ฝนตกหนัก

ปราจีนบุรี 11 มิ.ย.- อุทยานฯ เขาใหญ่ฝนตกหนักต้นไม้ล้มหลายช่วง ห่วงความปลอดภัยนักท่องเที่ยวหวั่นเหตุซ้ำโค่นทับรถ เตือนผู้ขับขี่ระมัดระวังปฏิบัติตามกฎระเบียบ จนท.ระดมเคลียร์เส้นทางนานครึ่งวันเปิดสัญจรได้แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ฝนตกหนักในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้ต้นไม้โค่นล้มทับรถยนต์เสียหายเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.) เคราะห์คนขับเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ ต้นไม้ยังล้มขวางถนนหลายเส้นทาง สายเขาใหญ่–ปากช่อง  ถนนสายศูนย์เรด้าห์เขาเขียว  และถนนขึ้น-ลงเขา ฝั่ง ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรีนั้น สภาพพื้นที่ในวันนี้ (11 มิ.ย.) ตามเส้นทางยังมีกิ่งไม้ใบไม้เกลื่อนถนนหลายช่วง เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนกระหน่ำอีก  มีทั้งบริเวณก่อนถึงน้ำตกเหวนรก ช่วงกิโลเมตรที่ 17-18,  ทางขึ้นสถานีเรด้าห์ เขาเขียว ทางไปน้ำตกเหวสุวัต  และเส้นทางลงอำเภอปากช่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อให้การสัญจรได้อย่างสะดวก โดยจุดที่มีต้นไม้โค่นปิดถนนทั้งสองช่องทาง  ต้องปิดชั่วคราวและเริ่มผ่านได้ทุกจุดเมื่อตอนเที่ยง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการโทรศัพท์สอบถามกับนายครรชิต  ศรีนพวรรณ  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งติดภารกิจการอบรมของทางราชการ ได้ให้สัมภาษณ์ฝากเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเขาใหญ่ช่วงฤดูฝนนี้ขับขี่ด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษจากฝนตกหนักและลมพัดแรง เพราะต้นไม้สามารถหักโค่นได้ โดยควรปฏิบัติตามระเบียบที่อุทยานฯ กำหนดไว้เกี่ยวกับการใช้ความเร็ว และหากพบต้นไม้กีดขวางบริเวณใดขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อจะได้เข้าไปอำนวยความสะดวกได้ทันที.-สำนักข่าวไทย  

อุทัยธานี 11 มิ.ย.- ชลประทานอุทัยธานีจับตาสถานการณ์น้ำช่วงฝนตกหนัก แม่น้ำตากแดดขึ้นสูงใน 2 อำเภอ เตรียมรับมือฝนซ้ำอีกระลอกสั่งยกประตูระบายน้ำเขื่อนวังร่มเกล้าทั้ง 3 บานแล้ว นายฐกร กาญจน์จิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่พบว่าแม่น้ำตากแดด ด้านเหนือเขื่อนวังร่มเกล้าเขตอำเภอสว่างอารมณ์และอำเภอทัพทันมีปริมาณน้ำไหลผ่านเพิ่มขึ้น ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศในระยะนี้จะมีฝนตกเพิ่มอีก และอาจมีน้ำจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ไหลมาสมทบ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรน้ำเขื่อนวังร่มเกล้ายกประตูระบายทั้ง 3 บาน จากก่อนหน้านี้ยกเพียงบานเดียว เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำตากแดดและจากโครงการแกล้มลิงบางส่วนลงสู่ท้ายเขื่อนวังร่มเกล้าไปตามลำแควตากแดดให้ไหลลงสู่แม่น้ำสะแกกรังและแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไป โดยมีการระบายน้ำ 73.08 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเป็นการรองรับน้ำจากอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ที่อาจจะไหลบ่ามาสมทบ  นายฐกร กล่าวด้วยว่า ชลประทานยังได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำไว้ตลอด 24 ชม. หากมีฝนตกหนักและปริมาณน้ำสูงขึ้นอีกก็จะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้น ป้องกันปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่เหนือและท้ายเขื่อน แต่หากฝนน้อยลงไม่มีปริมาณน้ำจากที่อื่นลงมาสมทบ ก็จะลดการระบายน้ำ เพื่อรักษาระดับกักเก็บไว้ใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภคช่วงฝนทิ้งช่วงและฤดูแล้ง.-สำนักข่าวไทย