
ไฟไหม้ทำลายอาคาร 7 ชั้นในซิดนีย์
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 130 คน ร่วมกันสกัดเพลิงที่ลุกท่วมอาคาร 7 ชั้นในย่านใจกลางนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 130 คน ร่วมกันสกัดเพลิงที่ลุกท่วมอาคาร 7 ชั้นในย่านใจกลางนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมากกว่า 100 คน กำลังเข้าดับเพลิงที่กำลังเผาผลาญอาคาร 7 ชั้นในย่านใจกลางนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย โดยเปลวไฟลุกท่วมอาคารและมีควันไฟหนาทึบ ในขณะที่เจ้าหน้าที่เตือนว่า ไฟอาจจะลุกลามไปยังอาคารอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
ซิดนีย์ 28 เม.ย.- ออสเตรเลียปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้งานมานานที่สุดของประเทศในวันนี้ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าลิดเดลล์ (Liddell) ซึ่งอยู่ห่างจากนครซิดนีย์ไปทางเหนือด้วยระยะเวลาขับรถ 3 ชั่วโมง สร้างขึ้นในปี 2514 ผลิตไฟฟ้าร้อยละ 10 ของที่ใช้ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ บริษัทเอจีแอล (AGL) เจ้าของโรงไฟฟ้าเผยว่า จะต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี ในการรื้อถอนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งนี้ เพื่อใช้เป็นสถานที่ดำเนินโครงการพลังงานสะอาดใหม่ ๆ เช่น โรงไฟฟ้าไฮโดรเจน วัสดุของโรงไฟฟ้าลิดเดลล์มากกว่าร้อยละ 90 จะถูกนำมาใช้หมุนเวียน ในจำนวนนี้เป็นเหล็กน้ำหนัก 70,000 ตัน มากกว่าปริมาณเหล็กที่ใช้ก่อสร้างสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกถ่านหินรายใหญ่ที่สุดในโลก รัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมาพยายามต้านทานแรงกดดันให้ลดขนาดอุตสาหกรรมถ่านหิน อย่างไรก็ดี รัฐบาลพรรคแรงงานสายกลางซ้ายที่ได้รับเลือกตั้งเมื่อปี 2565 ได้รับปากว่า ภายในปี 2573 ไฟฟ้าร้อยละ 82 ของประเทศจะผลิตจากแหล่งพลังงานสะอาด เทียบกับปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น ขณะที่บริษัทออสเตรเลียจำนวนมากสนับสนุนให้ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินตามที่ถูกกระแสกดดันจากประชาชนให้แก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ โรงไฟฟ้าเอแรริง (Eraring) ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ตั้งอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์มีกำหนดปิดในปี 2568 ตามด้วยโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกจำนวนหนึ่งที่จะทยอยปิดในช่วงทศวรรษหน้า.-สำนักข่าวไทย
ประชาชนราว 50,000 คน ร่วมเดินขบวนบนสะพานฮาร์เบอร์ บริดจ์ ในนครซิดนีย์ ของออสเตรเลียในวันนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน “เวิลด์ไพรด์” (WorldPride) เทศกาลเฉลิมฉลองความหลากหลายหรือ แอลจีบีที และความเท่าเทียมทางเพศ
ผู้คนจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางมาจับจองพื้นที่ตามจุดสำคัญในนครซิดนีย์ ของออสเตรเลีย ตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อเตรียมนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ซิดนีย์ 31 ธ.ค.- ออสเตรเลียเตรียมนับถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบไร้มาตรการจำกัดการระบาดของโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ข้อจำกัดมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของโลกที่จะได้เข้าสู่ปี 2566 เป็นเมืองแรก ๆ คาดว่าจะมีคนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนไปรวมตัวกันที่ริมอ่าวซิดนีย์หรือซิดนีย์ฮาร์เบอร์ เพื่อร่วมกันนับถอยหลังเข้าสู่ปีใหม่และชมท้องฟ้าที่สว่างไสวไปด้วยแสงจากดอกไม้ไฟ โดยจะมีการจุดดอกไม้ไฟจำนวน 2,000 นัดจากเรือ 