สเปนช่วยเหลือผู้อพยพลอยคอในทะเลเกือบร้อยคน
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งสเปนช่วยเหลือผู้อพยพ 86 คน ลอยคออยู่กลางทะเล ห่างจากเกาะแกรนคานารีไปทางใต้ราว 130 กิโลเมตร
เจ้าหน้าที่ยามฝั่งสเปนช่วยเหลือผู้อพยพ 86 คน ลอยคออยู่กลางทะเล ห่างจากเกาะแกรนคานารีไปทางใต้ราว 130 กิโลเมตร
สถานการณ์ในตูนิเซียเริ่มคลี่คลาย หลังเกิดเหตุรุนแรงทางเชื้อชาติ กรณีผู้อพยพแทงชายตูนิเซียเสียชีวิต
เหตุเรือผู้อพยพอับปางนอกชายฝั่งกรีซ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยามฝั่งกรีซ ประกาศว่า พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 81 ราย คาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก
สถาบันผู้อพยพแห่งชาติของเม็กซิโกกล่าววานนี้ว่า เจ้าหน้าที่เม็กซิโกพบผู้อพยพ 129 คน อยู่กันอย่างแออัดในตู้ด้านหลังของรถบรรทุกขนส่งสินค้า
เรือผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งทางตอนใต้ของกรีซ พบร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 79 ราย จนท.ช่วยเหลือได้กว่า 100 คน
ผู้อพยพชาวซีเรียที่มีมีดเป็นอาวุธแทงเด็ก ๆ ก่อนวัยเข้าโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ 4 รายและมีผู้ใหญ่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายที่บริเวณใกล้ทะเลสาปในเมืองอานน์ซี ในเขตเทือกเขาแอลป์ฝรั่งเศสในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นการทำร้ายร่างกายที่ยังไม่ทราบเหตุจูงใจที่แน่ชัด
สหรัฐจะยกเลิกมาตรการด้านพรมแดน ทำให้มีผู้อพยพจำนวนมากทั้งจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รออยู่บริเวณพรมแดนรัฐเทกซัสเป็นจำนวนมาก เพื่อขอลี้ภัยเข้าไปยังสหรัฐ
ตำรวจสหรัฐกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย เมื่อวานนี้ในเขตทางใต้ของรัฐเทกซัสของสหรัฐ นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายคนหลังรถยนต์คันหนึ่งพุ่งเข้าชนกวาดกลุ่มคนราว 25 คนที่ยืนอยู่ที่ป้ายหยุดรถประจำทางที่อยู่ด้านนอกของศูนย์ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย
ผู้อพยพที่รอดชีวิตเดินทางถึงท่าเรือการาบุลลิ หลังจากเรือที่นั่งมาจมลงนอกชายฝั่งลิเบีย มีผู้เสียชีวิต 11 ราย นับเป็นโศกนาฏกรรมเรือผู้อพยพล่มในลิเบีย ครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์
อัยการเม็กซิโก กล่าววานนี้ว่า ได้จับกุมผู้อพยพรายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเริ่มจุดไฟเผาศูนย์กักกันผู้อพยพเข้าเมืองใกล้ชายแดนติดกับสหรัฐ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 ราย และบาดเจ็บอีก 10 ราย
ฮิวแมนไรตส์วอตช์ (Human Rights Watch) หรือ เอชอาร์ดับเบิลยู กล่าววันนี้เรียกร้องให้บังกลาเทศระงับแผนการส่งตัวผู้อพยพชาวโรฮีนจากลับไปยังเมียนมา โดยเตือนว่า สภาพความเป็นอยู่ในเมียนมายังไม่ปลอดภัยสำหรับผู้อพยพเหล่านี้
ซิวดัดฮัวเรซ 29 มี.ค.- หลายฝ่ายเรียกร้องความเป็นธรรม หลังเกิดเหตุไฟไหม้ศูนย์กักกันผู้อพยพในเม็กซิโกที่อยู่ใกล้พรมแดนสหรัฐ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้ว 40 คน คาดว่าต้นเพลิงมาจากผู้อพยพที่ต่อต้านการถูกเนรเทศกลับประเทศ เหตุเกิดเมื่อคืนวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นที่ศูนย์กักกันของสถาบันการอพยพแห่งชาติในเมืองซิวดัดฮัวเรซ รัฐชิวาวา ทางเหนือของเม็กซิโกที่มีพรมแดนติดกับรัฐเทกซัสของสหรัฐ ไฟไหม้รุนแรงจนต้องระดมนักดับเพลิงและรถพยาบาลจำนวนมาก ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโกเผยว่า คาดว่าผู้อพยพจุดไฟเพื่อประท้วงเพราะกลัวว่าจะถูกเนรเทศ พวกเขานำเสื่อมาไว้ที่ประตูศูนย์กักกันแล้วจุดไฟ โดยไม่คิดว่าจะนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมที่น่าสลดใจ ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตตั้งจุดไว้อาลัยชั่วคราว และเรียกร้องความเป็นธรรมว่า ผู้อพยพทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองเพราะไม่ใช่อาชญากร นายอันโตนีโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติหรือยูเอ็น เรียกร้องให้เปิดการสอบสวนเหตุไฟไหม้อย่างละเอียด ขณะที่ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยยูเอ็นแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และร้องขอให้ประเทศในภูมิภาคอเมริการับมือกับคลื่นผู้อพยพอย่างมีมนุษยธรรม เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ ด้านองค์การนิรโทษกรรมสากลระบุว่า ไฟไหม้เป็นผลพวงจากการที่เม็กซิโกและสหรัฐใช้นโยบายที่เข้มงวดและโหดร้ายกับผู้อพยพ ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนีเอาตัวรอดจากศูนย์กักกันที่ไฟกำลังโหมไหม้ โดยปล่อยให้ผู้อพยพถูกขังไว้ข้างใน ศูนย์แห่งนี้กักกันผู้อพยพชายที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 68 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตแล้ว 40 คน บาดเจ็บ 28 คน ประกอบด้วยผู้เดินทางมาจากกัวเตมาลา ฮอนดูรัส เวเนซุเอลา เอลซัลวาดอร์ โคลอมเบีย และเอกวาดอร์ แต่ละเดือนจะมีคนประมาณ 200,000 คนพยายามข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้าไปในสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพหนีความยากจนและความรุนแรงในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ […]