อสมท 9 ก.ย.- “อ.โอฬาร” เห็นด้วยแนวคิด “สุทิน” เปลี่ยนเครื่องยนต์เรือดำน้ำจีนเป็นปุ๋ย -เรือผิวน้ำ แก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำจากจีน ชี้ เป็นประโยชน์กับประชาชนวงกว้าง แต่อาจกระทบผลประโยชน์กองทัพ แนะเป็นรัฐมนตรีพลเรือนทำอะไรอย่าบุ่มบ่าม
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวไทย ถึงแนวคิดของนายสุทินคลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ปัญหาเครื่องยนต์เรือดำน้ำจากจีน โดยมีแนวคิดทางวิชาการ เช่น ให้ยกเลิกการจัดซื้อและเปลี่ยนเป็นการนำเข้าปุ๋ยจากจีน หรือจะเอาซื้อเรือผิวน้ำแทน ว่า เห็นด้วยในหลักการ โดยเฉพาะการเปลี่ยน เป็นอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง ยิ่งเฉพาะในสถานการณ์ตอนนี้ แต่การปรับเปลี่ยนผลประโยชน์จะกระทบกับผลประโยชน์ในกองทัพหรือไม่ ซึ่งนายสุทิน ต้องประเมิน เพราะตัวเองเป็นรัฐมนตรีที่มาจากพลเรือน การทำอะไรที่กระทบผลประโยชน์กองทัพทางใดทางหนึ่ง ถึงแม้เป็นเจตนาดีต่อประชาชน แต่อาจเกิดแรงกระเพื่อม หรือแรงกดดันจากกองทัพได้
ส่วนกองทัพ หากมีการเข้าไปพูดคุยจะรับได้หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร กล่าวว่า ถ้ากระทบกับผลประโยชน์ หรืออะไรที่เป็นผลประโยชน์ ของกองทัพโดยเฉพาะเครื่องยนต์ กลไกของเรือดำน้ำ ตนมองว่ายาก
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้จะติดขัดเรื่องข้อกฎหมายหรือสัญญาอะไรหรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร มองว่า ถ้าหากจะแก้ไขสัญญาก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียดว่า กฎหมายได้มีการทำข้อตกลงอะไรบ้าง ในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกของเรือดำน้ำ ซึ่งหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขก็อาจมีปัญหาตามมา ย้ำว่าตนมองว่ายากถ้ามันมีกฎหมายอยู่แล้วเพราะกองทัพก็ต้องทำตามข้อกฎหมายนั้น การแก้ไขไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะยังคาบเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย
ส่วนที่นายสุทิน มองว่าจะให้เพียงกองทัพเป็นผู้เจรจาเรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ ดังนั้น รัฐบาลควรเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย รศ.ดร. โอฬาร กล่าวว่า เห็นด้วย ถ้ากองทัพเห็นว่ามีความจำเป็น รัฐบาลต้องเข้าไปช่วยเสริมด้วย แต่ตนก็กังวลใจเรื่องผลประโยชน์ของกองทัพ กับผลประโยชน์ของประเทศบางครั้งไม่ไปด้วยกัน
เมื่อถามว่าจะเป็นปัญหาที่นายสุทิน จะทำงานร่วมกับกองทัพหรือไม่ จากที่มีการเดินสายรับฟังผู้หลักผู้ใหญ่ในกองทัพ รศ.ดร. โอฬาร กล่าวว่า การที่นายสุทิน เป็นพลเรือนและมานั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็มีความท้าทายมาก การทำงานอะไรที่ไปกระทบกับผลประโยชน์ของกองทัพเพียงแค่เล็กน้อย ถึงแม้ว่าผลประโยชน์หรือสิ่งที่นายสุทิน ทำจะเป็นผลประโยชน์ภาพรวมของประเทศ แต่อย่าลืมว่ากองทัพคือผลประโยชน์ของกลุ่มหนึ่งทางเศรษฐกิจการเมือง ถ้านายสุทินตัดสินใจอย่างไรที่กระทบกับกองทัพ จะส่งผลต่อเสถียรภาพการทำงานของนายสุทินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ถึงแม้ว่านายสุทินจะพยายามบริหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป และพยายามรับฟังข้อแนะนำข้อเสนอแนะจากบรรดาทหาร ชั้นผู้ใหญ่ทั้งหมด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากของกองทัพเพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์
เมื่อถามย้ำว่าการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนายสุทิน ที่มาจากพลเรือน ถือว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ใช่หรือไม่ รศ.ดร.โอฬาร ระบุว่าไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะการไปแตะผลประโยชน์ ถ้าไม่ แตะผลประโยชน์ทำตามที่กองทัพเสนอแบบนี้อยู่ได้แน่นอน และปล่อยให้กองทัพบริหารจัดการทุกอย่าง แล้วตัวเองเป็นเพียงแค่คนเซ็นอนุมัติอย่างนี้จะไปได้ แต่ถ้าเค้าไปแตะไปแทรกแซงหรือไปปฏิรูปอะไรที่กระทบกับผลประโยชน์กองทัพอันนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำงานแน่นอน นอกจากว่านายสุทินจะมีทีมที่ปรึกษา ทีมที่ดูแลกระทรวงกลาโหมที่มีบารมีในกองทัพมาก ทำให้ทหารรุ่นน้อง ทหารในกองทัพเกิดความเกรงอกเกรงใจ อีกทั้งบทบาทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของนายสุทินก็จะแตกต่างไปจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนอื่น เพราะเป็นพลเรือนบุคคลแรกที่ ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วย จะมีอำนาจสูงสุดกำกับอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่นายสุทินเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และมาอยู่ในสถานการณ์ที่มีความพิเศษ มีความหวั่นไหวบอบบางพิเศษ เพราะแรกเริ่มเดิมทีโควตานี้เป็นโควตาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ใน พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เป็นโควตากลาง แต่มาโดนเบียดด้วยโควตาพรรคเพื่อไทย ก็จะมี ปัญหาเรื่องการจัดสรรตำแหน่ง ทำให้กองทัพหรือผู้มีอิทธิพลในกองทัพไม่ค่อยพอใจ เพราะฉะนั้นการบริหารของนายสุทิน จะบุ่มบ่ามตัดสินใจทันทีไม่ได้ ต้องประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา .-สำนักข่าวไทย