เขื่อน

หูหนาน 29 ก.ค.- ไต้ฝุ่นแคมี (Gaemi) ซึ่งสลายตัวไปแล้วยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในจีน เป็นเหตุให้เขื่อนกั้นแม่น้ำในมณฑลหูหนาน ทางภาคใต้ของประเทศ พังลงเป็นระยะทาง 77 เมตร ทางการต้องส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยมากกว่า 1,000 คน ไปช่วยอพยพชาวบ้านกว่า 3,000 คนที่ติดอยู่ในพื้นที่ถูกน้ำท่วม และเร่งซ่อมแซมสันเขื่อนหลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายเมือง โดยที่เมืองตานตง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีนที่มีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือ ทางการต้องเร่งสร้างประตูระบายน้ำ 45 จุดเพื่อป้องกันน้ำจากแม่น้ำยาลูที่กำลังเพิ่มระดับสูงขึ้นไม่ให้ไหลเข้าท่วมเมือง  ไต้ฝุ่นแคมีพัดขึ้นฝั่งในมณฑลฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในมณฑลฝูเจี้ยนเกือบ 630,000 คน ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งต้องอพยพละทิ้งบ้านเรือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดินโคลนถล่มในมณฑลหูหนาน ทางภาคใต้ของจีนแล้วอย่างน้อย 15 คน.-816(814).-สำนักข่าวไทย

อังการา 20 พ.ค.- กระทรวงกลาโหมทูร์เคียหรือตุรกีแจ้งเมื่อวันอาทิตย์ว่า ได้ส่งโดรน เฮลิคอปเตอร์ ยวดยานและทีมเจ้าหน้าที่ออกค้นหาเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีเอบราฮิม เรซีของอิหร่านที่ประสบเหตุตก แผนที่ติดตามเรดาร์การบินในเวลาจริงของไฟลต์เรดาร์24 (Flightradar24.com) พบว่า โดรนอากินจี01 (AKINCI01) ของทูร์เคียได้บินวนพื้นที่ที่เชื่อว่าเฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีอิหร่านตกเมื่อวันอาทิตย์ ด้านสำนักงานจัดการภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินทูร์เคียแจ้งว่า ได้ส่งทีมนักไต่เขา 23 คน และยวดยาน 6 คัน ไปยังอิหร่านแล้วเพื่อช่วยปฏิบัติการค้นหา ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอิหร่านพากันแสดงความห่วงใยและเสนอให้ความช่วยเหลือเรื่องการค้นหา เฮลิคอปเตอร์ของประธานาธิบดีเรซีซึ่งเดินทางมาพร้อมกับรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านประสบเหตุตกระหว่างที่กำลังเดินทางกลับจากการไปร่วมในพิธีเปิดเขื่อนกับอาเซอร์ไบจาน.-814.-สำนักข่าวไทย

สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้ของบราซิล ยังคงวิกฤติ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 39 คนแล้ว

มะนิลา 3 พ.ค.- ระดับน้ำที่ลดลงในเขื่อนแห่งหนึ่งของจังหวัดนูเอวาเอซีฮา (Nueva Ecija) ซึ่งเป็นจังหวัดเพาะปลูกข้าวทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ได้ทำให้ซากเมืองโบราณอายุเก่าแก่หลายศตวรรษโผล่พ้นน้ำ กลายเป็นจุดท่องเที่ยว สำนักงานชลประทานแห่งชาติของฟิลิปปินส์แถลงว่า ซากโบสถ์และโครงสร้างเมืองเก่าของเมืองปันตาบางัน (Pantabangan) โผล่พ้นน้ำในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นผลจากภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนานและการเริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง ซากเหล่านี้จะปรากฏขึ้นทุกครั้งที่น้ำในเขื่อนเหือดแห้งเพราะภัยแล้ง ชาวประมงวัย 27 ปีเล่าขณะพานักท่องเที่ยวล่องเรือชมซากโบสถ์และเมืองโบราณว่า หาปลาในบริเวณนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถม แต่เคยเห็นซากปรากฏเพียง 3 ครั้งคือในปี 2557, 2563 และในปีนี้ ข้อมูลของทางการท้องถิ่นเมืองปันตาบางันระบุว่า ผู้คนย้ายออกจากเมืองเก่าในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 เนื่องจากมีการก่อสร้างเขื่อน เพื่อเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคและชลประทานหลักให้แก่จังหวัดนูเอวาเอซีฮาและจังหวัดใกล้เคียง ฟิลิปปินส์และหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับภาวะอากาศร้อนจัดจนต้องงดการเรียนการสอนในโรงเรียน และเตือนประชาชนให้อยู่แต่ในที่ร่ม หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน เพราะเสี่ยงเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก สำนักอุตุนิยมวิทยาของฟิลิปปินส์พยากรณ์ว่า ดัชนีความร้อน (heat index) ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกได้ในเวลานั้นจะยังคงสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 45 องศาเซลเซียส.-814.-สำนักข่าวไทย

