ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : สตาร์ตรถนอน เสี่ยงเสียชีวิต จริงหรือ ?

บนสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์เตือนว่า ห้ามสตาร์ตรถนอน เพราะอาจเสียชีวิตได้ เรื่องนี้จริงหรือไม่ ?


🎯 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สุรมิส เจริญงาม นักทดสอบและผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์

เรื่องนี้จริงและแชร์ต่อได้ แต่ก็มีคนแย้งว่าทำแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย เรียกว่าอยู่ที่พื้นที่จอดรถและเวลาในการนอนด้วย


ทำไมถึงบอกว่า “ห้ามสตาร์ตรถนอน” ?

เครื่องยนต์ระบบสันดาปสามารถปล่อยก๊าซพิษออกมาได้

โดยปกติแล้วขณะที่อยู่ในรถยนต์จะมีก๊าซพิษ 2 ตัวหลัก ๆ คือ


1. คาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide) ออกจากร่างกายคนเรา

2. คาร์บอนมอนอกไซด์ (Carbon monoxide) ออกจากปลายท่อไอเสียรถยนต์

ทั้งคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ มีน้ำหนักเบากว่าก๊าซออกซิเจน (Oxygen) เวลาขับรถยนต์ปกติและรถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าตลอดเวลา ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่พ่นออกมาก็กระจายอยู่ในบรรยากาศ

การขับรถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้าก็จะมีก๊าซออกซิเจนเข้ามาในตัวรถด้วย และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่กระจายอยู่ในรถก็ถูกดันออกไปด้านนอกตัวรถด้วย

ถึงแม้ว่าคนเราจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาตลอดเวลา แต่รถยนต์ถูกออกแบบให้อากาศภายนอกหมุนเวียนเข้ามาได้ จึงทำให้สามารถขับขี่รถยนต์ได้โดยไม่มีปัญหา

กรณีการจอดรถยนต์บริเวณที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์จากท่อไอเสียรถยนต์สามารถย้อนกลับเข้ามาในตัวรถยนต์ได้

ก๊าซพิษสามารถเข้าสู่ตัวรถยนต์ทางไหน ?

รถยนต์แต่ละคันจะมีช่องระบายที่เปิด-ปิดอัตโนมัติตามแรงลม

ดังนั้น การจอดรถยนต์บริเวณที่การถ่ายเทอากาศไม่ดี ก๊าซพิษก็จะอยู่บริเวณรอบตัวรถจะซึมผ่านเข้าตัวรถส่งผลกับคนที่อยู่ในรถยนต์ได้

ขณะที่เราหายใจนำก๊าซออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เม็ดเลือดแดงจับกับออกซิเจนไหลเวียนสู่ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย

แต่ถ้าเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ที่เราหายใจเข้าสู่ร่างกาย ปรากฏว่าคาร์บอนมอนอกไซด์เบากว่าก๊าซออกซิเจน ขณะที่อยู่ในพื้นที่จำกัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์สามารถรวมตัวกับเม็ดเลือดแดงได้ดีกว่าก๊าซออกซิเจน 2 เท่า นั่นคือตัวเราซึมซับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ได้ดีกว่าก๊าซออกซิเจน

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ขณะนอนหลับ ตัวก๊าซที่เข้ามาคนเราหายใจปกติ อากาศหมุนเวียนจากภายนอกเข้ามาในตัวรถยนต์ได้น้อยลงกว่าเดิม มีก๊าซพิษเข้ามาสู่เม็ดเลือดแดงได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ร่างกายได้รับก๊าซออกซิเจนน้อยลง สมองก็ทำงานช้าลง เกิดอาการง่วง ซึม หลับ และถึงขั้นหมดสติได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต

การนำรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแคมป์และนอนหลับในรถยนต์ ทำได้จริงหรือ ?

รถยนต์ไฟฟ้ามีโหมดตั้งแคมป์ และบอกว่านอนได้ปลอดภัย

ตัวรถยนต์ไฟฟ้าถึงแม้จะไม่มีมลพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ (ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์) แต่คนเราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดังนั้น ถ้าจะนอนในรถยนต์ไฟฟ้า มีสิ่งที่ควรจะต้องทำ ได้แก่

1. เปิดระบบปรับอากาศภายในตัวรถยนต์เป็นอัตโนมัติ เมื่อเป็นระบบอัตโนมัติแล้วตัวระบบจะปรับช่องทิศทางกระจายลมปรับอากาศภายในห้องโดยสาร พร้อมกับเปิด-ปิดช่องรับอากาศจากภายนอกเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงจากขาดก๊าซออกซิเจน หรือมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการหายใจออกปริมาณมากเกินไป

