มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

“มาริษ” ติงเพื่อนบ้านเล่นสงครามข่าวสารให้น้อยลง

กระทรวงการต่างประเทศ 5 ส.ค.- “มาริษ” ลั่น น่าเกลียดมาก “เขมร” ปล่อยข่าว “ไทย” ลอบสังหาร “ผู้นำกัมพูชา” บอกไม่เคยรุกราน แค่ตอบโต้อย่างเหมาะสม กางอนุสัญญาเจนีวายัน หากไม่มั่นใจ ยังคุมตัวต่อไปได้ เผย ตั้งแต่จับตัวได้ ดำเนินการเชิงรุก แจ้ง “กาชาดระหว่างประเทศ” ทราบก่อนแล้ว ติงเพื่อนบ้าน เล่นสงครามข่าวสารให้น้อยลง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ กระทรวงการต่างประเทศ โดยอัปเดตการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.68) เพื่อให้คณะทูตได้รับทราบเกี่ยวกับข้อมูลและข่าวสารที่ถูกต้อง ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราบรรยายสรุปให้แก่คณะทูตเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงถูกต้องและมีหลักฐานในทุกด้านอย่างชัดเจน ซึ่งมีคณะทูตจำนวน 75 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมรับฟัง ได้รับความสนใจและได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากคณะทูต ทำให้มิตรประเทศเข้าใจบทบาทหน้าที่และการตอบโต้ในสิ่งที่ไทยถูกกระทำมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ตนเองย้ำเตือนและพูดกับมิตรทุกครั้งคือ ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศไทยต้องการ เราเรียกร้องให้กัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีที่มีร่วมกันมาโดยตลอดตั้งแต่แรกเริ่ม ที่สำคัญคือไทย-กัมพูชาเป็นมิตรประเทศ เป็นสมาชิกอาเซียนและมีการตกลงทวิภาคีที่จะต้องแก้ไขปัญหาการกระทบกระทั่งทางชายแดนโดยสันติวิธีและจริงใจ สิ่งต่าง ๆ เราได้ดำเนินการมาโดยตลอด ซึ่งได้อธิบายให้กับคณะทูตเข้าใจ อย่างไรก็ตาม […]

กต. ปฏิเสธข้อกล่าวหา “กัมพูชา” อ้าง “ไทย” ลอบสังหาร “ฮุน เซน”

ก.ต่างประเทศ 5 ส.ค.-กต. ปฏิเสธข้อกล่าวหา “กัมพูชา” อ้าง “ไทย” ลอบสังหาร “ฮุน เซน” กล่องดวงใจ “เขมร” ชี้ขาดการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลโดยสิ้นเชิง “นิกรเดช” ซัดนอกจากไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังทำลายเจตนารมณ์หารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วย กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง เกี่ยวกับการรายงานข่าว และโพสต์บนโซเชียลมีเดียของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศกัมพูชา ที่มีข้อกล่าวหาว่า ฝ่ายไทยกำลังวางแผนลอบสังหารประธานวุฒิสภา ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต โดยอ้างแหล่งข่าวกรองต่างประเทศนั้น ล่าสุด นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งขาดการไตร่ตรองอย่างมีเหตุผลโดยสิ้นเชิง โดยข้อกล่าวหาดังกล่าว มีเจตนาเพียงเพื่อใส่ร้ายไทยเท่านั้น ทั้งนี้ ขอย้ำว่า การสร้างข่าวเท็จในขณะที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการหารือ GBC นั้น นอกจากจะไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นการทำลายเจตนารมณ์ของการหารือเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อย่างสันติด้วย.-312.-สำนักข่าวไทย

