ส.ต.อ.เขียนใบลาออก ยืนยันทำอะไรยึดประโยชน์คนส่วนใหญ่

กรณี ส.ต.อ.เขียนใบลาออกจากราชการ ระบุหมดหวังสูญสิ้นศรัทธากับระบบข้าราชการตำรวจ แต่กลับมีประเด็นว่า ส.ต.อ.นายดังกล่าว เป็นเพื่อนกับจ่าคลั่งที่ก่อเหตุกราดยิงโคราช เจ้าตัวยอมรับเป็นเพื่อนกันจริง แต่วัดอะไรไม่ได้ ยืนยันทำอะไรยึดประโยชน์คนส่วนใหญ่ เมื่อรู้สึกว่าทำไม่ได้ จึงดึงตัวเองออกมา

ชาวเปรูประท้วงไล่ประธานาธิบดี

ชาวเปรูหลายร้อยคนเดินขบวนประท้วงกลางกรุงลิมา เรียกร้องให้ประธานาธิบดีดินา โบลูอาร์เต ลาออกจากตำแหน่ง ยุบสภา และร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ผู้นำเปรูวอน “พักรบ” ขณะมีการปะทะครั้งใหม่ในเมืองหลวง

ลิมา 25 ม.ค.- ประธานาธิบดีดินา โบลัวร์เต ของเปรูร้องขอให้มีการ “พักรบระดับชาติ” เพื่อยุติเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศมาหลายสัปดาห์ ขณะที่การเดินขบวนครั้งใหญ่ในกรุงลิมาเกิดการปะทะกับตำรวจครั้งใหม่ ประธานาธิบดีโบลัวร์เต แถลงข่าวกับสื่อต่างประเทศ ร้องขอให้มีการพักรบระดับชาติเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาให้แต่ละภูมิภาคและร่วมกันพัฒนาเมือง เธอกล่าวขอโทษอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกหลายครั้งต่อเรื่องที่มีผู้เสียชีวิต แต่ยืนยันว่าจะยังไม่ลาออก เธอจะไปทันทีที่มีการเลือกตั้งทั่วไป เพราะไม่คิดจะอยู่ในอำนาจ และมั่นใจว่า รัฐสภาจะเห็นชอบในเดือนกุมภาพันธ์เรื่องจัดการเลือกตั้งก่อนกำหนด จากเดิมที่ต้องมีขึ้นในเดือนเมษายน 2567 ชาวเปรูจำนวนมาก หลายคนสวมชุดพื้นเมือง เดินขบวนจากพื้นที่แถบเทือกเขาแอนดีสเข้ามายังกรุงลิมา กล่าวโทษนางโบลัวร์เตว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 46 คนนับตั้งแต่ประชาชนออกมาประท้วง เพราะไม่พอใจที่อดีตประธานาธิบดีเปโดร กัสติญโญ ถูกถอดถอนจากตำแหน่งและจับกุมเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ทำให้โบลัวร์เต ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยอัตโนมัติ การชุมนุมเกิดความรุนแรงเมื่อเย็นวานนี้ เมื่อผู้ชุมนุมบางคนขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ และถูกตำรวจยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ มีคนถูกจับกุมและมีคนบาดเจ็บ ชาวเปรูในพื้นที่ยากจนทางตอนใต้ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมือง มองว่านายกัสติญโญที่มีพื้นเพเป็นชนพื้นเมืองเช่นเดียวกัน เป็นตัวแทนของพวกเขา มากกว่านักการเมืองในเมืองหลวง และในวันนี้จะมีการประท้วงใหญ่ทั่วประเทศอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ยูเครนปลดกราวรูด จนท. รับสินบน

เคียฟ 25 ม.ค.- ยูเครนประกาศปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงสิบกว่าคน เป็นการยกเครื่องทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุด หลังจากมีการเปิดโปงคดีทุจริตอื้อฉาวครั้งใหญ่ครั้งแรกที่โยงกับการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวในคลิปที่บันทึกเมื่อวันอังคารว่า จำเป็นต้องมีการกวาดล้าง และจะดำเนินมาตรการเพิ่มเติม เพื่อการปกป้องประเทศและเพื่อการสร้างสายสัมพันธ์ในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในยุโรป ด้านนายไมไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนทวีตว่า ประธานาธิบดีปลดเจ้าหน้าที่ทุจริตโดยคำนึงถึงผลประโยชน์หลักของประเทศ ในจำนวนนี้มีผู้ว่าการแคว้นที่กำลังสู้รบอย่างหนักหน่วงกับรัสเซีย และรัฐมนตรีช่วยหลายคน ชาติตตะวันตกที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงินและทางทหารในการทำสงครามกับรัสเซียตั้งเงื่อนไขให้ยูเครนปฏิรูปเพื่อกวาดล้างการทุจริตที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน ยูเครนประกาศปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงครั้งใหญ่หลังจากนายวาซิล โลซินสกี รัฐมนตรีช่วยการพัฒนาชุมชนและโครงสร้างพื้นฐานถูกจับกุมฐานต้องสงสัยยักยอก และถูกปลดจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่วันก่อน นายโลซินสกีวัย 36 ปี ถูกกล่าวหาว่ารับสินบน 400,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13.12 ล้านบาท) เพื่อเปิดทางให้แก่การจัดซื้อเครื่องปั่นไฟในราคาที่สูงเกินจริง ในช่วงที่ประชาชนไม่มีไฟฟ้าเพราะรัสเซียถล่มโรงไฟฟ้าจนใช้งานไม่ได้ ส่วนเมื่อวานนี้นายไครีโล ทีโมเชนโก วัย 33 ปีที่ทำงานกับเซเลนสกีมาตั้งแต่ได้รับเลือกตั้งในปี 2562 ได้ประกาศลาออก หลังจากพัวพันกับเรื่องอื้อฉาวหลายเรื่อง เช่น นำรถที่ได้รับบริจาคมาใช้ด้านมนุษยธรรมไปใช้เป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีการปลดผู้ว่าการ 5 แคว้น รัฐมนตรีช่วย 4 คน และมีรองอัยการสูงสุดลาออก หลังจากมีข่าวนำรถของบริษัทเอกชนไปใช้พักผ่อนในสเปน ขณะที่นายเซเลนสกีเองเคยถูกระบุในรายงานชื่อแพนดอราเปเปอร์ส (Pandora […]

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนลาออกหลังมีข่าวโยงคอร์รัปชัน

เคียฟ 24 ม.ค. – นายคีริโล ไทโมเชนโก รองหัวหน้าทำเนียบประธานาธิบดียูเครน ประกาศว่า เขาได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เมื่อวันจันทร์ แต่ไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ลาออก ขณะที่สื่อยูเครนรายงานว่าเขามีส่วนพัวพันกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในยูเครน นายไทโมเชนโกระบุผ่านเทเลแกรม แอปพลิเคชั่นสนทนาออนไลน์แบบเข้ารหัส ในวันนี้ว่า เขาได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งต่อประธานาธิบดีเซเลนสกีเมื่อวันจันทร์ และกล่าวขอบคุณผู้นำยูเครนสำหรับความเชื่อมั่นและโอกาสในการทำงานเพื่อรับใช้ประเทศชาติ อย่างไรก็ดี นายไทโมเชนโกไม่ได้เปิดเผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจลาออก ขณะที่สื่อของยูเครนรายงานว่า นายไทโมเชนโกอาจมีชื่ออยู่ในบัญชีปรับเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของยูเครนตามที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีประกาศไว้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเซเลนสกีเผยเมื่อวันจันทร์ว่า เขาจะปรับเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของยูเครนภายในสัปดาห์นี้ ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ระดับภูมิภาค และเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัย หลังจากที่มีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในขณะที่ยูเครนถูกรัสเซียบุกโจมตีมาเป็นเวลาเกือบปี ทั้งนี้ นายไทโมเชนโก วัย 33 ปี ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าทำเนียบประธานาธิบดียูเครนมาตั้งแต่ปี 2562 โดยมีหน้าที่ดูแลเรื่องนโยบายระดับภูมิภาค และยังเคยทำงานกับประธานาธิบดีเซเลนสกีในช่วงหาเสียงเลือกตั้งมาแล้ว โดยรับหน้าที่ดูแลเรื่องสื่อมวลชนและเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์ อย่างไรก็ดี สื่อของยูเครนรายงานว่า นายไทโมเชนโกตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากเรื่องอื้อฉาวหลายประเด็นที่เชื่อมโยงกับการใช้รถยนต์ส่วนตัวราคาแพงหลายคันนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน ขณะที่นายไทโมเชนโกได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย

“อาร์เดิร์น” ปฏิบัติภารกิจสุดท้ายในฐานะนายกฯ นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 24 ม.ค.- นางจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ปฏิบัติภารกิจสุดท้ายในฐานะนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ในวันนี้ และยืนยันว่าการถูกข่มเหงทางออนไลน์อย่างต่อเนื่องไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน นางอาร์เดิร์นวัย 42 ปี ไปเยี่ยมชุมชนชาวเมารีบนเกาะเหนือ เธอเผยกับสื่อขณะปฏิบัติภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งสุดท้ายว่า ไม่อยากให้การลาออกของเธอถูกมองว่าเป็นการวิจารณ์ประเทศในแง่ลบ เธอซาบซึ้งใจที่ได้รับตำแหน่งอันแสนวิเศษนี้มาหลายปี หลังจากนี้เธอจะถอยออกมาจากการเมืองในประเทศ ส่วนคำแนะนำที่จะมีให้แก่นายคริส ฮิปกินส์ วัย 44 ปี ซึ่งจะสาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันพรุ่งนี้คือ ขอให้เป็นในสิ่งที่เป็นตัวเอง นางอาร์เดิร์นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2560 และจะครบวาระ 3 ปีสมัยที่ 2 ในเดือนตุลาคมนี้ เธอประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า จะลาออกเนื่องจากหมดไฟในการทำงานแล้ว หลังจากนำพาประเทศผ่านพ้นภัยพิบัติทางธรรมชาติ เหตุก่อการร้ายครั้งร้ายแรง และโรคโควิด-19 ระบาด ขณะที่นายฮิปกินส์เผยว่า นางอาร์เดิร์นถูกข่มเหงอย่างน่ารังเกียจในช่วงที่เป็นผู้นำประเทศ.-สำนักข่าวไทย

ว่าที่นายกฯ นิวซีแลนด์ประกาศปกป้องครอบครัว

นายคริส ฮิปกินส์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ตำหนิการโจมตีส่วนตัวที่เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ และประกาศว่าเขาจะปกป้องครอบครัวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อการโจมตี

นิวซีแลนด์ได้นายกฯ คนใหม่แล้ว

เวลลิงตัน 22 ม.ค.- พรรครัฐบาลนิวซีแลนด์ได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้วในวันนี้ เพื่อทำหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์นที่ประกาศจะลาออกจากตำแหน่งภายในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ประชุมพรรคแรงงานวันนี้ให้การรับรองนายคริส ฮิปกินส์ วัย 44 ปี เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และนายกรัฐมนตรีคนที่ 41 ของประเทศ นายฮิปกินส์ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเพียงคนเดียวกล่าวตอบรับว่า เป็นสิทธิพิเศษและความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เขารู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและตื่นเต้นกับความท้าทายที่รออยู่ หลังจากนางอาร์เดิร์น วัย 42 ปี ที่ดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2560 ประกาศลาออกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาโดยให้เหตุผลว่า หมดไฟที่จะบริหารประเทศแล้ว นายฮิปกินส์ได้รับเลือกตั้งเข้าสภาสมัยแรกในปี 2551 สร้างผลงานจากการเป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องการรับมือกับโควิด-19 หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขในปี 2563 เขาเผยว่า จะสาบานตนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวันพุธหน้า เมื่อนางอาร์เดิร์นยื่นหนังสือลาออกต่อผู้สำเร็จราชการแทนสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร และเขาได้รับแต่งตั้งจากผู้สำเร็จราชการฯ .-สำนักข่าวไทย

“ฮิปกินส์” ประกาศจะพาพรรคแรงงานชนะเลือกตั้งนิวซีแลนด์

นายคริส ฮิปกินส์ อดีตรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านการรับมือกับการระบาดของเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ ประกาศวันนี้ว่า เขาจะดำเนินการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นและนำพาพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนตุลาคมนี้

รัฐสภาเวียดนามอนุมัติการลาออกของประธานาธิบดี

สภาแห่งชาติ (National Assembly) ของเวียดนามอนุมัติการลาออกของประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก แล้วเมื่อวานนี้ เพียง 1 วัน หลังจากที่เขายื่นใบลาออกจากตำแหน่งอย่างกะทันหัน

นายกฯ หญิงนิวซีแลนด์ประกาศลาออกจากตำแหน่งเดือนหน้า

เวลลิงตัน 19 ม.ค. – นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น ของนิวซีแลนด์ ประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ โดยให้เหตุผลว่า เธอไม่มีพละกำลังเหลือมากพอที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นกล่าวในที่ประชุมสมาชิกพรรคแรงงาน (Labour Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลนิวซีแลนด์ ในวันนี้ว่า เธอเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างเต็มที่ตราบเท่าที่จะทำได้ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะเธอจะหยุดทำสิ่งนั้นแล้ว เนื่องจากเธอไม่มีพละกำลังเหลือมากพอที่จะปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปเป็นเวลาอีก 4 ปี สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ครั้งแรกในปี 2560 และพาพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายกลาง ชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในปี 2563 ขณะที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เธอได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติเกี่ยวกับการรับมือเหตุก่อการร้ายที่มัสยิด 2 แห่งในนิวซีแลนด์ การควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงการเป็นผู้นำคนที่สองของโลกที่ให้กำเนิดบุตรขณะดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ อย่างไรก็ดี คะแนนนิยมในตัวนายกรัฐมนตรีอาร์เดิร์นและพรรคแรงงานจากผลสำรวจความเห็นในประเทศเริ่มถดถอยลงเมื่อไม่นานมานี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่นิวซีแลนด์กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อและอัตราก่ออาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้น.-สำนักข่าวไทย

1 7 8 9 10 11 48
...