เลือกตั้ง

อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศสเตือนว่า การที่ประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครง ตัดสินใจยุบสภาจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดอย่างไม่คาดคิด อาจก่อให้เกิดผลตรงข้ามกับที่คิด และทำให้ประเทศตกอยู่ในความวุ่นวาย

ปารีส 16 มิ.ย.- ผู้คนในฝรั่งเศสหลายแสนคนออกมาเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อประท้วงต่อต้านกลุ่มการเมืองฝ่ายขวาจัด ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นหลังการเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ตำรวจฝรั่งเศสระบุว่า ในกรุงปารีสมีประชาชนออกมาร่วมชุมนุมจำนวนประมาณ 75,000 คน ตามการเรียกร้องของกลุ่มสหภาพ สมาคม และกลุ่มพันธมิตรการเมืองฝ่ายซ้ายใหม่ หรือ CGT ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อศึกเลือกตั้งสมาชิกสภาฝรั่งเศสเป็นการเฉพาะ กลุ่ม CGT ประเมินจำนวนผู้คนที่ออกมาชุมนุมประท้วงทั่วประเทศไว้ที่ 640,000 คน ตามเวทีชุมนุมกว่า 128 แห่งในหลายเมืองทั่วประเทศ ในจำนวนนี้กว่า 250,000 คนอยู่ในกรุงปารีส มีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงราว 21,000 นาย ถูกสั่งประจำการทั่วฝรั่งเศส เพื่อรับมือกับการชุมนุม การประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แม้มีการกระทบกระทั่งกันบ้างที่เมืองแร็งส์กับเมืองน็องต์ ทางตะวันตกของฝรั่งเศส เมื่อตำรวจพยายามใช้แก๊สน้ำตาผลักดันกลุ่มนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายจัดจำนวนหลายสิบคนให้ถอยร่นกลับไป ส่วนที่กรุงปารีส มีรายงานว่า โครงสร้างพื้นฐานบนถนนบางจุดได้รับความเสียหาย สาขาธนาคารบางแห่งถูกผู้ชุมนุมบุกเข้าทำลาย ขณะที่ตำรวจถูกผู้ประท้วงขว้างปาขวดใส่ ทำให้ต้องตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ประชาชนเหล่านี้แสดงการต่อต้านกลุ่มฝ่ายขวาจัดที่มีแนวโน้มจะชนะการเลือกตั้งสมาชิกสภาฝรั่งเศสรอบแรกในวันที่ 30 มิถุนายน และหากพรรคฝ่ายขวาจัดชนะเลือกตั้งจริง นายจอร์แดน บาร์เดลลา วัย 28 ปี หัวหน้าพรรคเนชันแนล แรลลี หรืออาร์เอ็น (RN) […]

นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ใช้งานเลี้ยงฉลองวันเกิดครบรอบปีที่ 78 ของเขาเมื่อวานนี้ ให้สัญญาว่า หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เขาจะดำเนินการลดภาษี

ปารีส 10 มิ.ย. – นายโทมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซี (IOC) เผยวันนี้ว่า การเมืองในฝรั่งเศสจะไม่กระทบต่อการเตรียมการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ปารีส 2024 หลังจากประธานาธิบดีเอมานูว์แอล มาครง ของฝรั่งเศส ประกาศยุบสภาจัดการเลือกตั้งอย่างกะทันหัน นายบาคกล่าวว่า ฝรั่งเศสเคยชินกับการจัดการเลือกตั้งอยู่แล้ว รัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้งและทุกคนจะให้การสนับสนุนโอลิมปิก ผู้นำทางการเมืองของฝรั่งเศสล้วนมีความเป็นเอกภาพในการสนับสนุนมหกรรมกีฬานี้ เขาจึงไม่คิดว่า ความเป็นเอกภาพนี้จะพังทลายลงในช่วงไม่กี่วันก่อนที่โอลิมปิกฤดูร้อนจะเปิดฉากในวันที่ 26 กรกฎาคม และดำเนินไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม ด้านนางอานน์ อิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดประธานาธิบดีจึงเลือกที่จะทำให้ประเทศตกเข้าสู่ความไม่แน่นอนทางการเมืองขณะใกล้จะถึงโอลิมปิกปารีส 2024 ขณะที่นายโทนี เอสตองเกต์ ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันกล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้นที่จะทำให้การแข่งขันประสบความสำเร็จ เพราะนับตั้งแต่กรุงปารีสประกาศตัวชิงเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 ก็มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วนับสิบครั้ง ประธานาธิบดีมาครงประกาศยุบสภาและจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนดรอบแรกในวันที่ 30 มิถุนายน และรอบ 2 ในวันที่ 7 กรกฎาคม หลังจากพรรคเรเนซองส์ของเขาพ่ายแพ้ให้แก่พรรคเนชันนัลสายขวาจัดในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวันอาทิตย์.-814.-สำนักข่าวไทย

เยรูซาเลม 10 มิ.ย.- นายเบนนี แกนต์ซ ผู้นำสายกลางประกาศลาออกจากการร่วมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินของอิสราเอล และเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ โดยได้วิจารณ์นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูเรื่องการทำสงครามกับฮามาส นายแกนต์ซ วัย 65 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมปี 2563-2565 ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีกระทรวงประจำ เขาแถลงทางโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ว่า จะลาออกจากคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินที่ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566 หลังเกิดสงครามกาซา โดยประกอบด้วยเขา นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู และนายโยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบัน เนื่องจากนายเนทันยาฮูกำลังขัดขวางไม่ให้อิสราเอลได้รับชัยชนะที่แท้จริงในการทำสงครามกับฮามาส การตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ที่เป็นเรื่องความเป็นความตายกลับมีความลังเลและผัดผ่อนเพราะเห็นแก่เรื่องทางการเมือง  นายแกนต์ซเรียกร้องให้จัดการเลือกตั้งใหม่ในฤดูใบไม้ร่วงที่จะครบ 1 ปีของสงครามกาซาที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 เพราะจะทำให้อิสราเอลได้รัฐบาลที่เป็นเอกภาพอย่างแท้จริง นายแกนต์ซประกาศเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนว่า จะถอนตัวจากคณะรัฐมนตรีสงครามภายในวันที่ 8 มิถุนายน หากนายเนทันยาฮูไม่ทำตามข้อเรียกร้องของเขาที่ต้องการตั้งพันธมิตรประกอบด้วยชาติอาหรับ ปาเลสไตน์ ยุโรป และสหรัฐขึ้นจัดการการปกครองในกาซา และพาชาวอิสราเอลกลับบ้านภายในเดือนกันยายน หลังจากที่ต้องอพยพจากทางเหนือของประเทศเพราะอิสราเอลกำลังสู้รบกับฮิซบอลเลาะห์ทางตอนใต้ของเลบานอน.-814.-สำนักข่าวไทย

บรัสเซลส์ 10 มิ.ย.- ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปที่เสร็จสิ้นลงเมื่อวานนี้ พรรคการเมืองที่สนับสนุนยุโรปเสียที่นั่งให้แก่พรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนยุโรป แม้ว่ายังสามารถครองเสียงข้างมาก แต่ก็ส่งผลสะเทือนถึงการเมืองของประเทศที่เป็นสมาชิกใหญ่ของสหภาพยุโรปหรืออียู และทิศทางของรัฐสภายุโรปในช่วง 5 ปีข้างหน้า รัฐสภายุโรปทำหน้าที่ตัดสินใจร่วมกับคณะมนตรียุโรป ซึ่งเป็นเวทีประชุมของผู้นำชาติสมาชิกอียู 27 ประเทศ มีประชากรรวมกัน 450 ล้านคน ผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพลชี้ว่า พรรคการเมืองสายกลางขวา สายกลางซ้าย สายเสรีนิยม และสายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือพรรคกรีนจะยังสามารถครองเสียงข้างมาก 460 ที่นั่งจากทั้งหมด 720 ที่นั่ง แต่ลดลงจากการเลือกตั้งปี 2562 ที่ได้รวมกัน 488 ที่นั่งจากทั้งหมด 705 ที่นั่ง โดยเฉพาะพรรคกรีนที่จะลดลงจาก 71 ที่นั่งเหลือ 53 ที่นั่ง ขณะที่อีซีอาร์ (ECR) ซึ่งเป็นกลุ่มพรรคการเมืองชาตินิยมที่ไม่สนับสนุนยุโรปและพรรคการเมืองขวาจัดได้ที่นั่งรวมกัน 146 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 19 ที่นั่ง ส่วนสมาชิกสภาที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดได้ 95 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 33 ที่นั่ง ผลการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปส่งผลสะเทือนถึงการเมืองในประเทศของชาติสมาชิกใหญ่ของอียูอย่างฝรั่งเศส เยอรมนี และอิตาลี […]

บรัสเซลส์ 9 มิ.ย.- ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน 27 ประเทศที่เป็นสมาชิกสหภาพยุโรปหรืออียู (EU) จะเสร็จสิ้นการลงคะแนนเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรปเป็นเวลา 4 วันในวันนี้ คาดกันว่ารัฐสภายุโรปชุดใหม่จะมีแนวทางเปลี่ยนจากฝ่ายซ้ายไปเป็นฝ่ายขวาและมีจำนวนสมาชิกชาตินิยมที่ต่อต้านอียูเพิ่มขึ้น อียูมีประชากรรวมกัน 450 ล้านคน การลงคะแนนเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่เนเธอร์แลนด์ ประเทศสมาชิกส่วนใหญ่จัดการลงคะแนนในวันนี้ โดยมีอิตาลีลงคะแนนเป็นวันที่ 2 และประเทศสุดท้าย รัฐสภายุโรปแจ้งว่า จะประกาศผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพลราวเวลา 20:30 น.วันนี้ตามเวลาชาติยุโรปกลาง (CET) ตรงกับเวลา 01:30 น.วันจันทร์ตามเวลาไทย ผลการหยั่งเสียงส่วนใหญ่ทำนายว่า กลุ่มเสรีนิยมที่สนับสนุนยุโรปและกลุ่มสิ่งแวดล้อมจะมีที่นั่งลดลง ส่งผลให้สายกลางขวาและสายกลางซ้ายเสียเสียงข้างมากในสภาที่มีทั้งหมด 720 ที่นั่ง อาจกระทบต่อความพยายามในการผลักดันร่างกฎหมายเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปฏิรูปที่จำเป็นต่อการขยายสมาชิกอียู ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากไม่พอใจเรื่องค่าครองชีพสูง คนเข้าเมือง ต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนผ่านเพื่อเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงสงครามยูเครน เปิดทางให้พรรคสายแข็งกร้าวและพรรคฝ่ายขวาเสนอตัวเป็นทางเลือกแทนพรรคกระแสหลัก อย่างไรก็ดี คาดว่าพรรคประชาชนยุโรปหรืออีพีพี (EPP) สายกลางขวาจะยังคงครองที่นั่งมากที่สุด และสามารถผลักดันให้นางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน สตรีเยอรมัน ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรปวาระ 5 ปี เป็นสมัยที่ […]

นายนเรนทรา โมดี ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Alliance) หรือ เอ็นดีเอ ซึ่งมีพรรคชาตินิยมฮินดู ภารติยะ ชนะตะ (Bharatiya Janata Party) หรือ บีเจพี

ไฮเดอราบัด 5 มิ.ย.- นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียจะสาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 3 ในวันที่ 8 มิถุนายนนี้ หลังจากพรรคร่วมรัฐบาลรับปากว่าจะให้การสนับสนุนต่อไป แม้ว่าพรรคภารติยะ ชนะตะหรือบีเจพี (BJP) เสียเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี สื่ออินเดียรายงานว่า นายโมดีและคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะสาบานตนรับตำแหน่งในวันเสาร์นี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันประชุมกันในเช้าวันนี้ และเสนอแนะให้ยุบสภา เพื่อให้สามารถจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ด้านพรรคท้องถิ่น 2 พรรคยืนยันว่า จะร่วมอยู่ในพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติหรือเอ็นดีเอ (NDA) ซึ่งนำโดยพรรคบีเจพีที่นายโมดีสังกัดอยู่ และจะเข้าร่วมการประชุมของเอ็นดีเอที่เดลีในวันนี้ เอ็นดีเอได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรหรือโลกสภารวมกัน 293 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษษยน และเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน เกินเกณฑ์เสียงข้างมาก 272 เสียงที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล อย่างไรก็ดี พรรคบีเจพีได้ที่นั่งลดลงเหลือ 240 ที่นั่ง จากที่เคยครองเสียงข้างมากพรรคเดียวในการเลือกตั้งปี 2557 และ 2562 บริษัทจัดอันดับเครดิตฟิทช์เรตติงชี้ว่า การที่เอ็นดีเอได้เสียงข้างมากลดลงอาจทำให้นโยบายปฏิรูปของรัฐบาลเผชิญความท้าทาย อย่างไรก็ดี คาดว่ารัฐบาลอินเดียจะสานต่อนโยบายในภาพกว้างต่อไป ขณะที่นักลงทุนชี้ว่า การที่รัฐบาลเสียคะแนนเสียงในพื้นที่ชนบทอาจทำให้นโยบายปฏิรูปที่ดินและแรงงานถูกลดความสำคัญลง ขณะที่นายโมดีชนะเพียง […]