“อังคณา” มอง ประชุม GBC เป็นโอกาสดีทั้ง 2 ฝ่ายแก้ไขอุปสรรค

รัฐสภา 4 ส.ค.-“อังคณา” มอง ประชุม GBC เป็นโอกาสดีทั้ง 2 ฝ่ายแก้ไขอุปสรรค ห่วงข่าวปลอมแทรกแซงการหารือ ถามหาความจริงใจ “กัมพูชา” ให้ทำตามสัญญา หวังจบบนโต๊ะเจรจา ชี้หากเขมรไม่เก็บศพทหาร แจ้งให้ญาติทราบ ผิดอนุสัญญาการบังคับสูญหาย บอก รมว.กต. เคลื่อนไหวเร็วขึ้น เปิดโอกาสให้ OHCHR – ICRC เยี่ยม 20 ทหารในไทย นางอังคณา นีละไพจิตร สว. ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวถึงการประชุม GBC เรื่องปัญหาชายแดนวันนี้ ว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายได้เผชิญหน้าและแก้ปัญหาร่วมกัน แต่ในความเป็นคู่ขัดแย้ง แม้มีสัญญาให้หยุดยิง แต่ก็อาจมีการก่อเหตุการรุนแรงขึ้นได้อยู่ ซึ่งในส่วนของไทยได้ปฏิบัติตามหลักการระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง และเป็นความชอบธรรมของไทยในการต่อรองในส่วนของกัมพูชาเราก็เรียกร้องให้ปฏิบัติตามข้อตกลงเช่นกัน ดังนั้นการประชุมในวันนี้ควรจะมีการแลกเปลี่ยนและแก้ปัญหาร่วมกันว่าอะไรบ้างที่ยังเป็นอุปสรรค ตอนนี้สิ่งสำคัญที่ควรแก้ไขคือการใช้โซเชียลมีเดียของอินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ รวมถึงข่าวปลอมที่ออกมามาก เราไม่สามารถพิสูจน์ได้เลยว่าเกิดจากฝ่ายไหน และคนที่เสพสื่อส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะเชื่อ ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่จะเป็นการยั่วยุและอาจเป็นการแทรกแซงการหารือกันอย่างสร้างสรรค์ […]

ผู้ว่าฯ สุรินทร์ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม

สุรินทร์ 3 ส.ค. – ผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงนายอำเภอและผู้นำชุมชนใน จ.สสุรินทร์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน หลังจากมีผู้ไม่หวังดีแชร์ข้อมูลจนทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดและเกิดความวุ่นวายในจังหวัด เมื่อเวลา 14.10 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงพระกรุณาโปรดให้ พล.อ.ศิวะ ภระมรทัต กรมวังผู้ใหญ่ ประจำวังศุโขทัย เป็นผู้แทนพระองค์เชิญถุงพระราชทานมอบแก่ราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวใน จ.สุรินทร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ และกล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ในนามของพสกนิกรชาว จ.สุรินทร์ ที่ได้รับพระราชทานสิ่งของในครั้งนี้ สำหรับ จ.สุรินทร์ มีศูนย์อพยพชั่วคราวจำนวน 12 อำเภอ ณ วันนี้ รวม 98 แห่ง จำนวน 31,222 คน จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่ติดตามการทำงานของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC ในอำเภอที่เป็นจุดปะทะแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ เพื่อทำการพิสูจน์ทราบระเบิด หลังได้รับแจ้งจากผู้นำชุมชนว่าพบลูกระเบิด BM-21 เพิ่มเติมที่ยังไม่ทำงาน […]

รัฐบาลไทยย้ำ ไม่มีทางที่จะใช้อาวุธชีวภาพในกัมพูชา

ทำเนียบ 29 ก.ค.-รัฐบาลไทยย้ำ ไม่มีทางที่จะใช้อาวุธชีวภาพในกัมพูชา เพราะเป็นการปะทะชายแดนเท่านั้น ชี้ข่าวจากเฟซบุ๊กปลอมเป็นความพยายามบิดเบือน สร้างความแตกแยกในภูมิภาค นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า จากกรณีสื่อมวลชนกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลโดยอ้างอิงจาก “เฟซบุ๊กแฟนเพจ” ซึ่งระบุว่าเป็นของกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และมีการกล่าวหาอย่างร้ายแรง ว่าไทยใช้อาวุธชีวภาพในการโจมตีในพื้นที่ชายแดนนั้น รัฐบาลขอปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยสิ้นเชิง และคาดว่า เฟซบุ๊กดังกล่าวเป็นบัญชีปลอม และเป็นความพยายามอย่างชัดแจ้งในการบิดเบือนข้อเท็จจริง รัฐบาลยืนยันว่า การปฏิบัติการของกองทัพไทยอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention: CWC) และองค์การห้ามอาวุธเคมี (Organisation for the Prohibition of Chemical Weapons: OPCW) ประเทศไทยไม่มีนโยบายหรือแนวปฏิบัติในการใช้หรือพัฒนาอาวุธชีวภาพหรืออาวุธต้องห้ามใดๆ ทั้งสิ้น การปะทะที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดน มิใช่สงครามเต็มรูปแบบ และกองทัพไทยยังคงดำรงจริยธรรมทางการทหารอย่างสุภาพบุรุษเสมอมา ทั้งนี้ ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีสามารถตรวจจับสารพิษตกค้างหรือการใช้อาวุธต้องห้ามได้อย่างแม่นยำ ไม่สามารถปกปิดได้ในเวทีระหว่างประเทศ หากไทยใช้อาวุธชีวภาพจริง ย่อมมีการตรวจพบโดยองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงทั่วโลกแล้ว รัฐบาลไทยขอเตือนประชาชนและสื่อมวลชนให้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการรับข้อมูลจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจที่ไม่มีการยืนยันตัวตนอย่างเป็นทางการ และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนที่อาจบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พร้อมเน้นย้ำจุดยืนของไทยในการลดความตึงเครียดและผลักดันการเจรจาสันติภาพอย่างยั่งยืนในภูมิภาค.-314.-สำนักข่าวไทย

ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง

กทม. 28 ก.ค.-ทบ. เผยกัมพูชาโจมตีตั้งแต่ 5 ทุ่มถึงรุ่งสาง ขณะ ทภ.2 เตือนอย่าเชื่อข่าวปลอม กองทัพไม่สนทางรัฐบาลเจรจา กร้าวเดินหน้ารบ-ประกาศกฎอัยการศึก พร้อมชวนกดรีพอร์ตโพสต์-คอมเมนต์ผู้ไม่หวังดีโจมตีสื่อทางการไทย กองทัพบก ทันกระแส รายงานว่า เข้าวันที่ 5 ของการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ตี 1 ตี 3 จนฟ้าเริ่มสาง ทหารไทยยังไม่ได้พัก มีทุกแบบ ทั้งคืน นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยังได้ขอความร่วมมือชาวโซเชียลไทย กดรีพอร์ตโพสต์หรือคอมเมนต์ของผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการเข้ามา กลั่นแกล้ง ก่อกวน และโจมตี สื่อทางการไทย พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม กรณีที่มีข่าวว่า “กองทัพแข็งกร้าว! ลั่นเดินหน้ารบ ซัด รบ.อย่าหวังเจรจา ขณะเขมรยึดพื้นที่ไทย จ่อใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ”.-313.-สำนักข่าวไทย

เตือนระวังผู้ไม่หวังดีใช้ข่าวปลอม ปลุกปั่นหลอกรับบริจาค

26 ก.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนระวังผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสใช้ข่าวปลอม ปลุกปั่นคนไทย และหลอกรับบริจาค วันนี้ (26 กรกฎาคม 2568) พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์ุเพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ขณะนี้ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าในสื่อสังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดังกล่าว ทั้งที่เป็นความจริงและไม่เป็นความจริง สร้างความสับสนและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกต่อพี่น้องประชาชนชาวไทย รวมไปถึงอาจมีการฉวยโอกาสของผู้ไม่หวังดี ใช้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเครื่องมือในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงขอเตือนพี่น้องประชาชน ให้ระมัดระวัง อย่ารีบตัดสินใจหลงเชื่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ โดยไม่มีการตรวจสอบความถูกต้อง เพราะอาจตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่หวังดี ที่ฉวยโอกาสในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1.เผยแพร่ข่าวปลอม สร้างความตื่นตระหนก – เผยแพร่ข่าวปลอมหรือบิดเบือนเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณแนวชายแดน โดยอาจมีการนำภาพเก่า หรือภาพจากเหตุการณ์อื่น มาประกอบกับข้อความเพื่อให้คนตื่นตกใจ 2.เผยแพร่ข้อมูลเพื่อสร้างความเกลียดชัง – เผยแพร่ข้อมูลเพื่อยุยงปลุกปั่นพี่น้องประชาชน โดยมุ่งหวังเพื่อให้เกิดความไม่สงบ หรือเกิดสถานการณ์ความรุนแรงภายในประเทศไทย อันจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในมุมมองของประชาคมโลก 3.หลอกรับบริจาค – อาศัยความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทย หลอกเปิดรับบริจาคจากพี่น้องประชาชน อ้างว่าจะนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบตามแนวชายแดน […]

ตร.ไซเบอร์ ขอชาวโซเชียล ไม่แชร์-ไม่โพสต์-ไม่ส่งต่อข่าวปลอม

25 ก.ค. – ตำรวจไซเบอร์ ขอความร่วมมือชาวโซเชียล ไม่แชร์ ไม่โพสต์ ไม่ส่งต่อข่าวปลอมหรือข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความมั่นคง กองทัพ หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และข้าราชการตำรวจในสังกัด แถลงการณ์ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนประเทศไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะผู้ที่เป็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อันน่าเศร้าดังกล่าว และขอส่งกำลังใจและความห่วงใยไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกนายตลอดจนพี่น้องประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างประเทศในห้วงที่ผ่านมา โดยในช่วงเวลาที่สถานการณ์มีความอ่อนไหว ตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสว่าได้มีการเผยแพร่ข่าวปลอม หรือ Fake News, คลิปบิดเบือน และข้อความปลุกปั่นในโซเชียลมีเดีย ที่อาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคม รวมทั้งพบการโพสต์ภาพหรือวิดีโอคลิปแสดงความรุนแรงต่อคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอความร่วมมือผู้ใช้บัญชีโซเชียล ดังนี้ โดยเฉพาะการโพสต์ปลุกระดมจะไปทำร้ายชาวกัมพูชาในประเทศ หรือโพสต์ภาพการบุกไปทำร้ายชาวกัมพูชา ล้วนแล้วแต่เป็นการทำผิดกฎหมายบ้านเมืองทั้งสิ้น เราควรกระทำตัวให้เป็นคนมีอารยะ รู้จักแยกแยะ หากพบมีการทำผิดในลักษณะดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นกัน สิ่งที่ประชาชนควรทำคือ-ติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เช่น กองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สื่อกระแสหลัก และหน่วยงานภาครัฐ-ใช้วิจารณญาณก่อนแชร์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์อ่อนไหว-แจ้งเบาะแสข่าวปลอม ได้ที่ www.thaipoliceonline.go.th หรือโทรสายด่วน 1441 ตลอด 24 ชั่วโมง. -412-สำนักข่าวไทย

ดีอี เอาผิด​คนปล่อยข่าวปลอม​ไทย-กัมพูชา​ ขอประชาชนอย่าเชื่อ-อย่าแชร์

กทม.7มิ.ย.- ดีอี เอาจริง​ เอาผิดคนปล่อยข่าวปลอม “ไทย-กัมพูชา” ระบาดหนัก ขอประชาชนอย่าเชื่อ-แชร์ข้อมูลเท็จ ย้ำรับข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการเท่านั้น นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่สื่อสังคมออนไลน์มีการเผยแพร่ข้อความและภาพ อ้างอิงถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชานั้น พบว่าขณะนี้มีการบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้ประชาชนสนใจ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ตื่นตระหนก วิตกกังวล และสร้างความสับสนในสังคมเป็นวงกว้าง รัฐบาล โดยศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (Anti-Fake News Center) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบพบว่ามีข่าวที่เกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวมากถึง 33 ข่าว และเป็นข่าวปลอมที่ได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐแล้ว 9 ข่าวด้วยกัน โดยพบว่าประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดคือ ข่าวปลอมที่อ้างว่า “รัฐบาลไทยเตรียมประกาศปิดด่านชายแดนไทย–กัมพูชา 6 แห่ง” ซึ่งไม่เป็นความจริงและเป็นการสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในวงกว้าง ทั้งนี้ จากการประสานงานตรวจสอบร่วมกับของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และหน่วยงานชายแดนที่เกี่ยวข้องแล้ว ยืนยันว่า ทุกด่านยังเปิดให้บริการตามปกติ และตรวจสอบพบว่าเป็นการสร้างข้อมูลปลอม โดยได้ทำการปิดกั้นการเผยแพร่แล้ว “เรื่องเขตแดนไทย–กัมพูชาเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของคนทั้ง 2 ประเทศ การแชร์ข่าวปลอมยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีประเด็นของการทำภาพ AI ที่เผยแพร่เพื่อยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือประเด็นการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ รวมทั้งกรณีข่าวลือปลดแม่ทัพภาคที่ 3 […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : อาบน้ำด้วยสบู่เหลว ตายเร็ว จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เตือนว่า การอาบน้ำด้วยสบู่เหลวอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต และทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น เพราะในสบู่เหลวมีสารอันตราย จริงหรือ ? บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ สารอันตรายที่มีการแชร์คือ SLS (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักในสบู่เหลว เพื่อให้เกิดฟอง มีการใช้ในปริมาณต่ำและสามารถดูดซึมผ่านผิวหนังได้เพียงเล็กน้อย จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม การใช้สบู่เหลวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ในบางราย ซึ่งอาจเกิดจาก SLS หรือน้ำหอมและสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่ผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่าข้อมูลเรื่อง “สบู่เหลวอันตราย มีสารเคมีซึมลงผิวหนัง ทำให้เสียชีวิตเร็วขึ้น” เป็นข้อมูลที่มักถูกส่งต่อและเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะการเตือนภัยเกี่ยวกับสารเคมีที่ใช้เป็นส่วนประกอบของสบู่เหลว จากการสืบค้นย้อนหลัง พบว่าข้อความลักษณะนี้เคยถูกแชร์บนออนไลน์ ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2552 ผ่านทางอีเมลที่ส่งต่อกัน และต่อมามีการแชร์อย่างกว้างบนสื่อสังคมออนไลน์ และเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทำให้หลายคนเกิดความกังวล จนมีการตั้งกระทู้สอบถามเพิ่มเติมในเว็บไซต์สนทนาอย่าง Pantip อีกด้วย ตรวจสอบข้อเท็จจริงผู้ช่วยศาสตราจารย์ เภสัชกร ดร.กิติยศ ยศสมบัติ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชี้แจงว่า ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นจากการผลิตสบู่เหลวในอดีต […]

ชัวร์ก่อนแชร์ : สมเด็จพระสังฆราชมีพระดำรัส ห้ามถวายเงินพระ จริงหรือ ?

ตามที่สื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ข้อความอ้างว่าเป็นพระดำรัสสมเด็จพระสังฆราช ห้ามประชาชนงดถวายเงินแด่พระสงฆ์ นั้น บทสรุป : ไม่จริง ไม่ควรแชร์ต่อ ข้อความดังกล่าวไม่ใช่พระดำรัสของสมเด็จพระสังฆราช โดยสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ออกประกาศชี้แจงว่า สมเด็จพระสังฆราชไม่เคยมีพระดำรัสด้วยถ้อยคำในลักษณะบริภาษตามที่ปรากฏในสื่อดังกล่าวแต่อย่างใด FACT CHECK : ตรวจสอบข้อเท็จจริง :ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ตรวจสอบพบว่า ข้อความที่เผยแพร่กันดังกล่าว มีการเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กหนึ่ง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ใจความว่า “ด่วน สมเด็จพระสังฆราช ทรงรับสั่งให้ประชาชนงดเอาเงินถวายพระโดยเด็ดขาด แม้กระทั่งงานศพ งดใส่ซองขาวถวายพระทุกกรณี”  ทั้งนี้ โพสต์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นโพสต์ข้อความธรรมดา ไม่มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น ภาพประกอบ หรือแหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น ข่าวดี ประจำชาติเลยค่ะ ดีมากเลยคำสั่งจากสังฆราชน่าหยุดทุกอย่างได้จริง เป็นต้น อีกทั้งยังมีการแชร์ออกไปกว่า 2.5 พัน ครั้ง  ต่อมา เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้เผยแพร่ประกาศสำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จโดยแอบอ้างว่าเป็นพระดำรัส ความว่า […]

1 2 3 12
...