ไนโรบี 29 เม.ย.- สื่อเคนยาอ้างตำรวจในพื้นที่ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน ในพื้นที่ทางตอนกลางของประเทศ เนื่องจากเขื่อนแห่งหนึ่งแตก ซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วมที่คร่าชีวิตคนแล้ว 76 คนนับตั้งแต่เดือนมีนาคม สถานีโทรทัศน์ซิติเซน เทเลวิชันรายงานวันนี้อ้างตำรวจในพื้นที่ว่า เหตุเกิดที่เมืองไม มาฮิว ในเทศมณฑลนาคูรู ยอดผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้สภากาชาดเคนยาแจ้งว่า ได้ช่วยประชาชนจำนวนหนึ่งอพยพหนีน้ำท่วมฉับพลัน ขณะเดียวกันกระทรวงศึกษาธิการเคนยาประกาศในวันนี้ สั่งเลื่อนการเปิดภาคการศึกษาใหม่ออกไปอีก 1 สัปดาห์ เนื่องจากฝนตกหนักและน้ำท่วมที่คร่าชีวิตคนไปแล้ว 76 นับตั้งแต่เดือนก่อน และทำให้คนไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 131,000 คน สูญหาย 19 คน กระทรวงระบุว่า บางโรงเรียนได้รับผลกระทบหนักมากจากฝนตกหนัก จีงไม่ควรเสี่ยงชีวิตนักเรียนและครูผู้สอนก่อนที่จะมีมาตรการป้องกันความปลอดภัยให้แก่โรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ ด้านการท่าอากาศยานเคนยาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า เที่ยวบินยังคงทำการตามปกติ แม้ว่าอุโมงค์ลอดถนนที่ท่าอากาศยานนานาชาติในกรุงไนโรบีถูกน้ำท่วม หลายประเทศในแอฟริกาตะวันออก เช่น เคนยา แทนซาเนีย บุรุนดี เกิดน้ำท่วมหนักเป็นประวัติการณ์มาตั้งแต่ฤดูฝนเมื่อปลายปี 2566.-814.-สำนักข่าวไทย

ตริโปลี 25 ก.ย.- อัยการใหญ่ลิเบียสั่งจับกุมเจ้าหน้าที่ 8 คนในวันนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวนภัยพิบัติน้ำท่วมที่คร่าชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก สำนักงานอัยการใหญ่ลิเบียแถลงว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ต้องสงสัยว่า บริหารจัดการไม่ดีและละเลย มีทั้งเจ้าหน้าที่อดีตและปัจจุบันในสำนักงานที่รับผิดชอบด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและเขื่อน นายอัล-ซาดิก อัล-ซูร์ อัยการใหญ่ลิเบียเผยเมื่อวันที่ 16 กันยายนว่า เขื่อนต้นน้ำ 2 แห่งมีรอยร้าวตั้งแต่ปี 2541 บริษัททูร์เคียหรือตุรกีแห่งหนึ่งเข้ามาบูรณะในปี 2563 แต่ต้องระงับไปหลังจากเริ่มงานได้ไม่กี่เดือน เนื่องจากเกิดการลุกฮือโค่นล้ม พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟีในปี 2554 และไม่มีการสานต่องานนับตั้งแต่นั้นมา พายุแดเนียลที่มีความรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนขึ้นฝั่งเมืองเดอร์นา ทางตะวันออกของลิเบียเมื่อวันที่ 10 กันยายน ทำให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน เขื่อนอาบู มันซูร์ที่อยู่ห่างจากเมืองเดอร์นา 13 กิโลเมตรแตกเป็นแห่งแรก มวลน้ำ 22.5 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลทะลักมาทำให้เขื่อนอัล-บิลัดแตกเป็นแห่งที่ 2 เขื่อนนี้มีน้ำ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตรและอยู่ห่างจากเมืองเดอร์นาเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น จากนั้นทั้งกำแพงน้ำและซากปรักหักพังไหลทะลักร่องน้ำผ่าเมืองเดอร์นาที่ปกติเหือดแห้ง ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเกิน 3,800 คน ขณะที่กลุ่มบรรเทาทุกข์แจ้งว่า อาจมีคนสูญหายมากกว่า 10,000 คน อัยการใหญ่ลิเบียเผยว่า […]

เดอร์นา 17 ก.ย.- ความช่วยเหลือจากนานาชาติเริ่มหลั่งไหลเข้าลิเบียที่เกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน ความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ ยุโรป และตะวันออกกลางประกอบด้วยยา อุปกรณ์ผ่าตัดฉุกเฉิน ถุงบรรจุศพ เต็นท์ ผ้าห่ม เสื่อ อุปกรณ์สุขอนามัย อาหาร และเครื่องจักรหนักในการรื้อซากปรักหักพัง รัฐมนตรีสาธารณสุขรัฐบาลลิเบียในเมืองโตบรุก ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งไม่ใช่รัฐบาลในกรุงตริโปลีที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติแจ้งยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่ 3,166 คน แต่เชื่อกันว่ายอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก เนื่องจากองค์การอนามัยโลกแจ้งว่า มีการกู้ศพแล้ว 3,958 ศพ และยังคงมีผู้สูญหายอยู่ราว 9,000 คน สหประชาชาติร้องขอความช่วยเหลือลิเบียมากกว่า 71 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 2,533 ล้านบาท) เขื่อนต้นน้ำ 2 แห่งในเมืองเดอร์นา ทางตะวันออกของลิเบียแตกเพราะไม่สามารถรองรับน้ำฝนที่ตกหนักเพราะพายุแดเนียล (Daniel) พัดถล่ม ทำให้ร่องน้ำใหญ่ไหลผ่านใจกลางเมืองที่ปกติเหือดแห้งในช่วงฤดูร้อน มีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลทะลัก กวาดทุกสิ่งทุกอย่างที่ตั้งอยู่ริมฝั่งลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เขื่อน 2 แห่งนี้สร้างขึ้นปกป้องชาวเมือง 100,000 คน หลังจากเกิดน้ำท่วมใหญ่ช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีรายงานเขื่อนร้าวตั้งแต่ปี 2541 อัยการใหญ่ลิเบียประกาศเปิดการสอบสวนหาสาเหตุที่เขื่อนแตกแล้ว เขื่อนในเมืองเดอร์นาอยู่ในสภาพทรุดโทรมเช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ […]

