TNA News-Now-Next: สิงคโปร์เปลี่ยนผ่านผู้นำสู่ยุค 4G

วันนี้ สิงคโปร์เข้าสู่การเปลี่ยนผ่านผู้นำอีกครั้ง แต่เป็นเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้นตั้งแต่สถาปนาประเทศขึ้นเมื่อปี 2508 หรือ 59 ปีก่อน


นาย ลี เซียนลุง ผู้อำลาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ครองมาตั้งแต่ ปี 2547 ประกาศว่า การเปลี่ยนผ่านตำแหน่งผู้นำเป็นช่วงเวลาสำคัญของประเทศ ที่ผ่านมาเขาได้เตรียมการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน กำหนดจะลงจากตำแหน่งเมื่อ 2 ปีก่อนแต่เมื่อยังเกิดวิกฤติโควิด-19 จึงต้องขยายเวลาเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับมือ

แม้กระนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำรอบนี้ก็เกิดขึ้นในเวลาที่ สังคมมีความแตกต่างขยายวงขึ้น ด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้น ความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดความขุ่นข้องหมองใจในหมู่แรงงานต่างชาติ ส่วนการเมืองภายในก็เริ่มเห็นความขัดแย้งขึ้น สำหรับการเมืองระหว่างประเทศก็เป็นจังหวะเวลาที่ท้าทาย จากความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจ


สิงคโปร์ในยามเปลี่ยนผู้นำจะก้าวย่างต่อไปอย่างไร มีอะไรที่เราเรียนรู้ได้บ้าง

ทายาทผู้รับไม้ต่อ

นายลี เซียนลุง วัย 72 ปี บุตรชายคนโตของ นาย ลี กวนยู บิดาผู้ล่วงลับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นรัฐบุรุษ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 2547 ขณะอายุ 51 ปี เขาลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคกิจประชาชนในวันนี้ (15 พ.ค. 2567) และส่งไม้ผู้นำประเทศต่อให้กับ นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรี


นายกรัฐมนตรี 4G ของสิงคโปร์

นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์และรัฐมนตรีคลัง รับตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์คนใหม่ ในการเปลี่ยนผ่านอำนาจทางการเมืองครั้งที่ 3 นับตั้งแต่สิงคโปร์ได้รับเอกราชแยกตัวจากมาเลเซียเมื่อปี 2508

นายหว่อง วัย 51 ปี ออกแถลงการณ์ว่า เขาน้อมรับและตระหนักดีถึงภาระหน้าที่ใหม่ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันสนับสนุนการทำงานของเขา โดยเตรียมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะทำงานร่วมกับเขาหลังจากสาบานตนเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของสิงคโปร์

เส้นทางชีวิตและการเมืองลอว์เรนซ์ หว่อง

นายลอว์เรนซ์ หว่อง เกิดวันที่ 18 ธันวาคม ปี 2515 ปัจจุบันอายุ 51 ปี มีชื่อเต็มคือ Lawrence Wong Shyun Tsai บิดาของเขาเป็นชาวจีนที่อพยพมาอยู่ที่สิงคโปร์ และมารดาของเขาเป็นครู เติบโตในชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสังคม

ด้านการศึกษา เขาเข้าเรียนในโรงเรียนรัฐบาลและมหาวิทยาลัยแห่งชาติของสิงคโปร์ ในสาขาวิทยาศาสตร์ จากนั้นไปศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison และยังได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขาเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Michigan-Ann Arbor และปริญญาโทอีกใบในสาขารัฐประศาสนศาสตร์จาก Harvard Kennedy School

นายหว่อง เริ่มต้นการงานอาชีพด้วยการทำงานในภาครัฐ เป็นเจ้าหน้าที่สำนักพลังงานในองค์กรการวิจัยสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ (Singapore Institute of International Affairs) ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการส่วนตัวของนายลี เซียน ลุง ซึ่งทำให้เขาเติบโตบนเส้นทางการเมืองอย่างรวดเร็ว จากตำแหน่งรัฐมนตรีศึกษาและพัฒนา ไปจนถึงรัฐมนตรีคลัง เมื่อปี 2554 ขณะที่มีอายุได้ 39 ปีเท่านั้น ต่อมาในปี 2563 จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีคลัง

นายกรัฐมนตรีจากการปลุกปั้นและฟูมฟัก

นายหว่อง ได้รับการคาดหมายเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสิงคโปร์มานาน จากหลายปัจจัยตั้งแต่ประสบการณ์การทำงานในภาครัฐ การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมือง และที่โดดเด่นมากคือการบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤติโรคโควิด-19

เมื่อโรคร้ายระบาด นาย หว่องเป็นขุนพลต่อสู้ในฐานะประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจโควิด-19 สร้างผลงานในการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ ปูทางให้เขาได้สัมผัสใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นครั้งแรก

บารมีทางการเมืองภายในประเทศเป็นเครื่องพิสูจน์ แม้อายุไม่มากแต่ได้รับการยอมรับในพรรคกิจประชาชน พรรครัฐบาลที่กุมอำนาจทางการเมืองในสิงคโปร์มาตั้งแต่ต้น พลพรรคดูเชื่อมั่นว่า จะเป็นผู้นำที่นำพาพรรคและประเทศจนได้รับการยอมรับจากประชาชนแม้เขาจะไม่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนโดยตรงก็ตาม มองกันว่า นายหว่อง สะท้อนความตั้งใจของพรรคที่จะรักษาความสมดุลของอำนาจภายในพรรคและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในเวลาเดียวกัน

มองไปข้างหน้ากับผู้นำใหม่สิงคโปร์

นายหว่อง มีความโดดเด่นที่สุดที่สร้างความเชื่อมั่นในหมู่ประชาชน ด้วยภาพลักษณ์ความมีวิสัยทัศน์ชัดเจนในการสร้างสิ่งใหม่ๆเพื่อเพิ่มศักยภาพของประเทศ เขามุ่งมั่นให้สิงคโปร์ผงาดในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยที่ผ่านมา มักแสดงวิสัยทัศน์สร้างสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแนวทางการสนับสนุนภาคธุรกิจด้านเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ การเสริมสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาและวัฒนธรรม และสร้างความเข้มแข็งในการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

การเปลี่ยนผ่านผู้นำราบรื่นไร้รอยต่อ

นับตั้งแต่ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในปี 2508 สิงคโปร์มีนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ 4 เท่านั้น ทุกครั้งที่ผู้นำผลัดใบจะมีกระบวนการที่วางไว้สืบทอดกันมาให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่น

เริ่มจากนาย ลี กวนยู ที่อยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ เขาได้แสดงความประสงค์จะลงจากอำนาจก่อนที่จะส่งไม้ต่อถึง 6 ปี นาย โก๊ะ จ๊กตง นายกรัฐมนตรีคนต่อมาก็สืบสานธรรมเนียมการเมืองนี้ ลงจากตำแหน่งเปิดทางให้กับนาย ลี เซียนลุง ซี่งได้ประกาศที่จะสละตำแหน่งผู้นำมาหลายปีแล้ว

วัฒนธรรมการเมืองเช่นนี้เองที่อาจเป็นเคล็ดลับให้สิงคโปร์ติดปีก สร้างศักยภาพให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินและศูนย์กลางทางเทคโนโลยีแห่งเอเชีย การเปลี่ยนผ่านผู้นำในหลายประเทศมักตามมาด้วยความขลุกขลัก แต่สิงคโปร์ส่งไม้ต่อจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ราวบทประพันธ์ดนตรีที่มีท่วงทำนองไพเราะ จากดำริและการปูรากฐานของนาย ลี กวนยู พรรคกิจประชาชนคำนึงถึงเสถียรภาพ เข้าใจว่า การส่งไม้ต่ออย่างไร้รอยต่อสำคัญอย่างยิ่งต่อชาติบ้านเมืองเพื่อรับประกันความต่อเนื่อง จึงให้ดำเนินการอย่างราบรื่น เป็นระบบ ประณีต และโปร่งใส

Final Thoughts: การเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่นในโลกที่ปั่นป่วน

แม้สืบทอดความราบรื่นของการเมืองในสิงคโปร์ และมรดกแห่งหัวคิดที่ก้าวหน้า นาย หว่อง มีเรื่องท้าทายรออยู่ข้างหน้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพ ความไม่เท่าเทียมในสังคม ผู้อพยพ และเรื่องอื้อฉาวในหมู่นักการเมือง ในด้านการต่างประเทศยุคสมัยของผู้นำรุ่นที่ 4 คนนี้จะเผชิญหน้ากับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์สูงขึ้น โดยต้องพยายามรักษาสมดุลย์เพื่อไม่ให้กระทบกับการค้าและการเดินเรือของสิงคโปร์

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]