมีวิจารณญาณพิจารณาได้เอง ซึ่งท่านสามารถรู้ได้เองเหมือนกับว่าท่านจบม.6 หรือไม่” นายประพันธุ์ กล่าว
นายประพันธุ์ กล่าวว่า รัฐสภาไม่อาจรับชื่อของนายพิธาไว้พิจารณาลงคะแนนเสียงได้ เพราะคุณสมบัติขัดต่อกฎหมายและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธารมนูญ หากรัฐภาลงมติพิจารณา ย่อมขัดกับรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภา เพราะคนที่พิจารณาย่อมถือว่ารู้อยู่แล้วว่าและจงใจทำผิดและฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา หากดึงดันอาจจะถูกร้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 231(1) จงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ส่วนกรณีที่ ส.ว.จะลงมติอาจจะมีปัญหาต่อการทำผิดประมวลจริยธรรมเช่นเดียวกัน.-สำนักข่าวไทย