4 ลำที่ลอยลำอยู่ริมโรงอุปรากรซิดนีย์ และอีก 7,000 นัดจากจุดต่าง ๆ บนสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังจะมีการจุดดอกไม้ไฟจากหลังคาอาคาร 4 หลังเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี เพื่อให้การแสดงดอกไม้ไฟยิ่งใหญ่ตระการตา ออสเตรเลียใช้มาตรการจำกัดจำนวนคนและลดกิจกรรมฉลองปีใหม่ในช่วงที่ล็อกดาวน์เมื่อสิ้นปี 2563 และช่วงที่เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนระบาดหนักเมื่อสิ้นปี 2564 แต่ได้ยกเลิกมาตรการจำกัดการเฉลิมฉลองในสิ้นปีนี้ เช่นเดียวกับหลายประเทศทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 26 พ.ย.- อาสาสมัครหลายพันคนเข้าร่วมการเปลือยหมู่ที่ชายหาดบอนได นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย เพื่อสร้างงานศิลปะจัดวาง หวังกระตุ้นเตือนผู้คนเรื่องภัยจากแสงแดดและมะเร็งผิวหนัง ชายหาดโต้คลื่นยอดนิยมแห่งนี้กลายเป็นชายหาดของผู้เปลือยกายในวันนี้ เมื่ออาสาสมัครประมาณ 2,500 คน พร้อมใจกันเปลือยกายให้สเปนเซอร์ ทูนิค (Spencer Tunick) ศิลปินช่างภาพชาวอเมริกันบันทึกภาพ เขาได้จัดวางมุมภาพอย่างดี โดยขึ้นไปยืนบนชั้นยกสูงแล้วใช้โทรโข่งตะโกนกำกับท่าทางของอาสาสมัคร ทูนิค วัย 55 ปี บันทึกภาพเปลือยหมู่ตามสถานที่ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกมาตั้งแต่ปี 2537 และเคยจัดงานลักษณะเดียวกันนี้ที่ซิดนีย์โอเปราเฮาส์ของออสเตรเลียเมื่อปี 2553 งานที่จัดขึ้นพิเศษในวันนี้มีชื่อว่า “เปลือยกายเพื่อมะเร็งผิวหนัง” ร่วมกับมูลนิธิที่ส่งเสริมให้ชาวออสเตรเลียตรวจมะเร็งผิวหนังอย่างสม่ำเสมอ จำนวนอาสาสมัครที่มาร่วมงานในวันนี้เป็นตัวแทนจำนวนชาวออสเตรเลียที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งผิวหนังปีละไม่ต่ำกว่า 2,000 คน อาสาสมัครชายวัย 77 ปี เผยว่า อยู่กลางแดดมาครึ่งชีวิต และเพิ่งผ่าตัดมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมาที่หลังออกไปหลายชิ้น.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 9 ต.ค.- รัฐนิวเซาท์เวลส์ที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลียยังคงเตือนภัยน้ำท่วมในหลายพื้นที่ แม้ว่าฝนที่ตกหนักในช่วงหลายวันมานี้เริ่มซาลงแล้วในวันนี้ สำนักงานบริการเหตุฉุกเฉินของรัฐนิวเซาท์เวลส์แถลงวันนี้ว่า ฝนที่ตกหนักในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นได้ทำให้เกิดน้ำท่วม สำนักงานได้รับแจ้งเหตุขอความช่วยเหลือ 343 ครั้ง และได้ออกปฏิบัติการช่วยเหลือ 21 ครั้ง พร้อมกับมีคำสั่งอพยพหนีน้ำท่วมกับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ตั้งแคมป์ สวนสาธารณะที่เป็นแหล่งพักผ่อนช่วงวันหยุด และย่านกรอสนอสพอยต์ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ สำนักงานเตือนว่า 80 พื้นที่ทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์เสี่ยงเกิดน้ำท่วม และอาจเกิดลมแรงตามชายฝั่งเนื่องจากพายุเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฝั่งมากขึ้น หลายพื้นที่ริมชายฝั่งรวมทั้งนครซิดนีย์ที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งเพราะพื้นที่เหล่านี้รับน้ำฝนไว้มาก เขื่อนและแม่น้ำมีระดับน้ำเกือบเต็มแล้ว ฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญาที่เกิดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ทำให้มีฝนตกมากกว่าปกติ นครซิดนีย์เพิ่งมีฝนตกหนักที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการจดบันทึกในปี 2128 หรือเมื่อกว่า 400 ปีก่อนเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย
เช้าวันนี้นครซิดนีย์ ถูกหมอกหนาจัดปกคลุมทำให้เกิดภาพสวยงดงาม เมื่อสถานที่สำคัญต่าง ๆ อยู่ในทะเลหมอก
