เลิกจ้าง

วอชิงตัน 9 ก.ค.- ศาลฎีกาสหรัฐมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้านโยบายตัดลดตำแหน่งงานรัฐบาลกลางครั้งใหญ่และลดขนาดองค์กรจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้มีการเลิกจ้างคนหลายหมื่นคนและปรับโฉมระบบราชการรัฐบาลกลาง ศาลฎีกามีคำสั่งสั้น ๆ โดยไม่ลงนามเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จในการโต้แย้งว่า คำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ชอบด้วยกฎหมายตามอำนาจที่มี แต่ศาลไม่ได้ประเมินเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของแผนการเลิกจ้างของแต่ละหน่วยงานเป็นการเฉพาะ คำสั่งดังกล่าวเท่ากับยกเลิกคำสั่งของซูซาน อิลสตัน ผู้พิพากษาศาลแขวงนครซานฟรานซิสโกเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ระงับการเลิกจ้างครั้งใหญ่ในหน่วยงานรัฐบาลกลางในระหว่างที่คดียังไม่สิ้นสุดด้วยเหตุผลว่า นายทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต กรณีออกคำสั่งฝ่ายบริหารในเดือนกุมภาพันธ์ให้หน่วยงานต่าง ๆ เตรียมตัวเรื่องการเลิกจ้างครั้งใหญ่ โดยมีแผนจะลดจำนวนคนในกระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงคลัง กระทรวงทหารผ่านศึก และอีกสิบกว่าหน่วยงาน อย่างไรก็ดี แผนการเลิกจ้างเหล่านี้ที่มีการยื่นไปแล้วบางส่วนเมื่อต้นปีอาจเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายหลายประเด็น เช่น การต่อต้านจากสหภาพ ข้อจำกัดทางกฎหมาย การคุ้มครองข้าราชการ แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่า คำสั่งศาลฎีกาไม่ได้อนุญาตให้เลิกจ้างได้ทันที และอุปสรรคทางกฎหมายหรือเวลาที่ล่าช้าออกไปอาจส่งผลต่อขอบเขตและช่วงเวลาของการเลิกจ้าง ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า ผู้ตอบร้อยละ 56 สนับสนุนนโยบายลดขนาดหน่วยงานรัฐบาลกลางของนายทรัมป์ ขณะที่ร้อยละ 40 คัดค้าน และหากแยกตามพรรคที่สังกัด ผู้ตอบที่เป็นรีพับลิกันสนับสนุนมากถึงร้อยละ 89 ขณะที่ผู้ตอบที่เป็นเดโมแครตสนับสนุนเพียงร้อยละ 26 นายทรัมป์ใช้วันสาบานตนรับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคมปีนี้เริ่มนโยบายลดจำนวนลูกจ้างหน่วยงานรัฐบาลกลางที่มีมากถึง 2.3 ล้านคน ดำเนินการโดยกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลหรือโดจ (Doge) […]

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยสั่งการให้หน่วยงานรัฐบาลกลางเพิ่มการเลิกจ้าง และให้นายอีลอน มัสก์ ได้มีบทบาทสำคัญในการประชุม