2. ต้องแน่ใจว่าจุดที่ตั้งแคมป์จอดรถยนต์ไฟฟ้า ไม่มีเพื่อนร่วมทางจอดรถยนต์สันดาปติดเครื่องอยู่

3. จอดรถยนต์ตั้งแคมป์ บริเวณที่มีอากาศถ่ายเทดี ถึงแม้จะไม่มีรถยนต์สันดาปติดเครื่องอยู่ใกล้ ๆ ก็ตาม

4. ไม่ควรนำเต็นท์ขนาดใหญ่ครอบรถยนต์ไฟฟ้าขณะตั้งแคมป์ เพราะต้องระมัดระวังเรื่องอากาศหมุนเวียนและมีช่องทางให้ก๊าซออกซิเจนเข้ามาในห้องโดยสารด้วย

5. สถานที่จอดรถยนต์จะต้องมีอากาศถ่ายเทดี เป็นพื้นที่โล่ง มีลมผ่านและสามารถพัดไอเสียออกไปจากตัวรถได้

6. ไม่ควรนอนหลับในรถยนต์ที่สตาร์ตเครื่องไว้เป็นเวลานาน แต่ควรนอนพักสายตาช่วงเวลาสั้น ๆ 10-15 นาที เพราะถ้านานกว่านี้อาจเกิดอันตรายได้ เพราะถ้าต้องการนอนพักนาน ๆ ควรหาสถานที่ปลอดภัยและดับเครื่องยนต์นอนพักได้อย่างปลอดภัย

คำเตือน “สตาร์ตรถนอน เสี่ยงเสียชีวิต” นี้สามารถแชร์ต่อได้

“คาร์บอนไดออกไซด์” : ก๊าซอันตราย

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก่อโรคได้ทางหนึ่งโดยการแทนที่ออกซิเจน (Asphyxiant) ทำให้ออกซิเจนในอากาศมีไม่พอ จึงเกิดพิษจากภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxia) ขึ้นได้ การที่มีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งในเลือด (Hypercapnia) ไม่ว่าจะจากการขาดออกซิเจนหรือได้รับคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปมากก็ตาม จะทำให้เลือดเป็นกรด (Acidosis) เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด กระตุ้นระบบหายใจให้หายใจเร็วขึ้น ทำให้หัวใจเต้นเร็ว และกดสมอง

อาการเฉียบพลัน การได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ร่างกายโดยการสูดหายใจเข้าไปเป็นหลัก

การสัมผัสกับก๊าซที่ผิวหนังหรือกลืนกินเข้าไปไม่ทำให้เกิดพิษ เมื่อสูดหายใจเอาก๊าซเข้าไป ในระยะแรกจะทำให้เกิดอาการหายใจเร็ว หายใจลึกขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็ว ชีพจรเร็ว หากได้รับในปริมาณมากขึ้น จะเริ่มมีผลกดสมอง ทำให้ซึมลง ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ มึนงง สับสน การได้ยินลดลง และรบกวนการมองเห็น เนื่องจากสมองถูกกดการทำงาน ที่ผิวหนังจะเกิดหลอดเลือดขยายตัว เหงื่อออก กล้ามเนื้อสั่นกระตุก (Tremor) อาจพบมีคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียได้ บางรายอาจมีอาการคลั่ง (Panic) หากได้รับปริมาณสูงมากจะทำให้หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด

อาการพิษจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นี้มักจะพบร่วมกับภาวะขาดออกซิเจน (Hypoxia) ได้เสมอ ซึ่งภาวะขาดออกซิเจนอาจนำไปสู่อาการอย่างอื่นๆ เช่น สมองตาย ไตเสื่อม ตาบอด ตามมาได้

อาการระยะยาว การได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ระดับสูงกว่าปกติสามารถพบได้ในตึกที่ระบบระบายอากาศไม่ดี ระดับของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สะสมนั้น ถูกใช้เป็นตัวชี้วัดหนึ่ง เพื่อดูอัตราการไหลเวียนของอากาศภายในอาคาร ผลของการได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปนาน ๆ อาจทำให้ปวดหัวบ่อย กดสมอง มึนงง ง่วงซึม เครียด ความดันเลือดและอัตราการหายใจอาจเพิ่มสูงขึ้นได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.sci.psu.ac.th/news/2021/07/get-to-know-carbon-dioxide/

ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ : ส่งผลร้ายต่อร่างกายได้อย่างไร

คาร์บอนมอนอกไซด์ เป็นก๊าซพิษที่ทำร้ายร่างกาย มีอันตรายถึงชีวิต โดยก๊าซปะปนอยู่ในอากาศ หลายครั้งที่มีการสูดดมเข้าไปในปริมาณมากก่อให้เกิดโรคร้ายตามมา และบางกรณียังทำให้เสียชีวิตฉับพลัน

  • ร่างกายได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์
  • คาร์บอนมอนอกไซด์แย่งจับฮีโมโกบินในเม็ดเลือดแดง
  • ทำให้ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงส่วนที่เหลือไม่ปล่อยออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
  • ร่างกายขาดออกซิเจน เนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ
  • ทำให้เกิดอาการ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เจ็บแน่นหน้าอก หอบเหนื่อย หมดสติ ชัก โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.rama.mahidol.ac.th/ramachannel/infographic/ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์-ส่/

พิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

“คาร์บอนมอนอกไซด์” เป็นก๊าซที่พบได้ในควันจากไฟไหม้ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มีการใช้เครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ รวมถึงท่อไอเสียรถยนต์

ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และไม่ระคายเคือง จึงทำให้ผู้ที่ได้รับก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เข้าไปจะไม่รู้ว่าตนเองกำลังสัมผัสก๊าซอยู่

กลไกการเกิดพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์เกิดจากการที่ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มีความสามารถในการจับกับฮีโมโกลบินมากกว่าออกซิเจนประมาณ 200-250 เท่า ซึ่งเมื่อจับแล้วจะกลายเป็นสารประกอบคาร์บอกซีฮีโมโกลบิน ทำให้มีฮีโมโกลบินที่จับกับออกซิเจนในเลือดน้อยลง ส่งผลให้เม็ดเลือดแดงขนส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อส่วนปลายได้ลดลง เนื้อเยื่อในร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน

อาการพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ที่พบได้บ่อย คือ ปวดศีรษะ และเวียนศีรษะ

อาการอื่น ๆ ที่พบได้ เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย สับสน และอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่

การปฐมพยาบาลผู้ที่ได้รับอันตรายจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ให้นำผู้ป่วยออกจากจุดที่มีการสัมผัสก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และให้อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท ถอดเสื้อผ้าผู้ป่วยที่สัมผัสก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ดังกล่าว เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาด ร่วมกับการให้ออกซิเจน 100% โดยเร็ว และให้การรักษาแบบประคับประคองอย่างใกล้ชิด และบางรายอาจพิจารณาการให้ออกซิเจนความดันบรรยากาศสูงตามความเหมาะสม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://he02.tci-thaijo.org/index.php/TJHP/article/view/249897

สัมภาษณ์โดย ณัฐพล อินทร์สวัสดิ์

เรียบเรียงโดย คมส์ธนนท์ ศุขอัจจะสกุล

ดูเพิ่มเติมรายการ ชัวร์ก่อนแชร์ Motor Check : สตาร์ตรถนอน เสี่ยงเสียชีวิต จริงหรือ ?

ดูข่าวเพิ่มเติม

หากได้รับอะไรมา อย่าเพิ่งแชร์ต่อ ส่งมาตรวจสอบกับ “ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์”
LINE :: @SureAndShare หรือคลิก http://line.sure.guru
FB :: https://www.facebook.com/SureAndShare
YouTube :: https://www.youtube.com/@SureAndShare
Twitter :: https://www.twitter.com/SureAndShare
IG :: https://instagram.com/SureAndShare
Website :: http://www.ชัวร์ก่อนแชร์.com
TikTok :: https://www.tiktok.com/@sureandshare

สมัครรับฟรี ชัวร์ก่อนแชร์ Newsletter ส่งถึงกล่องอีเมลของคุณทุกสัปดาห์ :: https://i.sure.guru/sureandshareNewsletter

หมายเหตุ : โฆษณาที่ปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์นี้ แสดงผลโดยอัตโนมัติจากบริษัทผู้ให้บริการโฆษณา ไม่ใช่การสนับสนุนหรือส่งเสริมจากศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์แต่อย่างใด

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

‘ฮุน เซน’ ไลฟ์สดกล่าวถึงปัญหาไทย-กัมพูชา

พนมเปญ 27 มิ.ย. – วันนี้นายฮุนเซน ไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแต่เช้า พูดถึงเรื่องปัญหาความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา สรุปประเด็นได้ดังนี้ 7. ประเด็นอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร นายฮุน เซนกล่าวว่า เมื่อตอนที่เดินทางมาเยี่ยมนายทักษิณที่ประเทศไทย เห็นกับตาว่า เวลานายทักษิณจะถ่ายรูปด้วยกัน ต้องหยิบปลอกคอทางการแพทย์มาสวมก่อน พอถ่ายรูปเสร็จก็ถอดออก แล้วไปกินข้าวด้วยกันเป็นปกติ 8.นายฮุน เซนระบุว่า กัมพูชาจะไม่อนุญาตให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นกองทัพหรือผู้นำกองทัพ และนายฮุน เซน ถือว่าการกระทำของนางสาวแพทองธาร ต่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย ถือเป็นการหมิ่นเบื้องสูง.-810.-สำนักข่าวไทย

เช็กโผ ครม.ล่าสุด นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม

ทำเนียบฯ 27 มิ.ย. – คืบหน้า ครม.ใหม่ นายกฯ นั่งควบ รมว.วัฒนธรรม โยก “สุดาวรรณ” นั่ง รมว.อว. ขณะที่ หลานชาย สุริยะ “พงศ์กวิน” นั่ง รมว.แรงงาน ความคืบหน้าในการปรับคณะรัฐมนตรี ( ครม.) ชุดใหม่ ล่าสุดมีรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว โดยโผ ครม.ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โดย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะไปดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ […]

เร่งหาทอง 38 บาท หลังคนร้ายจบชีวิต หนีความผิด

ชลบุรี 27 มิ.ย. – คนร้ายบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี โดดคอนโด หนีความผิด หลังก่อเหตุ 2 ชม. ค้นบ้านเจอเอกสารทวงหนี้จำนวนมาก ตำรวจเร่งหาที่ซ่อนทอง ช่วงสายวานนี้ ประมาณ 09.30 น. เกิดเหตุคนร้าย เป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสวมหมวกใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า เข้ามาใช้ปืนจี้พนักงานก่อเหตุชิงทอง ห้างทองภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สาขาบ้านสวน อำเภอเมืองชลบุรี ได้ทองรูปพรรณไปทั้งหมดรวม 38 บาท ซึ่งขณะหลบหนี ดาบตำรวจสมปอง ฟองดา ผบ.หมู่ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 2 เห็นเหตุการณ์พอดี พยายามกระโดดขวางและเข้าชาร์จตัวผู้ก่อเหตุ จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุ ได้ยิงเพื่อเปิดทางหนึ่งนัด กระสุนโดนหมวกกันน็อกดาบตำรวจสมปอง จนเป็นรู และสามารถแย่งปืนมาได้ แต่ไม่สามารถจับตัวได้ คนร้ายวิ่งหนีออกจากห้างไปอย่างรวดเร็วตำรวจในพื้นที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อติดตามเส้นทางหลบหนี แต่ผ่านไปเพียง 2 ชั่วโมง ประมาณ 11.30 น. ตำรวจ สภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับแจ้งคนตกจากคอนโดมีเนียม จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัย […]

พบระเบิดอีกที่หาดสุรินทร์

ภูเก็ต 27 มิ.ย.-พบระเบิดอีก 1 ชุดที่หาดสุรินทร์ จ.ภูเก็ต ชุด EOD เข้าทำลายแล้ว เร่งค้นหาว่ามีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ หลังคนร้ายรับสารภาพวางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด ภายหลังจากตำรวจจับผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่จังหวัดภูเก็ตและกระบี่ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ยังได้วางระเบิดไว้ที่หาดสุรินทร์ 2 จุด คือที่บริเวณหาดสุรินทร์ ตำบลเชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ใกล้กับสถานที่กำลังก่อสร้าง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตำรวจภูธรภาค 8 ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชิงทะเล เจ้าหน้าที่ อบต.เชิงทะเล และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณหาดสุรินทร์ พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือสแกนหาวัตถุต้องสงสัย และเครื่องตรวจจับโลหะ และตรวจพบวัตถุต้องสงสัย 1 ชุด ถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้ ใกล้ห้องน้ำ บริเวณที่กำลังมีการปรับปรุงภูมิทัศน์หาดสุรินทร์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง และเจ้าหน้าที่ EOD ใช้ยุทธวิธีในการทำลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาว่าจะมีจุดวางระเบิดอีกหรือไม่ เพราะจากคำสารภาพของผู้ต้องหา ระบุว่า มีการนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้ […]

ข่าวแนะนำ

แนวร่วมเริ่มปราศรัย! จนท.เข้มปลอดภัย-จราจรหนึบ

กทม. 28 มิ.ย.- กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปักหลักชุมนุมอนุสาวรีย์ชัยฯ จับตาไฮไลท์ช่วงเย็นแกนนำขึ้นปราศรัย ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด กิจกรรมเวทีชุมนุมกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตยไทย​ เริ่มตั้งแต่ 10.00 น.​ เป็นพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้กับวีรบุรุษชาติทหาร​ ก่อนที่ในช่วงเที่ยงจะมีการปราศรัยจากแนวร่วมผู้ชุมนุม ขึ้นสลับสับเปลี่ยนกัน​ แต่ไฮไลท์ของกิจกรรมจะอยู่ช่วงเย็น​ หลังร้องเพลงชาติ 18.00 น.​ จะมีการอ่านแถลงการณ์ จากนั้นระดับแกนนำจะสลับกันขึ้นปราศรัย อาทิ นายสนธิ​ ลิ้มทองกุล​ นายปานเทพ​ พัวพงษ์พันธ์ นายสมชาย​ แสวงการ นายเจษ โทณวณิก​ นายนิธร​ ล้ำเหลือ และปิดท้ายด้วยนายจตุพร​ พรหมพันธุ์ โดยจะปิดเวทีเวลา 21.00 น. นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. นำคณะเดินทางจากสะพานชมัยมารุเชฐ แถวทำเนียบรัฐบาล มาสมทบที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมกล่าวถึงภาพรวมการชุมนุม โดยยอมรับว่าได้รับรายงานเรื่องการตั้งด่านสกัด เพื่อไม่ให้เดินทางเข้ามาร่วม พร้อมย้ำการชุมนุมครั้งนี้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการชุมนุมของบ้านเมือง รักประเทศ และย้ำว่าการชุมนุมไม่มีท่อน้ำเลี้ยงจากกลุ่มองค์กรใด แต่เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่มาจากเงินบริจาคของประชาชน ขณะเดียวกันไม่กังวลกลุ่มที่จะมาป่วน ด้าน […]

น้ำท่วมพญาเม็งรายเริ่มลด แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน

เชียงราย 28 มิ.ย.- เริ่มคลี่คลาย! สถานการณ์น้ำท่วมพญาเม็งราย จ.เชียงราย เช้านี้ระดับน้ำลดลงแล้วกว่า 80% แต่ชาวบ้านยังเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย เช้าวันนี้ เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงไปแล้วกว่า 80% เหลือเพียงคราบโคลนจำนวนมากที่ยังปกคลุมที่อยู่อาศัยและถนนหลายสาย เช้านี้มีฝนตกโปรยปรายต่อเนื่อง  ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ยังคงเดือดร้อน ไม่สามารถประกอบอาหารเองได้ เนื่องจากขาดแคลนสิ่งจำเป็น เช่น น้ำสะอาด อุปกรณ์ทำครัว และแหล่งพลังงาน จึงขอรับการสนับสนุนอาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงฟื้นฟูพื้นที่ โดยก่อนหน้านี้มณฑลทหารบกที่ 37 ลงพื้นที่แจกจ่ายถุงยังชีพและสิ่งของจำเป็นเบื้องต้นแล้ว ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากเกิดฝนตกหนักอีกครั้ง -สำนักข่าวไทย

นายกฯ บินเชียงรายตรวจน้ำท่วม ไม่กังวลม็อบขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ

บน.6 ดอนเมือง 28 มิ.ย.- นายกฯ นำคณะตรวจน้ำท่วมเชียงราย ไม่กังวลม็อบชุมนุมขับไล่ ชี้เป็นสิทธิ ยินดีคุยด้วยสันติวิธี เช้านี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ หลังฝนตกหนัก ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และให้กำลังใจกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับสัญชาติไทย ก่อนออกเดินทาง นายกรัฐมนตรีได้ตอบคำถามสื่อมวลชน กรณีกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่ วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เรียกร้องให้ตนเองลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ได้ขอให้หน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลให้สงบเรียบร้อย ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายงานอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ยังไม่มีอะไรนะคะ” ก่อนย้อนถามว่า “มีอะไรแล้วหรือคะ” เป็นปกติ ก็เป็นสิทธิอยู่แล้ว ซึ่งได้บอกให้ดูให้เรียบร้อย ไม่อยากให้มีความรุนแรง ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคิดว่าการชุมนุมนี้จะบานปลายหรือไม่ เพราะเป็นการรวมพลังกันของหลายกลุ่ม นายกฯ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะไม่มี ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ธงของการชุมนุมครั้งนี้คือต้องการให้นายกรัฐมนตรี ลาออก […]

เตือน “เหนือ-อีสาน” ฝนถล่ม ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กทม. 28 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือน “เหนือ-อีสาน” เตรียมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและภาคตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือบริเวณจังหวัดเชียงรายและน่าน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และตอนบนของภาคเหนือ เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย – สำนักข่าวไทย