
“ลอว์เรนซ์ หว่อง” สาบานตนรับตำแหน่งนายกฯ สิงคโปร์คนใหม่
นายลอว์เรนซ์ หว่อง สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์แล้วในวันพุธ แทนที่นายลี เซียน ลุง วัย 72 ปี ที่ก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากบริหารประเทศมายาวนาน 20 ปี
นายลอว์เรนซ์ หว่อง สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์แล้วในวันพุธ แทนที่นายลี เซียน ลุง วัย 72 ปี ที่ก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากบริหารประเทศมายาวนาน 20 ปี
วันนี้ สิงคโปร์เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านผู้นำอีกครั้ง แต่เป็นเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้นตั้งแต่สถาปนาประเทศขึ้นเมื่อปี 2508 หรือ 59 ปีก่อน
นายลอว์เรนซ์ หว่อง จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์ในวันนี้ หลังจากที่นายลี เซียน ลุง วัย 72 ปี ก้าวลงจากตำแหน่งหลังจากบริหารประเทศมายาวนาน 20 ปี
นายลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ กล่าววันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง จะไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีอาวุโสในคณะรัฐมนตรีของนายหว่องหลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ วัย 72 ปี ประกาศวันนี้ว่า เขาจะส่งต่ออำนาจการบริหารประเทศให้กับนายลอว์เรนซ์ หว่อง ทายาททางการเมืองของเขาในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
สิงคโปร์ 2 เม.ย.- สิงคโปร์ตัดสินผู้ต้องหารายแรกในคดีฟอกเงินครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศในวันนี้ว่า มีความผิดตามที่รับสารภาพว่าพัวพันกับการพนันออนไลน์ นายซู เหวินเฉียง วัย 32 ปี รับสารภาพว่ากระทำความผิดทั้งหมด 11 กระทงในข้อหาฟอกเงิน ข้อหาครอบครองรายได้จากการพนันออนไลน์ และข้อหาโกหกเพื่อให้ตนเองและภรรยาได้ใบอนุญาตทำงาน ศาลแขวงในสิงคโปร์ตัดสินในวันนี้ว่า มีความผิด และตัดสินจำคุก 13 เดือน หลังจากอัยการยื่นฟ้องให้ลงโทษจำคุก 12-15 เดือน ขณะที่ทนายความของจำเลยร้องขอให้จำคุกสูงสุด 11 เดือน คดีนี้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่า 81,000 ล้านบาท) ถือว่ามากที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสิงคโปร์ และอาจมากที่สุดในโลก นายซูเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องสงสัย 10 คนที่ถูกตำรวจสิงคโปร์รวบตัวได้พร้อมกันในเดือนสิงหาคม 2566 เขาเป็นชาวกัมพูชา แต่หนังสือเดินทางระบุว่า เป็นชาวฝูเจี้ยนในจีน เจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เขาได้มากกว่า 5.9 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (มากกว่า 160 ล้านบาท) ประกอบด้วยเงินสด รถยนต์ สินค้าหรู และสุรา เขาขึ้นศาลเมื่อวานนี้ผ่านทางวิดีโอ และรับสารภาพว่า ครอบครองทรัพย์สินที่ได้จากการพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย นายซูเริ่มพัวพันกับการพนันออนไลน์เมื่อครั้งอาศัยอยู่ในฟิลิปปินส์ในปี […]
สิงคโปร์ 27 มี.ค.- บริษัทสิงคโปร์ที่บริหารจัดการเรือสินค้าที่ชนสะพานพังถล่มในเมืองบัลติมอร์ของสหรัฐเผยว่า เจ้าพนักงานนำร่อง 2 คน บนเรือลำนี้เป็นชาวเมืองบัลติมอร์ ขณะที่ทางการสิงคโปร์แจ้งว่า เรือมีใบรับรองที่ยังไม่หมดอายุในช่วงที่เกิดเหตุ ซินเนอร์จี มารีน กรุ๊ป (Synergy Marine Group) บริษัทในสิงคโปร์ที่บริหารจัดการเรือดาลี (Dali) เรือที่ชนสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ (Francis Scott Key Bridge) ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์เมื่อเช้ามืดวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับหนังสือพิมพ์สเตรทส์ไทมส์ในสิงคโปร์วันนี้ว่า เจ้าพนักงานนำร่อง 2 คนที่อยู่บนเรือในขณะที่เกิดเหตุเป็นชาวบัลติมอร์ทั้งคู่ ส่วนลูกเรือทั้ง 22 คนเป็นชาวอินเดียที่บริษัทเป็นผู้จัดจ้างและดูแล ทั้งหมดปลอดภัยดี ขณะนี้พนักงานของบริษัทได้ไปอยู่ในพื้นที่แล้ว เพื่อให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สอบสวนของสหรัฐอย่างเต็มที่ ด้านการท่าเรือและการเดินเรือของสิงคโปร์แถลงวันนี้ว่า เรือดาลีมีใบรับรองที่ยังไม่หมดอายุจากสมาคมจัดชั้นเรือและใบรับรองการตรวจเรือตามกฎหมายเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของโครงสร้างและการทำงานของอุปกรณ์ในช่วงที่เกิดเหตุชนสะพาน นอกจากนี้เรือยังผ่านการตรวจสอบของท่าเรือต่างประเทศ 2 แห่งเมื่อเดือนมิถุนายนและกันยายน 2566 ด้วย เรือลำนี้เป็นเรือบรรทุกสินค้าขนาด 95,000 ตันกรอส.-814.-สำนักข่าวไทย