พรรคภารติยะ ชนะตะ หรือบีเจพี (BJP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลอินเดีย ได้ที่นั่งลดลง ในการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ แม้นายนเรนทรา โมดี จะยังได้บริหารประเทศต่อเป็นสมัยที่ 3 แต่พรรคบีเจพีไม่ได้ครองเสียงข้างมากในสภาเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ

นิวเดลี 4 มิ.ย.- อินเดียผ่านการเลือกตั้งที่ยาวนานกว่า 1 เดือน เป็นกระบวนการลงคะแนนใหญ่ที่สุดของโลกที่มีการประกาศผลคะแนนในวันนี้ สื่อท้องถิ่นรายงานผลไม่เป็นทางการว่า พรรคของนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีชนะและจะได้ครองตำแหน่งอีกสมัย การเลือกตั้งของอินเดีย ประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลก เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายน ผ่านระยะต่าง ๆ 7 ระยะ ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ร้อนระอุ อุณหภูมิสูงสุดกว่า 50 องศาเซลเซียส และทำลายสถิติหลายพื้นที่ แต่มีผู้ออกไปใช้สิทธิ 642 ล้านคน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดเกือบ 1,000 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติสูงที่สุดเช่นกัน  จนกระทั่งเริ่มนับคะแนนกันเมื่อวานนี้ ล่าสุดวันนี้สื่อมวลชนหลัก ๆ ของอินเดียรวมถึงสถานีโทรทัศน์ รีพับบลิคทีวีได้ประกาศว่า พันธมิตรการเมืองของพรรคภราติยะชนะตะ หรือ บีเจพี (BJP) ของนายโมดี ได้มากกว่า 300 ที่นั่ง สูงเกินกึ่งหนี่งของทั้งหมด 543 ที่นั่งแล้ว จึงทำให้ได้รับชัยชนะ ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร  และจะทำให้นายโมดี ซึ่งครองตำแหน่งมาแล้ว 2 สมัยเป็นเวลา 10 ปึ จะได้เป็นผู้นำประเทศต่อไปอีก […]

นิวเดลี 3 มิ.ย.- คณะกรรมาธิการการเลือกตั้งของอินเดียประกาศวันนี้ว่า การเลือกตั้งทั่วไปที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน และเสร็จสิ้นลงเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน มีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งออกไปใช้สิทธิทั้งหมด 968 ล้านคน และจะมีการประกาศผลในวันที่ 4 มิถุนายน ยอดผู้ใช้สิทธิในปีนี้สูงกว่าการเลือกตั้งครั้งหลังสุดในปี 2562 ที่มีผู้ใช้สิทธิทั้งหมด 612 ล้านคน แต่เมื่อคิดเป็นสัดส่วนแล้ว มีผู้ไปใช้สิทธิลดลงร้อยละ 1 จากร้อยละ 67.4 ของการเลือกตั้งครั้งหลังสุด การเลือกตั้งปีนี้มีขึ้นท่ามกลางสภาพอากาศร้อนระอุ โดยเฉพาะพื้นที่ทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือที่อุณหภูมิเกือบแตะ 50 องศาเซลเซียส โดยแบ่งการใช้สิทธิออกเป็น 7 ระยะ นักวิเคราะห์ชี้ว่า สัดส่วนผู้ออกไปใช้สิทธิอาจลดลงในระยะแรกต้น ๆ เนื่องจากไม่มีประเด็นใหญ่จูงใจให้ออกไปใช้สิทธิ สถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งเผยผลการหยั่งเสียงหน้าคูหาเลือกตั้งหรือเอ็กซิตโพลในวันสุดท้ายของการเลือกตั้งว่า พันธมิตรที่นำโดยพรรคภารติยะ ชนะตะหรือบีเจพี (BJP) มีแนวโน้มจะชนะด้วยเสียงข้างมากจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี สังกัดพรรคบีเจพี ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 14 เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2557.-814.-สำนักข่าวไทย