เจนีวา 28 มิ.ย.- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ยูบีเอส วาณิชธนกิจข้ามชาติที่เป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ มีแผนจะเลิกจ้างพนักงานของเครดิต สวิส ธนาคารคู่แข่งสัญชาติเดียวกันที่ถูกยูบีเอสเทคโอเวอร์จำนวน 35,000 คนจากที่มีอยู่ทั้งหมด 45,000 คน รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับทั้ง 2 ธนาคารว่า พนักงานได้รับแจ้งว่าจะมีการเลิกจ้างทั้งหมด 3 ครั้งในปีนี้คือ สิ้นเดือนกรกฎาคม เดือนกันยายน และเดือนตุลาคม ยูบีเอสตกลงซื้อเครดิต สวิสเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ในราคา 3,000 ล้านฟรังก์สวิส (ราว 118,700 ล้านบาท) ตามแผนการช่วยเหลือฉุกเฉินที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เป็นคนกลางในการเจรจา เพื่อพยุงเครดิต สวิสไม่ให้ล้ม และเพิ่งเสร็จสิ้นการควบรวมกิจการเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้ง 2 ธนาคารมีพนักงานรวมกัน 120,000 คนนับจนถึงสิ้นปี 2565 ในจำนวนนี้ 37,000 คนอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ นักวิเคราะห์เคยเตือนว่า จะมีการเลิกจ้างคนจำนวนมหาศาล เนื่องจากทั้ง 2 ธนาคารมีตำแหน่งงานที่ทับซ้อนกัน ขณะที่นายเซอร์จิโอ แอร์มอตตี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของยูบีเอส เตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า ช่วงหลายเดือนข้างหน้าจะเป็นช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับการตัดสินใจยากลำบากหลายระลอก โดยเฉพาะเรื่องการจ้างงาน.-สำนักข่าวไทย

ซานฟรานซิสโก 28 ก.พ.- สื่อในสหรัฐรายงานว่า ทวิตเตอร์มีการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหม่ ขณะที่นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทวิตเตอร์เปิดศึกครั้งใหม่ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์สื่อ ซึ่งเสี่ยงจะทำให้เม็ดเงินจากโฆษณาลดลงไปอีก หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ทวิตเตอร์ได้เลิกจ้างพนักงานอย่างน้อย 200 คน คิดเป็นร้อยละ 10 ของพนักงานที่เหลืออยู่หลังจากมัสก์เลิกจ้างพนักงานหลายครั้งตั้งแต่เข้ามาเป็นเจ้าของคนใหม่เมื่อเดือนตุลาคม 2565 ผู้ถูกเลิกจ้างรอบใหม่ประกอบด้วยผู้จัดการผลิตภัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบิ๊กดาต้า วิศวกรด้านการทำให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้ได้ด้วยตนเองและการสร้างความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม มัสก์ตำหนิสื่อเมื่อวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นว่า เหยียดผิว หลังจากหนังสือพิมพ์ของสหรัฐหลายฉบับประกาศว่า จะยุติการตีพิมพ์การ์ตูนของนายสกอตต์ แอดัมส์ นักเขียนการ์ตูนที่เรียกคนผิวดำว่าเป็นกลุ่มที่รังเกียจคนที่ไม่เหมือนตนเอง มัสก์ทวีตว่า สื่อสหรัฐเหยียดผิวกับคนที่ไม่ใช่คนผิวขาวมานานมากแล้ว และตอนนี้กำลังเหยียดผิวกับคนผิวขาวและชาวเอเชีย เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในวิทยาลัยชั้นนำและโรงเรียนมัธยมในสหรัฐด้วย นักวิเคราะห์ระบุว่า ทวิตเตอร์เต็มไปด้วยทวีตเกลียดชังนับตั้งแต่มัสก์ปล่อยให้คนทวีตอย่างเสรี และปลดล็อกบัญชีที่เคยถูกแบน ส่งให้มีโฆษณาลดลงเพราะบริษัทโฆษณาเกรงว่าภาพลักษณ์สินค้าจะเสียหายและผู้บริโภคจะไม่พอใจ ผลการวิเคราะห์พบว่า โฆษณา 1,000 อันดับแรกที่เคยลงโฆษณาในทวิตเตอร์เมื่อเดือนกันยายน 2565 มากกว่าครึ่งหนึ่งไม่ได้ลงโฆษณาในทวิตเตอร์เมื่อเดือนมกราคม 2566 มัสก์พยายามหารายได้จากการให้ผู้ใช้งานสมัครเป็นสมาชิกที่มีการยืนยันตัวตนด้วยเครื่องหมายถูก แต่ข้อมูลนับจนถึงกลางเดือนมกราคมพบว่า มีผู้ใช้งานในสหรัฐจ่ายเงินค่าสมัครเพียง 180,000 คน คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงร้อยละ 0.2 ของผู้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ.-สำนักข่าวไทย