สิงคโปร์ 25 มี.ค.- นายเอส อิสวาราน อดีตรัฐมนตรีคมนาคมของสิงคโปร์ถูกตั้งข้อหาเพิ่มอีก 8 ข้อหา ในคดีรับสินบน ซึ่งเป็นคดีทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดคดีหนึ่งของสิงคโปร์ นายอิสวารานวัย 61 ปี กลับขึ้นศาลอีกครั้งในวันนี้ เพื่อรับทราบข้อหาใหม่ 8 ข้อหา หลังจากถูกตั้งข้อหาครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม สำนักงานสอบสวนการประพฤติทุจริตของสิงคโปร์แถลงวันนี้ว่า นายอิสวารานถูกกล่าวหาว่ารับของมีค่า เช่น สุรา ไม้กอล์ฟ จักรยานราคาแพง มูลค่ารวม 18,956 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 511,520 บาท) จากผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งที่มีบริษัทแม่เป็นผู้ได้รับสัมปทานงานก่อสร้างที่สถานีรถไฟฟ้าแห่งหนึ่งในปี 2549 นายอิสวารานดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคมนาคมในปี 2564 การรับสินบนเกิดขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 คำฟ้องระบุว่า เขาพัวพันกับการให้สัมปทานเรื่องการก่อสร้างเพิ่มเติมที่สถานีรถไฟฟ้าดังกล่าว นายอิสวารานซึ่งให้การปฏิเสธข้อหาใหม่ถูกตั้งข้อหารวมทั้งหมดจนถึงขณะนี้ 35 ข้อหา เช่น ทุจริต ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม หากเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดเรื่องการรับสินบนจะถูกปรับสูงสุด 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 2.7 ล้านบาท) หรือจำคุก 7 ปี นายอิสวารานถูกจับกุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม […]
กองทัพอากาศไทย จับมือสิงคโปร์-สหรัฐ ร่วมฝึกผสม COPE TIGER เน้นการยุทธ์ทางอากาศ ผบ.ทสส. เชื่อสหรัฐไว้ใจไทย ส่ง F-35 ร่วมฝึกครั้งแรก เตรียมนำข้อมูลไปพัฒนากองทัพ ทำแผนรบร่วมเหล่าทัพปี 71-80
เลขาธิการนายกฯ เผยรัฐบาลมีแผนออกมาตรการดึงคอนเสิร์ต-ภาพยนตร์-อีเวนต์ จัดแพ็กจูงใจทางภาษี-วีซ่า-อำนวยความสะดวก กระตุ้นท่องเที่ยว ยันนายกฯ ชื่นชมรัฐบาลสิงคโปร์ มองเป็นกรณีศึกษา
เมลเบิร์น 5 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ระบุว่า การที่สิงคโปร์ให้แรงจูงใจแก่เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องหญิงชาวอเมริกันชื่อดังให้เลือกสิงคโปร์เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตเพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ใช่การกระทำที่เป็นเป็นปรปักษ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน นายกรัฐมนตรีลีตอบข้อถามผู้สื่อข่าวที่นครเมลเบิร์นของออสเตรเลียระหว่างไปร่วมการประชุมสุดยอดออสเตรเลีย-อาเซียนสมัยพิเศษว่า สำนักงานตัวแทนของสิงคโปร์เจรจาข้อตกลงกับสวิฟต์ให้มาแสดงคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์ และให้สิงคโปร์เป็นสถานที่เดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับการตระเวนแสดงคอนเสิร์ตดิเอราส์ทัวร์ (The Eras Tour) ผลที่ออกมาประสบความสำเร็จด้วยดี เขาไม่คิดว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมิตรแต่อย่างใด สวิฟต์มีกำหนดการแสดงคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ทั้งหมด 6 รอบ โดยได้แสดงไปแล้ว 3 รอบ ก่อนหน้านี้รัฐบาลสิงคโปร์เผยว่า ได้ให้เงินนักร้องสาววัย 34 ปีให้แสดงคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์ แต่ไม่ได้พูดเรื่องเงื่อนไขข้อตกลง รอยเตอร์รายงานว่า เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่ประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ของไทยกล่าวว่า การให้เงินมีเงื่อนไขว่าจะต้องแสดงที่สิงคโปร์เพียงแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ ขณะที่ สส. ฟิลิปปินส์คนหนึ่งระบุว่า ประเทศเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ เดือนที่แล้วคณะกรรมการการท่องเที่ยวและกระทรวงวัฒนธรรมของสิงคโปร์ได้พูดถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกของสวิฟต์ ซึ่งเป็นนักร้องยอดนิยม และเผยว่ากระทรวงวัฒนธรรมได้ร่วมกับเออีจีพรีเซนต์ส (AEG Presents) ผู้ประชาสัมพันธ์คอนเสิร์ตติดต่อให้เธอมาแสดงที่สิงคโปร์.-814.-สำนักข่าวไทย
เอิง เอ็ง เฮน (Ng Eng Hen) รัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ กล่าวว่า สิงคโปร์จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ล่องหน เสตลธ์ เอฟ-35 เพิ่มอีก 5 ลำ ซึ่งจะเข้ามาประจำการทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-16 ที่มีอายุการใช้งานเก่าแล้ว โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้กองทัพอากาศสิงคโปร์เป็นกองทัพในระดับชั้นนำในขณะที่ภัยคุกคามในภูมิภาคกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