ออสเตรเลียเปิดโรงอุปรากรซิดนีย์ หลังจากปิดบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่เป็นเวลากว่า 2 ปี ด้วยงบประมาณราว 6,000 ล้านบาท
ซิดนีย์ 5 ก.ค.- ฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียยังคงมีฝนตกกระหน่ำในวันนี้ ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในนครซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียวิกฤตยิ่งขึ้นไปอีก ประชาชนได้รับคำสั่งให้อพยพเพิ่มเติมอีก เนื่องจากน้ำในแม่น้ำสูงเกินระดับอันตรายอย่างฉับพลัน ทางการแจ้งให้ประชาชน 50,000 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ส่วนใหญ่อยู่ในย่านชานเมืองฝั่งตะวันตกของนครซิดนีย์อพยพหรือเตรียมรับคำสั่งให้อพยพ เพิ่มขึ้นจากวันจันทร์ที่แจ้งไว้ 30,000 คน พื้นที่นี้เกิดน้ำท่วมเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ นายโดมินิก เพอร์โรเทต์ มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์เผยว่า สถานการณ์ยังไม่สิ้นสุดในเร็ววัน ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังเมื่อขับขี่บนท้องถนน เพราะยังคงมีโอกาสที่จะเกิดน้ำท่วมฉับพลันอีก สำนักอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียพยากรณ์ว่า พายุลูกล่าสุดที่ทำให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนักใน 3 วันมากกว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั้งปี จะอ่อนกำลังลงในนครซิดนีย์ตั้งแต่วันนี้เพราะเคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือ แต่ยังคงมีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมไปตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เนื่องจากพื้นที่รับน้ำส่วนใหญ่ใกล้เต็มศักยภาพตั้งแต่ยังไม่มีพายุลูกล่าสุด คาดว่าวันนี้ชายฝั่งทางตอนกลางขึ้นไปทางเหนือของรัฐนิวเซาท์เวลส์จะมีฝนตกวัดได้ 90 มิลลิเมตรใน 6 ชั่วโมง และบางพื้นที่อาจมากถึง 125 มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังอาจมีลมแรงสูงสุด 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมอยู่แล้ว เสี่ยงทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าโค่นล้ม ด้านรัฐบาลกลางออสเตรเลียประกาศเมื่อเย็นวันจันทร์ให้น้ำท่วมในรัฐนิวเซาท์เวลส์เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อให้สามารถจัดสรรงบช่วยเหลือฉุกเฉิน.-สำนักข่าวไทย
ซิดนีย์ 4 ก.ค.- นครซิดนีย์ของออสเตรเลียสั่งอพยพประชาชนครั้งใหม่ในวันนี้ หลังจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมชานเมืองหลายแห่ง ทางการเตือนว่า สภาพอากาศอาจจะเลวร้ายมากกว่าเดิม ชานเมืองฝั่งตะวันตกของนครซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียมีน้ำท่วมบ้านเรือน พื้นที่ทางการเกษตร และสะพานเป็นครั้งที่ 3 แล้วของปีนี้ ทำให้ประชาชนพากันไม่พอใจ ขณะที่ประชาชน 30,000 คนในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ มีแนวโน้มต้องอพยพ เจ้าหน้าที่ขอให้อพยพหากมีคำสั่ง และหลีกเลี่ยงการขับรถฝ่ากระแสน้ำท่วม สำนักอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่า ความกดอากาศต่ำที่เคลื่อนตัวอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียอาจทำให้มีฝนตก 100 มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้าตามแนวชายฝั่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ ตั้งแต่เมืองนิวคาสเซิลลงไปจนถึงทางใต้ของนครซิดนีย์ คิดเป็นระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตร รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของออสเตรเลีย มีฝนตกหนักมากกว่า 200 มิลลิเมตรมาตั้งแต่วันเสาร์ บางพื้นที่ตกหนักถึง 350 มิลลิเมตร จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย