คาดสหรัฐจะประกาศเรื่อง “ไบเดน” เตรียมเยือนซาอุฯ

วอชิงตัน 13 มิ.ย.- แหล่งข่าวเผยว่า ทำเนียบขาวจะประกาศในสัปดาห์นี้เรื่องประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะเยือนซาอุดีอาระเบียในเดือนหน้า และอาจจะต้องพบมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ผู้ที่เขาเคยประณามเรื่องผู้สื่อข่าวถูกสังหารในตุรกี แหล่งข่าวเผยว่า การเยือนดังกล่าวน่าจะมีขึ้นราวกลางเดือนกรกฎาคม ขณะที่โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐยืนยันว่า กำลังมีการเตรียมการเรื่องประธานาธิบดีไบเดนเยือนซาอุดีอาระเบียและอิสราเอล ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันในรายละเอียดได้ แต่จะประกาศทันทีที่สามารถทำได้ รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่า การเยือนดังกล่าวน่าจะมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียในช่วงที่ผู้นำสหรัฐกำลังหาทางทำให้น้ำมันเบนซินในประเทศมีราคาลดลง ทำเนียบขาวเคยแถลงว่า ประธานาธิบดีไบเดนคิดว่า เจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียเป็นบุคคลน่ารังเกียจ เพราะมีส่วนร่วมในการสังหารนายจามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียที่ต่อต้านรัฐบาลและทำงานให้กับหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ของสหรัฐ นายคาชอกกีถูกสังหารในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของตุรกีเมื่อปี 2561 โดยมีรายงานข่าวว่าเขาถูกฆ่าหั่นศพ ขณะที่สำนักข่าวกรองกลางสหรัฐหรือซีไอเอ (CIA) สรุปว่า เจ้าชายซาอุดีอาระเบียเป็นผู้สั่งการสังหาร.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” อาจเยือนซาอุดีอาระเบียเร็ว ๆ นี้

วอชิงตัน 2 มิ.ย.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐมีแนวโน้มจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียในเร็ว ๆ นี้ และน่าจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรกกับเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน อัลซาอุด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ผู้ที่เขาเคยตราหน้าว่าเป็นฆาตกร แหล่งข่าวเผยว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาเรื่องการเยือนซาอุดีอาระเบียของประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งจะรวมถึงการประชุมกับผู้นำกลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับหรือจีซีซี (GCC) 6 ประเทศประกอบด้วยบาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และผู้นำอียิปต์ อิรัก และจอร์แดน เรื่องนี้มีขึ้นในช่วงที่ผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์เรื่องน้ำมันและความมั่นคงบีบให้รัฐบาลสหรัฐต้องทบทวนนโยบายรักษาระยะห่างกับซาอุดีอาระเบียที่ไบเดนได้หาเสียงไว้ระหว่างลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่อาจทำให้ไบเดนวัย 79 ปี ดูต่ำต้อยในสายตาสาธารณะ เพราะน่าจะต้องพบกับมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียพระชนมายุ 36 พรรษา ผู้ปกครองประเทศโดยพฤตินัย ที่ไบเดนเคยประณามจากกรณีผู้สื่อข่าวชาวซาอุดีอาระเบียถูกฆ่าหั่นศพในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลของตุรกีเมื่อปี 2561 โฆษกทำเนียบขาวไม่ให้ความเห็นว่า ผู้นำสหรัฐจะไปเยือนซาอุดีอาระเบียหรือไม่ แต่เขามีกำหนดเยือนยุโรปในปลายเดือนมิถุนายนนี้.-สำนักข่าวไทย

จีนไต่สวนนักข่าวออสเตรเลียที่ถูกจับเกือบ 2 ปีก่อน

ปักกิ่ง 31 มี.ค.- ศาลกรุงปักกิ่งของจีนเปิดการไต่สวนเป็นการภายในกับนางเฉิง เหล่ย ผู้สื่อข่าวและอดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ชาวออสเตรเลียเชื้อสายจีนที่ถูกควบคุมตัวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ข้อหาขโมยความลับของรัฐให้แก่ต่างชาติ นายแกรแฮม เฟล็ตเชอร์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำจีนเผยกับสื่อหน้าห้องพิจารณาคดีในวันนี้ว่า เขาและเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการไต่สวน ถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล น่าผิดหวัง และน่าเสียใจอย่างยิ่ง ออสเตรเลียไม่สามารถให้ความเชื่อถือกระบวนการที่ดำเนินไปอย่างลับ ๆ และจะเดินหน้าสนับสนุนสิทธิของนางเฉิงอย่างแข็งขันต่อไป ส่วนเรื่องสุขภาพของเธอขณะนี้ดีขึ้นแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้มีข่าวว่าไม่แข็งแรงในช่วงที่ถูกควบคุมตัว ด้านทนายความเผยว่า เธอแข็งแรงดีทั้งกายและใจ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียเผยด้วยว่า ได้ขอให้ศาลจีนอนุญาตให้เธอได้พูดคุยกับลูก ๆ เพราะขาดการติดต่อไปตั้งแต่ถูกควบคุมตัว ครอบครัวที่ออสเตรเลียออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ลูก ๆ 2 คนและบิดามารดาวัยชราคิดถึงเธอเหลือเกิน หวังว่าเธอจะได้กลับมาพร้อมหน้าครอบครัวโดยเร็วที่สุด นางเฉิง วัย 46-47 ปี เป็นผู้ประกาศข่าวของซีจีทีเอ็น (CGTN) ซึ่งเป็นสถานีกระจายเสียงแพร่ภาพเป็นภาษาอังกฤษของทางการจีนในกรุงปักกิ่งมาตั้งแต่ปี 2555 เธอหายไปจากหน้าจออย่างกะทันหันในเดือนสิงหาคม 2563 โดยที่ญาติมิตรไม่สามารถติดต่อได้ และประวัติการทำงานถูกลบออกจากเว็บไซต์ของซีจีทีเอ็น ทางการจีนประกาศในเบื้องต้นว่า เธอถูกควบคุมตัวในข้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งชาติ ต่อมาประกาศจับกุมเธออย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ข้อหาเป็นจารชน ด้านออสเตรเลียเผยว่า ตัวแทนทางการได้รับอนุญาตให้พบเธอเพียงเดือนละ 1 ครั้ง นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและจีนที่เสื่อมถอยลงในช่วงหลายปีมานี้ทำให้การเจรจาเพื่อขอให้จีนปล่อยตัวเธอเป็นไปได้ยากขึ้น.-สำนักข่าวไทย

สื่อหยุดรายงานข่าวหลัง “ปูติน” ใช้กฎหมาย “ข่าวเท็จ”

ลอนดอน 5 มี.ค.- สื่อระดับสากลหลายแห่งระงับการรายงานข่าวในรัสเซียแล้วเพื่อคุ้มครองผู้สื่อข่าว หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียออกกฎหมายใหม่กำหนดโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี กับผู้เผยแพร่ข่าวเท็จ บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงแคนาดา สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซีเอ็นเอ็น และซีบีเอสนิวส์ของสหรัฐประกาศงดการรายงานข่าวในรัสเซีย ขณะที่สื่ออื่น ๆ งดให้นักข่าวในรัสเซียเป็นผู้เขียนข่าว หลังจากรัสเซียหาทางตอบโต้การทำสงครามข่าวสาร โดยอ้างว่าศัตรูอย่างสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกแพร่กระจายข่าวเท็จหวังให้ชาวรัสเซียเกิดความแตกแยก รัสเซียบล็อคเฟซบุ๊กโดยอ้างว่าเลือกปฏิบัติต่อสื่อรัสเซียและจำกัดการเข้าถึงทวิตเตอร์ ขณะที่รัฐสภาผ่านความเห็นชอบการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาให้การเผยแพร่ข่าวเท็จเป็นความผิดที่มีโทษปรับเงินหรือจำคุก และกำหนดโทษปรับเงินผู้เรียกร้องให้คว่ำบาตรรัสเซียเรื่องรุกรานยูเครนด้วย สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า วุฒิสภาเป็นผู้ร่างกฎหมายแก้ไขดังกล่าว และได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรหรือสภาดูมาที่ระบุว่า หากข่าวเท็จนำมาซึ่งผลร้ายแรง ผู้กระทำผิดจะถูกจำคุกสูงสุด 15 ปี จากนั้นส่งให้ประธานาธิบดีปูตินลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

CNN อ้างได้ยินเสียงระเบิดทั่วยูเครนเช้ามืดวันนี้

เคียฟ 24 ก.พ.- ผู้สื่อข่าวของซีเอ็นเอ็น (CNN) และผู้เห็นเหตุการณ์ในหลายเมืองทั่วยูเครนรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังในช่วงเช้ามืดวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในกรุงเคียฟรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดจากฝั่งตะวันออกของเมือง โดยเป็นทิศทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงเคียฟที่อยู่นอกเมือง 25 กิโลเมตร แต่ไม่ได้ยืนยันว่า ท่าอากาศยานถูกโจมตีหรือไม่ ด้านผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์อ้างว่า ได้ยินเสียงระเบิดหลายครั้งในเขตบอรีสปิลที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงเคียฟ ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังต่อเนื่อง ขณะที่ชาวเมืองครามาตอร์สก์ซึ่งอยู่ห่างจากแคว้นโดเนตสก์ขึ้นไปทางเหนือ 120 กิโลเมตรเผยว่า ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างน้อย 2 ครั้ง ชาวเมืองดนิโปร ทางตอนกลางของยูเครนได้ยินเสียงระเบิดไม่กี่ครั้ง ชาวเมืองมาริอูโปล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนได้ยินเสียงระเบิดทางฝั่งตะวันออกของเมือง ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในเมืองโอเดซซาริมทะเลดำได้ยินเสียงระเบิดดัง 2 ชุด ห่างกันราว 20 นาที ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในเมืองซาโปริชเชีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนได้ยินเสียงระเบิดไกลมากอย่างน้อย 1 ครั้ง และผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นในเมืองเบลโกรอดของรัสเซียที่อยู่ห่างจากเมืองคาร์คิฟของยูเครนขึ้นไปทางเหนือ 80 กิโลเมตรได้ยินดังต่อเนื่องคล้ายกับการยิงปืนใหญ่.-สำนักข่าวไทย

“ไบเดน” สบถใส่นักข่าวถามเรื่องเงินเฟ้อ

วอชิงตัน 25 ม.ค.- ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐสบถใส่ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ ที่ตะโกนถามว่าภาวะเงินเฟ้อมีผลต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาปีนี้หรือไม่ นายปีเตอร์ ดูซี ตะโกนถามในขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกำลังให้กลุ่มผู้สื่อข่าวออกจากที่ประชุมคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเมื่อเย็นวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่นว่า สามารถถามเรื่องภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่ และเรื่องนี้เป็นความผิดทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งหมายถึงภาวะเงินเฟ้อสหรัฐที่เพิ่มขึ้นต่อปีทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษเมื่อเดือนธันวาคม ประธานาธิบดีไบเดนตอบกลับอย่างเหน็บแนมในระหว่างที่ผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ พากันตะโกนถามอย่างเช็งแซ่ว่า เป็นเพราะมีทรัพย์สินมากขึ้นถึงได้มีเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น จากนั้นสบถโดยที่อาจไม่รู้ตัวว่ายังไม่ได้ปิดไมโครโฟนว่า “What a stupid son of a bitch” นายดูซีเผยกับผู้ดำเนินรายการข่าวของฟ็อกซ์ นิวส์ ในเวลาต่อมาว่า ประธานาธิบดีได้โทรศัพท์มาหาเขาในอีกไม่ถึงชั่วโมงว่าไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัว นายดูซีวัย 34 ปี เป็นผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวที่มักถามคำถามเชิงวิพากษ์วิจารณ์และปะทะคารมกับประธานาธิบดีเดนหลายครั้ง เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ นิวส์ ที่เขาทำงานอยู่ที่มักวิจารณ์ประธานาธิบดีไบเดนและพรรคเดโมแครต ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนรับปากเมื่อครั้งรับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีก่อนว่า จะไล่ออกเจ้าหน้าที่ที่ไม่ให้เกียรติผู้อื่น.-สำนักข่าวไทย

นักข่าวติดตามคณะ “บลิงเคน” เยือนอาเซียน ติดโควิด

กัวลาลัมเปอร์ 15 ธ.ค.- กระทรวงต่างประเทศสหรัฐแจ้งว่า ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งที่ติดตามคณะของนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเยือนอังกฤษ และ 3 ชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผลตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 เป็นบวก โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐแถลงว่า ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งในคณะผู้สื่อข่าว 12 คน มีผลตรวจหาเชื้อเป็นบวกเมื่อวันพุธที่มาเลเซีย ส่วนผู้สื่อข่าวคนอื่น ๆ รวมทั้งนายบลิงเคนและคณะเจ้าหน้าที่ไม่มีใครมีผลตรวจเป็นบวก นายบลิงเคนเดินทางจากกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย มาถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียเมื่อเย็นวันอังคาร และเดินทางต่อมาที่ไทยเป็นจุดหมายสุดท้ายในวันนี้ โดยได้ไปร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศหรือจี 7 (G7) ที่เมืองลิเวอร์พูลของอังกฤษเป็นแห่งแรกเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศสหรัฐตรวจหาเชื้อด้วยวิธีพีซีอาร์ (PCR) ทุกวันกับทุกคนที่เดินทางด้วยเครื่องบินลำเดียวกับนายบลิงเคน ส่วนผู้สื่อข่าวที่มีผลตรวจเป็นบวกที่มาเลเซีย เพิ่งมีผลตรวจเป็นลบที่อังกฤษและจาการ์ตา ขณะนี้ถูกแยกกักโรคแล้ว.-สำนักข่าวไทย

เมียนมาจับผู้สื่อข่าวอีก 2 คน

สถานีโทรทัศน์ของกองทัพเมียนมารายงานว่า ทางการได้ควบคุมตัวผู้สื่อข่าวชาวเมียนมาอีก 2 คน ด้านองค์กรสื่อประณามว่า เป็นการควบคุมตัวโดยผิดกฎหมาย

เมียนมาตั้งข้อหานักข่าวญี่ปุ่นปล่อยข่าวเท็จ

สถานทูตญี่ปุ่นประจำเมียนมาแจ้งว่า ผู้สื่อข่าวอิสระชาวญี่ปุ่นที่ถูกกองกำลังความมั่นคงเมียนมาควบคุมตัวตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ถูกดำเนินคดีเมื่อวานนี้ในข้อหาเผยแพร่ข่าวเท็จ

ตำรวจเมียนมาควบคุมตัวนักข่าวชาวญี่ปุ่น

เจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาควบคุมตัวผู้สื่อข่าวอิสระชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ประท้วงต่อต้านรัฐประหารในนครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นย่านการค้าสำคัญ ซึ่งนับเป็นผู้สื่อข่าวต่างชาติรายแรกที่ถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่กองทัพก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ยกให้ผู้ดำเนินรายการชนะดีเบตนัดสุดท้าย

แนชวิลล์ 23 ต.ค.- คริสเทน เวลเกอร์ ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี (NBC) ในฐานะผู้ดำเนินรายการโต้วาทีหรือดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐนัดสุดท้าย ได้รับเสียงชื่นชมจากโลกออนไลน์ให้ผู้ชนะในการดีเบตครั้งนี้ เวลเกอร์วัย 44 ปี ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบขาวและผู้ดำเนินรายการของเอ็นบีซีพยายามห้ามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วัย 74 ปี จากพรรครีพับลิกันและนายโจ ไบเดน วัย 77 ปี จากพรรคเดโมแครตที่แย่งกันพูดในช่วงที่เปิดให้โต้เถียงกันในแต่ละหัวข้อ และตัดบททั้งสองฝ่ายเพื่อให้รักษาเวลา เพื่อนสถานีโทรทัศน์เดียวกันชมเธอว่า คุมรายการได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ นักเขียนคนหนึ่งบอกว่า เวลเกอร์ทำหน้าที่ได้อย่างเยี่ยมยอด ขณะที่โลกออนไลน์หลายคนพากันแชร์คำกล่าวของราเชล แมดโดว์ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็มเอสเอ็นบีซี (MSNBC) ที่ยกให้เวลเกอร์เป็นผู้ชนะตัวจริงของดีเบตครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย

สื่อจีนไม่ลงบทความเอกอัครราชทูตสหรัฐ

วอชิงตัน 10 ก.ย.- นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเผยว่า พีเพิลเดลี หนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ยอมลงบทความของเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำจีน ทั้งที่เจ้าหน้าที่จีนสามารถให้ความเห็นของรัฐบาลในสื่อสหรัฐได้ นายพอมเพโอกล่าวว่า ท่าทีของพีเพิลเดลีแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนกลัวเสรีภาพในการพูดและการถกเถียงทางปัญญาอย่างจริงจัง อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการเสแสร้งของจีนที่ร้องเรียนเรื่องไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและต่างตอบแทนในประเทศอื่น ผู้สื่อข่าวสหรัฐถูกจำกัดในการรายงานข่าวหรือแม้แต่จะเดินทางเข้าจีน แต่คนทำงานสื่อของจีนสามารถเข้าถึงการเปิดกว้างในสหรัฐมาโดยตลอด พีเพิลเดลีไม่ยอมลงบทความของนายเทอร์รี แบรนสแทด เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำจีนเรื่อง “การปรับความสัมพันธ์ใหม่ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการต่างตอบแทน” เนื้อหาอ้างถึงความสัมพันธ์สองฝ่ายที่ไม่สมดุล ธุรกิจ ผู้สื่อข่าว นักการทูต หรือแม้แต่ภาคประชาสังคมของสหรัฐไม่สามารถเข้าถึงจีนอย่างเท่าเทียมกับที่ฝั่งจีนเข้าถึงสหรัฐ พีเพิลเดลีออกหนังสือชี้แจงว่า บทความของนายแบรนสแทดไม่เป็นไปตามมาตรฐานของพีเพิลเดลี เพราะเต็มไปด้วยช่องโหว่ และไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงอย่างรุนแรง พร้อมกับถือโอกาสนี้กล่าวหาสหรัฐว่า กดขี่ผู้สื่อข่าวจีนด้วยการขับไล่และใช้มาตรการจำกัดวีซ่าอย่างเลือกปฏิบัติ สื่อสหรัฐหลายแห่ง เช่น บลูมเบิร์ก ซีเอ็นเอ็น วอลล์สตรีทเจอร์นัลแจ้งเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ทางการจีนไม่ต่ออายุใบอนุญาตผู้สื่อข่าวที่ทำงานในจีน ขณะที่ผู้สื่อข่าวจีนในสหรัฐกำลังรอทางการสหรัฐต่อใบอนุญาต เพราะช่วงเวลาผ่อนผัน 90 วันจะหมดอายุในต้นเดือนพฤศจิกายน นอกจากนี้สหรัฐยังได้ยกเลิกวีซ่าชาวจีนกว่า 1,000 คน เพื่อสกัดนักศึกษาและนักวิจัยจีนที่เชื่อว่ามีสายสัมพันธ์กับกองทัพจีนเข้าสหรัฐ.-สำนักข่าวไทย

1 2 3 4 6
...