เบอร์ลิน 8 มิ.ย.- ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนแสดงความตกใจที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหประชาชาติและสภากาชาด หลังจากเขื่อนใหญ่ในยูเครนที่อยู่ในความยึดครองของรัสเซียได้รับความเสียหาย ประธานาธิบดีเซเลนสกีให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนีโดยพูดเป็นภาษาอังกฤษกับว่า สหประชาชาติและสภากาชาดไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือ ทำให้เขารู้สึกตกใจ เพราะคิดว่าทั้ง 2 องค์กรนี้ควรต้องเข้าไปช่วยชีวิตผู้คน ล่ามชาวเยอรมันเผยว่า จากนั้นประธานาธิบดีเซเลนสกีได้พูดเป็นภาษายูเครนว่า ประชาชนและสัตว์ล้มตายในภัยพิบัติครั้งนี้ ผู้ที่หนีน้ำท่วมขึ้นไปบนหลังคาบ้านต้องเห็นศพคนอื่นลอยน้ำผ่านหน้าไป กองกำลังยูเครนพยายามเข้าไปอพยพคนออกจากแคว้นเคอร์ซอนที่ถูกรัสเซียยึดครอง แต่ถูกผู้ยึดครองยิงจากระยะไกล ผู้นำยูเครนกล่าวด้วยว่า ได้แบ่งปันข้อมูลข่าวกรองกับหุ้นส่วนนานาชาติของยูเครนเมื่อ 1 ปีก่อน ว่ามีความเสี่ยงที่เขื่อนโนวา คาคอฟกาในเมืองโนวา คาคอฟกา แคว้นเคอร์ซอนจะตกเป็นเป้าโจมตี และทุกฝ่ายก็เห็นด้วยว่ามีความเสี่ยงสูงมากที่เขื่อนจะถูกระเบิดเสียหาย เขื่อนดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้แนวหน้าการสู้รบ เกิดความเสียหายทำให้กระแสน้ำไหลท่วมหมู่บ้านหลายแห่งและเมืองที่อยู่ใกล้เคียง จุดกระสวิตกว่าจะเกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรม นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต จะเป็นประธานการประชุมคณะความร่วมมือฉุกเฉินกับยูเครนในวันนี้เรื่องความเสียหายใหญ่ที่เกิดขึ้นกับเขื่อนในยูเครน ขณะที่ฝรั่งเศสแจ้งว่า จะส่งความช่วยเหลือให้ยูเครน.-สำนักข่าวไทย

เคียฟ 7 มิ.ย.- ยูเครนอพยพประชาชน 17,000 คน หลังจากเขื่อนใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศเสียหาย แตกเป็นช่อง ทำให้มวลน้ำปริมาณมากไหลท่วมหมู่บ้าน 24 แห่ง อัยการสูงสุดของยูเครนเผยว่า ประชาชนมากกว่า 40,000 คนตกอยู่ในอันตรายจากการถูกน้ำท่วม และควรมีการอพยพประชาชนอีก 25,000 คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดนีโปรในส่วนที่รัสเซียยึดครอง ด้านนายกเทศมนตรีเมืองโนวา คาคอฟกาที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียและเป็นสถานที่ตั้งเขื่อนเผยว่า น้ำท่วมเมืองแล้วและมีการอพยพประชาชนจำนวนมาก ขณะเดียวกันชาวเมืองเคอร์ซอนที่อยู่ใกล้กันกำลังอพยพขึ้นสู่ที่สูง เนื่องจากน้ำจากเขื่อนกำลังไหลลงสู่แม่น้ำดนีโปร ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่อยู่ห่างจากเขื่อนไป 150 กิโลเมตร และได้รับน้ำหล่อเย็นจากเขื่อนแห่งนี้ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 สมัยสหภาพโซเวียต ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียยืนยันว่า ยังไม่มีอันตรายใด ๆ เพราะระดับน้ำหล่อเย็นยังคงเดิม แต่เอเนอร์ฮัวตอม บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ของยูเครนชี้ว่า กำลังมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะระดับน้ำในเขื่อนที่เป็นแหล่งน้ำหล่อเย็นของโรงไฟฟ้ากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษกันว่า เป็นฝ่ายที่ทำให้เขื่อนโนวา คาคอฟกาในเมืองโนวา คาคอฟกา แคว้นเคอร์ซอน เสียหาย ยูเครนอ้างว่า รัสเซียต้องการขัดขวางปฏิบัติการรุกกลับของยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวหารัสเซียว่า จุดชนวนระเบิดด้านสิ่งแวดล้อมที่สร้างความเสียหายแบบทำลายล้าง ทางการคาดว่าจะมีหมู่บ้านถูกน้ำท่วมมากถึง 80 แห่ง และขอให้ประชาคมโลกตอบโต้รัสเซีย แต่โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแย้งว่า กองกำลังยูเครนเป็นฝ่ายยิงถล่มเขื่อนหลายครั้งจนเสียหาย เพื่อจงใจก่อวินาศกรรม […]