เห็นด้วยแนวคิด “สุทิน” เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำเป็นปุ๋ย

อสมท 9 ก.ย.- “อ.โอฬาร” เห็นด้วยแนวคิด “สุทิน” เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีนเป็นปุ๋ย -เรือผิวน้ำ แก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำจากจีน ชี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนวงกว้าง แต่อาจกระทบผลประโยชน์กองทัพ แนะเป็นรัฐมนตรีพลเรือนทำอะไรอย่าบุ่มบ่าม


รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงแนวคิดของนายสุทินคลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำจากจีน โดยมีแนวคิดทางวิชาการ เช่น ให้ยกเลิกการจัดซื้อและเปลี่ยนเป็นการนำเข้าปุ๋ยจากจีน หรือจะเอาซื้อเรือผิวน้ำแทน ว่า เห็นด้วยในหลักการ โดยเฉพาะการเปลี่ยน เป็นอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง ยิ่งเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ แต่การปรับเปลี่ยนผลประโยชน์จะกระทบกับผลประโยชน์ในกองทัพหรือไม่ ซึ่งนายสุทิน ต้องประเมิน เพราะตัวเองเป็นรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน การทำอะไรที่กระทบผลประโยชน์กองทัพทางใดทางหนึ่ง ถึงแม้เป็นเจตนาดีต่อประชาชน แต่อาจเกิดแรงกระเพื่อม หรือแรงกดดันจากกองทัพได้

ส่วนกองทัพ หากมีการเข้าไปพูดคุยจะรับได้หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า ถ้ากระทบกับผลประโยชน์ หรืออะไรที่เป็นผลประโยชน์ ของกองทัพโดยเฉพาะเครื่องยนต์ กลไกของเรือดำน้ำ ตนมองว่ายาก


เมื่อถามถึงความเป็นไปได้จะติดขัดเรื่องข้อกฎหมายหรือสัญญาอะไรหรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร มองว่า ถ้าหากจะแก้ไขสัญญาก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียดว่า กฎหมายได้มีการทำข้อตกลงอะไรบ้าง ในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกของเรือดำน้ำ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็อาจมีปัญหาตามมา ย้ำว่าตนมองว่ายากถ้ามันมีกฎหมายอยู่แล้วเพราะกองทัพก็ต้องทำตามข้อกฎหมายนั้น การแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะยังคาบเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย

ส่วนที่นายสุทิน มองว่าจะให้เพียงกองทัพเป็นผู้เจรจาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ดังนั้น รัฐบาลควรเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย รศ.ดร. โอฬาร กล่าวว่า เห็นด้วย ถ้ากองทัพเห็นว่ามีความจำเป็น รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเสริมด้วย แต่ตนก็กังวลใจเรื่องผลประโยชน์ของกองทัพ กับผลประโยชน์ของประเทศบางครั้งไม่ไปด้วยกัน

เมื่อถามว่าจะเป็นปัญหาที่นายสุทิน จะทำงานร่วมกับกองทัพหรือไม่ จากที่มีการเดินสายรับฟังผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ รศ.ดร. โอฬาร กล่าวว่า การที่นายสุทิน เป็นพลเรือนและมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็มีความท้าทายมาก การทำงานอะไรที่ไปกระทบกับผลประโยชน์ของกองทัพเพียงแค่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าผลประโยชน์หรือสิ่งที่นายสุทิน ทำจะเป็นผลประโยชน์ภาพรวมของประเทศ แต่อย่าลืมว่ากองทัพคือผลประโยชน์ของกลุ่มหนึ่งทางเศรษฐกิจการเมือง ถ้านายสุทินตัดสินใจอย่างไรที่กระทบกับกองทัพ จะส่งผลต่อเสถียรภาพการทำงานของนายสุทินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้ว่านายสุทินจะพยายามบริหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป และพยายามรับฟังข้อแนะนำข้อเสนอแนะจากบรรดาทหาร ชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากของกองทัพเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์


เมื่อถามย้ำว่าการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนายสุทิน ที่มาจากพลเรือน ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ใช่หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่าไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะการไปแตะผลประโยชน์ ถ้าไม่ แตะผลประโยชน์ทำตามที่กองทัพเสนอแบบนี้อยู่ได้แน่นอน และปล่อยให้กองทัพบริหารจัดการทุกอย่าง แล้วตัวเองเป็นเพียงแค่คนเซ็นอนุมัติอย่างนี้จะไปได้ แต่ถ้าเค้าไปแตะไปแทรกแซงหรือไปปฏิรูปอะไรที่กระทบกับผลประโยชน์กองทัพอันนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานแน่นอน นอกจากว่านายสุทินจะมีทีมที่ปรึกษา ทีมที่ดูแลกระทรวงกลาโหมที่มีบารมีในกองทัพมาก ทำให้ทหารรุ่นน้อง ทหารในกองทัพเกิดความเกรงอกเกรงใจ อีกทั้งบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนายสุทินก็จะแตกต่างไปจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนอื่น เพราะเป็นพลเรือนบุคคลแรกที่ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย จะมีอำนาจสูงสุดกำกับอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่นายสุทินเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และมาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความพิเศษ มีความหวั่นไหวบอบบางพิเศษ เพราะแรกเริ่มเดิมทีโควตานี้เป็นโควตาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ใน พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นโควตากลาง แต่มาโดนเบียดด้วยโควตาพรรคเพื่อไทย ก็จะมี ปัญหาเรื่องการจัดสรรตำแหน่ง ทำให้กองทัพหรือผู้มีอิทธิพลในกองทัพไม่ค่อยพอใจ เพราะฉะนั้นการบริหารของนายสุทิน จะบุ่มบ่ามตัดสินใจทันทีไม่ได้ ต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย