fbpx

ปี 63 งบทหารทั่วโลกเพิ่มขึ้นแม้โควิดระบาด

งบประมาณด้านกลาโหมทั่วโลกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เป็น 1.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 62.23 ล้านล้านบาท) เมื่อปี 2563 แม้ว่าบางประเทศได้โยกงบกลาโหมไปใช้รับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ก็ตาม

รมช.กลาโหม สั่งเพิ่มกำลังทหาร-ยานพาหนะ พร้อมย้ายผู้ป่วย

รมช.กลาโหม ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมศูนย์สนับสนุนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยโควิด สั่งเพิ่มทั้ง จนท.และยานพาหนะอีก 20 คัน ย้ำต้องพร้อมปฏิบัติทันที

เผย “ไบเดน” เลือก รมว.กลาโหมผิวดำคนแรก

วอชิงตัน 8 ธ.ค. – สื่อสหรัฐเผยว่า นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเลือกนายพลลอยด์ ออสติน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ซึ่งถือเป็นรัฐมนตรีกลาโหมผิวดำคนแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐ ซีเอ็นเอ็น โพลิติโค และเดอะนิวยอร์กไทม์รายงานอ้างแหล่งข่าวว่า นายไบเดนตัดสินใจเลือกนายพลลอยด์ ออสติน อดีตนายพล 4 ดาวเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันวัย 67 ปีที่เคยนำกองทัพอเมริกันบุกอิรักในปี 2546 ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม พลิกโผจากก่อนหน้านี้ที่มีชื่อของนางมิเชล ฟลัวร์นอย อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ท่ามกลางกระแสกดดันให้นายไบเดนเสนอชื่อบุคคลที่มาจากคนกลุ่มน้อยให้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีมากขึ้น โดยนายไบเดนจะประกาศชื่อรัฐมนตรีกลาโหมในวันศุกร์นี้ อย่างไรก็ดี นายพลออสตินต้องผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาก่อนเข้ารับตำแหน่ง และต้องได้รับข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษจากวุฒิสภา เนื่องจากกฎหมายสหรัฐกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องเกษียณราชการครบ 7 ปีก่อนจึงจะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมได้ เป็นไปตามทัศนะที่ว่าตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมควรเป็นพลเรือน หากนายพลออสตินเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม เขาจะต้องรับหน้าที่บริหารกองทหารประจำการราว 1.2 ล้านคน ซึ่งมีเพียงร้อยละ 16 ที่เป็นทหารผิวดำ อย่างไรก็ดี ทหารผิวดำส่วนใหญ่มักมียศในระดับชั้นผู้น้อย และมีส่วนน้อยที่ได้รับการเลื่อนยศในระดับสูง ประเด็นดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้นในปีที่ผ่านมา เมื่อเหล่าพลทหารชายหญิงเชื้อสายแอฟริกันอเมริกันประกาศตัวสนับสนุนการประท้วงแบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์ (Black Lives Matter) เพื่อต่อต้านตำรวจที่เหยียดผิวและใช้กำลังเกินกว่าเหตุ นายพลออสตินอาจต้องเผชิญกับความท้าทายต่าง […]

ทรัมป์ ปลดฟ้าผ่า รมต.กลาโหม

วอชิงตัน 10 พ.ย.- ผู้นำสหรัฐปลดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ขัดแย้งกันมานานเรื่องนโยบาย ส่งสัญญาณว่าจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือในการดำรงตำแหน่งหาทางเรียกคะแนนหลังพ่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตว่า ได้ปลดนาย มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่งแล้ว และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม คือ นายคริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ทั้งนี้โดยให้มีผลในทันที ขณะที่วุฒิสภามีแนวโน้มว่าจะยังไม่รับรองการเสนอชื่อ จนกว่าทรัมป์จะหมดวาระในเดือนมกราคม ที่ผ่านมาทรัมป์ มีความเห็นขัดแย้งกับเอสเปอร์ในหลายประเด็น และไม่พอใจอย่างยิ่งที่เอสเปอร์คัดค้าน ที่ทรัมป์ขู่จะใช้ทหารประจำการ เข้าปราบปรามการประท้วงต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติ จากกรณี จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของตำรวจ ในมินนิแอโพลิสเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐที่ขอสงวนชื่อเผยว่า หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้แจ้งให้เอสเปอร์ทราบล่วงหน้าไม่กี่นาทีเรื่องทรัมป์จะทวีตปลดเขาออกจากตำแหน่ง ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เอสเปอร์รู้ตัวดี และได้เตรียมลาออก หรือเตรียมรับการถูกปลดมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากทรัมป์ได้รับเลือกกลับมาเป็นสมัยที่สอง ทั้งนี้โดยทรัมป์ยังคงปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขาแพ้การเลือกตั้งให้กับ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ก่อน.-สำนักข่าวไทย

รมว.กลาโหมจีน-อินเดียโทษกันเรื่องพรมแดน

นิวเดลี 5 ก.ย.- รัฐมนตรีกลาโหมของจีนและอินเดียออกถ้อยแถลงกล่าวโทษอีกฝ่าย หลังจากหารือกันเรื่องความตึงเครียดบริเวณพรมแดนที่เกิดการปะทะกันล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน นายราจนาธ ซิงห์ รัฐมนตรีกลาโหมอินเดียพบกับ พล.อ.เว่ย เฟิ่งเหอ รัฐมนตรีกลาโหมจีนนอกรอบการประชุมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ที่กรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อเย็นวานนี้ เป็นการพบระดับสูงสุดนับจากทหารทั้งสองฝ่ายปะทะบริเวณพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ครั้งนั้นอินเดียแจ้งว่ามีทหารเสียชีวิต 20 นาย จีนยอมรับว่ามีทหารเสียชีวิตแต่ไม่เปิดเผยจำนวน นายซิงห์ออกแถลงการณ์หลังเสร็จสิ้นการหารือว่า เป็นการหารืออย่างตรงไปตรงมาเรื่องข้อพิพาทและความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด การกระทำของทหารจีนที่มีทั้งการระดมกำลังพลจำนวนมาก แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และพยายามเปลี่ยนแปลงสถานภาพปัจจุบันแต่ฝ่ายเดียว ล้วนละเมิดข้อตกลงระหว่างกัน อินเดียต้องการแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจา แต่ขณะเดียวกันก็มุ่งมั่นที่จะปกปักรักษาอธิปไตยและดินแดนอย่างแน่วแน่ ด้าน พล.อ.เว่ยออกแถลงการณ์ว่า สาเหตุและความจริงของความตึงเครียดบริเวณพรมแดนจีนกับอินเดียในปัจจุบันล้วนชัดเจนอยู่แล้ว ความรับผิดชอบทั้งหมดอยู่ที่ฝั่งอินเดีย จีนไม่สามารถสูญเสียดินแดนของตนเองได้ ขอให้อินเดียกวดขันกองกำลังแนวหน้าให้เข้มงวดมากขึ้น และงดการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้นไปกว่าเดิม.-สำนักข่าวไทย

ชาวญี่ปุ่นอยากให้อดีต รมว.กลาโหมเป็นนายกฯ

โตเกียว 31 ส.ค.- ผลสำรวจความเห็นชาวญี่ปุ่นพบว่า นายชิเงรุ อิชิบะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมเป็นบุคคลที่ชาวญี่ปุ่นอยากให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่มากที่สุด หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ประกาศเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่าจะลาออกเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ สำนักข่าวเกียวโดสำรวจความเห็นชาวญี่ปุ่นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า นายอิชิบะ วัย 63 ปี อดีตรัฐมนตรีกลาโหมปี 2550-2551 ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่มากเป็นอันดับหนึ่งด้วยคะแนนร้อยละ 34 ทิ้งห่างอันดับสองคือนายโยชิฮิเดะ สุกะ วัย 71 ปี หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ได้คะแนนสนับสนุนเพียงร้อยละ 14 ขณะที่ผลสำรวจของนิกเกและสถานีโทรทัศน์โตเกียวพบว่า นายอิชิบะได้คะแนนสนับสนุนร้อยละ 28 ตามด้วยนายทาโร โคโนะ วัย 57 ปี รัฐมนตรีกลาโหมคนปัจจุบันที่ได้ร้อยละ 15 ขณะที่นายสุกะได้อันดับสี่ด้วยคะแนนร้อยละ 11 ส่วนนายฟูมิโอะ คิชิดะ วัย 63 ปี อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศปี 2555-2560 ได้คะแนนรั้งท้ายในการสำรวจทั้งสองแห่ง ผลสำรวจความเห็นประชาชนแตกต่างจากเสียงสนับสนุนภายในพรรคเสรีประชาธิปไตยหรือแอลดีพี (LDP) ที่จะต้องเลือกประธานพรรคคนใหม่แทนนายอาเบะ สื่อญี่ปุ่นคาดว่า นายสุกะ มือขวาคู่ใจของอาเบะจะได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มของนายโตชิฮิโร นิไก เลขาธิการพรรคและกลุ่มใหญ่ ๆ […]

โฆษก กห.แจงข่าวลือรัฐประหาร “เป็นข่าวเท็จ”

กรุงเทพ 21ส.ค.-โฆษกกระทรวงกลาโหม แจงข่าวลือรัฐประหาร ขอให้หนักแน่น รวมใจไทยสร้างชาติแก้ปัญหาไปด้วยกัน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึง กรณีมีข่าวลือรัฐประหารว่า “เป็นข่าวเท็จ” โดยเฉพาะสถานการณ์ของประเทศปัจจุบัน ที่มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน มีความพยายามสร้างข่าวเท็จ ปลุกให้เกิดความหวาดระแวงกันในสังคมมากขึ้น จึงจำเป็นที่ประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย ควรใช้ดุลยพินิจรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องอย่างรอบด้าน โดยขอให้หนักแน่น เชื่อมั่นกันและกัน พร้อมรวมใจไทยสร้างชาติ แก้ปัญหาดังกล่าวไปด้วยกัน.-สำนักข่าวไทย

สหรัฐตั้งหน่วยเฉพาะกิจสอบเรื่องเห็นยูเอฟโอ

วอชิงตัน 15 ส.ค.- กระทรวงกลาโหมสหรัฐกำลังตั้งหน่วยเฉพาะกิจสังกัดกองทัพเรือขึ้นสอบสวนรายงานแจ้งเหตุเห็นวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้หรือยูเอฟโอ (UFO) โฆษกกระทรวงกลาโหมแถลงว่า กระทรวงตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจปรากฏการณ์ทางอากาศไม่ทราบประเภทหรือยูเอพี (UAP) ด้วยหวังว่าจะช่วยให้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นในเรื่องลักษณะและที่มาของยูเอพี ภารกิจของคณะทำงานคือตรวจหา วิเคราะห์ และจัดทำบัญชียูเอพี ที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงถือว่า เหตุอากาศยานล่วงล้ำพื้นที่ฝึกหรือน่านฟ้าที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นเรื่องร้ายแรง จึงได้ตรวจสอบทุกการล่วงล้ำที่ผู้พบเห็นไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร เอเอฟพีเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังวลเป็นพิเศษเรื่องศักยภาพการสอดแนมของจีนที่ใช้อากาศยานไร้คนขับหรือโดรน และวิธีทางอากาศอื่น ๆ คณะกรรมการข่าวกรองในวุฒิสภาสหรัฐเผยเมื่อเดือนมิถุนายนว่า ต้องการกำกับดูแลโครงการยูเอฟโอของกระทรวงกลาโหม เป็นการยืนยันสิ่งที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์เปิดเผยในปี 2560 ว่า กระทรวงมีกลุ่มทำงานอย่างไม่เป็นทางการในเรื่องนี้อยู่ กระทรวงกลาโหมยอมรับในเดือนธันวาคมปีนั้นว่า ให้ทุนสนับสนุนโครงการมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อสอบสวนการเห็นยูเอฟโอจริง แต่ได้ยุติไปตั้งแต่ปี 2555 แล้ว.-สำนักข่าวไทย

ไต้หวันเตรียมเพิ่มงบกลาโหมขณะจีนย่องซ้อมรบใกล้เขตแดน

ทางการไต้หวันเผยวันนี้ว่า เตรียมเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 42,100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (44,640ล้านบาท) สำหรับในปีหน้า

1 7 8 9 10 11 16
...