เคียฟ 7 มิ.ย.- ยูเครนอพยพประชาชน 17,000 คน หลังจากเขื่อนใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศเสียหาย แตกเป็นช่อง ทำให้มวลน้ำปริมาณมากไหลท่วมหมู่บ้าน 24 แห่ง
อัยการสูงสุดของยูเครนเผยว่า ประชาชนมากกว่า 40,000 คนตกอยู่ในอันตรายจากการถูกน้ำท่วม และควรมีการอพยพประชาชนอีก 25,000 คนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดนีโปรในส่วนที่รัสเซียยึดครอง ด้านนายกเทศมนตรีเมืองโนวา คาคอฟกาที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียและเป็นสถานที่ตั้งเขื่อนเผยว่า น้ำท่วมเมืองแล้วและมีการอพยพประชาชนจำนวนมาก ขณะเดียวกันชาวเมืองเคอร์ซอนที่อยู่ใกล้กันกำลังอพยพขึ้นสู่ที่สูง เนื่องจากน้ำจากเขื่อนกำลังไหลลงสู่แม่น้ำดนีโปร
ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริชเชียที่อยู่ห่างจากเขื่อนไป 150 กิโลเมตร และได้รับน้ำหล่อเย็นจากเขื่อนแห่งนี้ที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 สมัยสหภาพโซเวียต ผู้อำนวยการโรงไฟฟ้าที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซียยืนยันว่า ยังไม่มีอันตรายใด ๆ เพราะระดับน้ำหล่อเย็นยังคงเดิม แต่เอเนอร์ฮัวตอม บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ของยูเครนชี้ว่า กำลังมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะระดับน้ำในเขื่อนที่เป็นแหล่งน้ำหล่อเย็นของโรงไฟฟ้ากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษกันว่า เป็นฝ่ายที่ทำให้เขื่อนโนวา คาคอฟกาในเมืองโนวา คาคอฟกา แคว้นเคอร์ซอน เสียหาย ยูเครนอ้างว่า รัสเซียต้องการขัดขวางปฏิบัติการรุกกลับของยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครนกล่าวหารัสเซียว่า จุดชนวนระเบิดด้านสิ่งแวดล้อมที่สร้างความเสียหายแบบทำลายล้าง ทางการคาดว่าจะมีหมู่บ้านถูกน้ำท่วมมากถึง 80 แห่ง และขอให้ประชาคมโลกตอบโต้รัสเซีย แต่โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแย้งว่า กองกำลังยูเครนเป็นฝ่ายยิงถล่มเขื่อนหลายครั้งจนเสียหาย เพื่อจงใจก่อวินาศกรรม ขอให้ประชาคมโลกประณามการก่ออาชญากรรมของยูเครน
สหภาพยุโรปหรืออียูและองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโตประณามการทำลายเขื่อน ขณะที่สหรัฐและอังกฤษเผยว่า ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือฝ่ายใด ด้านสหประชาชาติเป็นห่วงว่า ประชาชนทั้ง 2 ฝั่งแนวรบจะได้รับอันตรายจากน้ำท่วม เพราะกระแสน้ำท่วมไหลแรงและเร็วอาจพัดพาทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดไปยังพื้นที่ที่เคยได้รับการประเมินว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัย.-สำนักข่าวไทย