เกาหลีใต้

โซล 13 เม.ย.- เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเกาหลีใต้จะพิจารณาเรื่องอนุญาตให้ใช้ชุดตรวจหาเชื้อที่ทำให้เป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เอง แม้มีความแม่นยำค่อนข้างต่ำ หลังจากนายกเทศมนตรีโซลเรียกร้อง รัฐบาลเกาหลีใต้ลังเลที่จะให้คนใช้ชุดตรวจหาเชื้อเอง โดยอ้างว่ามีความแม่นยำต่ำเมื่อเทียบกับการตรวจแบบมาตรฐานพีซีอาร์ (PCR) และชุดตรวจรวดเร็วที่ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องเก็บตัวอย่างในโพรงจมูกซึ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้ออย่างถูกต้องจึงจะได้ผลเชื่อถือได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนชี้ว่า ชุดตรวจหาเชื้อเองเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นในเวลานี้เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการแพร่ระบาดระลอก 4 นายโอ เซฮุน นายกเทศมนตรีโซลที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 เมษายน คนใหม่เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก โทษรัฐบาลว่า ไม่สามารถควบคุมการระบาดระลอก 3 และไม่แบ่งเบาภาระของธุรกิจรายย่อยที่เดือดร้อนเพราะปฏิบัติตามาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่ไม่ได้ผล เขาเรียกร้องให้กระทรวงความปลอดภัยยาอนุมัติให้ประชาชนใช้ชุดตรวจนี้ที่บ้าน ร้านอาหาร ร้านค้า ศาสนสถาน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดอย่างง่ายและเร็วที่สุด ด้านนายคิม กังลิป รัฐมนตรีกระทรวงความปลอดภัยยากล่าวตอบว่า ชุดตรวจเองอาจเป็นประโยชน์หากใช้อย่างมีการควบคุม ระเบียบปัจจุบันกำหนดให้ใช้ชุดตรวจที่มีความแม่นยำร้อยละ 90 เทียบกับการตรวจพีซีอาร์ที่มีความแม่นยำร้อยละ 98 เขาจะเร่งกระบวนการประเมินความแม่นยำของชุดตรวจเองว่าจะสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ สำนักควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) แจ้งว่า เมื่อวานนี้พบผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายใหม่ 542 คน ทำให้ยอดสะสมที่ 110,688 คน และมีเสียชีวิตรวม 1,775 คน.-สำนักข่าวไทย

โซล 12 เม.ย.- นายโอ เซฮุน นายกเทศมนตรีโซลขอร้องรัฐบาลกลางเกาหลีใต้อนุมัติการใช้ชุดตรวจเอง เพื่อช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เปิดให้บริการได้นานขึ้น นายโอ วัย 60 ปีที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อวันที่ 8 เมษายน แถลงออนไลน์ที่สำนักงานกรุงโซลว่า ธุรกิจละแวกบ้านที่เป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังพังทลาย ทางแก้ปัญหาหลักขณะนี้คือ ต้องช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้เดินหน้าต่อได้ สำนักงานกรุงโซลจะเปลี่ยนแนวทางจากเดิมที่บีบให้ธุรกิจรายย่อยต้องเสียสละแต่เพียงฝ่ายเดียวไปเป็นมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบน้อยที่สุดในช่วงที่การระบาดยังยืดเยื้อ นายโอระบุว่า มาตรการหนึ่งที่จะช่วยให้แนวทางนี้ประสบความสำเร็จคือ รัฐบาลกลางต้องอนุมัติการใช้ชุดตรวจโรคโควิด-19 เอง เป็นชุดตรวจรวดเร็ว ทราบผลใน 10-30 นาที มีใช้กว้างขวางในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ เยอรมนีที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาด และช่วยให้ประชาชนดำเนินชีวิตประจำวันอย่างปลอดภัย มีบริษัทเกาหลีใต้ผลิตชุดตรวจรวดเร็วเพื่อส่งออก แต่ทางการไม่อนุมัติให้ใช้ในประเทศ สำนักงานกรุงโซลจะเริ่มโครงการนำร่องตามร้านคาราโอเกะ เพื่อดูว่าการใช้ชุดตรวจเองจะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้หรือไม่ นายกเทศมนตรีโซลเผยด้วยว่า กรุงโซลซึ่งมีประชากรเกือบ 10 ล้านคนจากทั้งประเทศ 52 ล้านคนกำลังร่างมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมสำหรับใช้ภายในเมือง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสุดสัปดาห์นี้ เพื่อนำไปหารือกับรัฐบาลกลางต่อไป สัปดาห์ที่แล้วเขาได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทบทวนคำสั่งปิดธุรกิจหลังเวลา 21:00 น. และ 22:00 น. เพื่อปรับให้เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท แต่เตือนว่า […]

โซล 11 เม.ย.- เกาหลีใต้จะเดินหน้าฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกาในวันจันทร์หน้า หลังจากระงับไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักข่าวยอนฮับอ้างสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) ว่า จะเริ่มฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาอีกครั้งตั้งแต่วันจันทร์หน้า ยกเว้นผู้มีอายุไม่เกิน 30 ปี คณะกรรมการพิเศษเรื่องวัคซีนแถลงว่า วัคซีนมีส่วนสำคัญในการลดจำนวนผู้ป่วยอาการหนักและผู้เสียชีวิต จึงควรฉีดวัคซีนของแอสตราเซนเนกาอีกครั้งโดยทันที ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธเกาหลีใต้เพิ่งระงับการฉีดให้แก่ผู้มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ครูสอนพิเศษ และพยาบาลโรงเรียน เพราะมีความกังวลเพิ่มขึ้นเรื่องพบผู้รับวัคซีนเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันทั้งในและต่างประเทศ แต่วันต่อมาได้ตัดสินใจให้ใช้วัคซีนขนานนี้อีกครั้ง โดยอ้างแถลงการณ์สำนักงานยายุโรปว่า วัคซีนของแอสตราเซนเนกายังคงมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงเรื่องผลไม่พึงประสงค์ ดังนั้นผู้ที่รับวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว จะได้รับวัคซีนเข็มสองตามกำหนดเดิม อย่างไรก็ดี การตัดสินใจล่าสุดนี้ยกเว้นผู้มีอายุไม่เกิน 30 ปี เพราะมีความเสี่ยงเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าประโยชน์ที่จะได้จากการฉีดวัคซีน เกาหลีใต้พบผู้รับวัคซีนของแอสตราเซนเนกาเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน 3 คน คนแรกเป็นสตรีวัย 60 ปีเศษ เสียชีวิตหลังรับวัคซีนเมื่อเดือนก่อน อีก 2 คน อายุ 20 ปีเศษ เคดีซีเอสรุปว่า ทั้งสามรายไม่ได้เป็นผลข้างเคียงของวัคซีน เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงวันนี้ฉีดไปแล้ว 1,156,950 คน […]

โซล 30 มี.ค. – หลายประเทศในทวีปเอเชียเร่งหาแหล่งผลิตวัคซีนวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 แห่งใหม่ หลังบริษัทผู้ผลิตวัคซีนของอินเดียจำกัดการส่งออกวัคซีนที่ทำให้โครงการโคแวกซ์ขององค์การอนามัยโลกประสบปัญหาขาดแคลนวัคซีน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการได้รับวัคซีนล่าช้าในโครงการโคแวกซ์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประเทศยากจน ปัญหาดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศระงับการส่งออกวัคซีนของแอสตราเซเนกาที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียเป็นการชั่วคราว เนื่องจากความต้องการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ สถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียมีกำหนดส่งมอบวัคซีน 90 ล้านโดสให้โครงการโคแวกซ์ในเดือนมีนาคมและเมษายน ในขณะที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะส่งมอบวัคซีนส่วนนี้มาใช้ในประเทศเป็นจำนวนเท่าใด แต่ผู้ดูแลโครงการโคแวกซ์ได้เตือนว่า ความล่าช้าในการจัดส่งวัคซีนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกัน นายการ์ลิโต กัลเวซ ประธานคณะทำงานวางแผนฉีดวัคซีนของฟิลิปปินส์กล่าวว่า แผนการเพิ่มกำลังฉีดวัคซีนโควิดรายวันของฟิลิปปินส์ได้รับผลกระทบจากนโยบายส่งออกวัคซีนของอินเดียเช่นกัน ขณะที่เกาหลีใต้ยืนยันว่า ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพียง 432,000 โดสจากทั้งหมด 690,000 โดส โดยจะได้รับวัคซีนที่เหลือล่าช้าจากกำหนดเดิมไปเป็นสัปดาห์ที่สามของเดือนหน้า ส่วนเจ้าหน้าที่ของเวียดนามได้ขอให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ หลังจากถูกปรับลดวัคซีนจากโครงการโคแวกซ์ร้อยละ 40 เหลือ 811,200 โดส และคาดว่าจะได้รับวัคซีนล่าช้าออกไปอีกหลายสัปดาห์ ด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซียเผยว่า อินโดนีเซียอาจจะได้รับวัคซีน 10.3 ล้านโดสจากโครงการโคแวกซ์ล่าช้าออกไปจนถึงเดือนพฤษภาคม.-สำนักข่าวไทย