“กมลชนก-ภูริต-โสภณ-ธัญชนก” คว้าแชมป์”โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง”

เชียงใหม่ – 27 ธ.ค.63 ลุ้นกันสนุกจนถึงสนามสุดท้ายกับการตัดสินแชมป์ประจำปีของการแข่งขันรถยนต์วันเมคเรซที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนเพื่อพิสูจน์ความเป็นผู้นำของวงการมอเตอร์สปอร์ตและความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาพัฒนานวัตกรรมเพื่อยานยนต์ ในรายการ “โตโยต้า กาซู เรซซิ่ง มอเตอร์สปอร์ต 2020” สนามที่ 5 โดยมี มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมด้วย นายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และตัวแทนผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้าจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมเปิดงาน ระหว่างวันที่ 26-27 ธันวาคม 2563 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเหล่านักแข่งร่วมลงสนามชิงชัยใน 4 รุ่นการแข่งขัน ท่ามกลางมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด


เริ่มที่ รุ่น Vios One Make Race Lady Cup ที่นักแข่งสาว รัชการณ์ วัชรเสถียร มีคะแนนสะสมสูงสุดจ่อเข้าใกล้แชมป์ประจำปี ตามมาด้วย ศิริภากรณ์ แยบยนต์ และ กมลชนก บุญคร่ำ จบการแข่งขันในเรซนี้ปรากฏว่าอันดับ 1 คือ กมลชนก บุญคร่ำ หมายเลข 199 จาก Sittipol Group, อันดับ 2 คือ รัชการณ์ วัชรเสถียร หมายเลข 125 จาก Nexzter HGR Racing Team, อันดับ 3 คือ สรัญญา กิจหว่าง หมายเลข 126 จาก Nexzter HGR Racing Team, อันดับ 4 คือ ณัฐนิช สมิตชาติ หมายเลข 158 จาก KS Team Thailand และอันดับ 5 คือ สุดารักษ์ พงศ์อายุกูล หมายเลข 155 จาก Nexzter HGR Racing Team โดยตำแหน่งแชมป์ประจำปีในรุ่นนี้ตกเป็นของ รัชการณ์ วัชรเสถียร

ลุ้นกันต่อที่รุ่น Vios One Make Race ที่มีนักแข่งหน้าใหม่เข้าร่วมมากที่สุด ซึ่งคะแนนเบียดจี้กันติดๆ นำโดย ภูริต ไทยทองสุข ตามมาด้วย ภวิศ วรรณพิรุณ และ อนันต์ธร ตั้งเนียรนาทชัย ที่พร้อมจะขยับขึ้นมาเสียบรับตำแหน่งแชมป์ประจำปีเช่นกัน นักแข่งทุกคนสู้กันสุดฤทธิ์ชนิดไม่มีใครยอมใคร จบการแข่งขันปรากฏว่าอันดับ 1 คือ ภูริต ไทยทองสุข หมายเลข 28 จาก Nexzter HGR Racing Team, อันดับ 2 คือ พิศาล สาสะกุล หมายเลข 22, อันดับ 3 คือ ณัฐวุฒิ สิทธิ์คำทับ หมายเลข 38, อันดับ 4 คือ อรุณพงศ์ ศรีฤทธิ์ หมายเลข 44 จากทีม Nexzter HGR Racing Team และอันดับ 5 คือ ณ ดล วัฒนธรรม หมายเลข 23 ส่งผลให้ ภูริต ไทยทองสุข คว้าแชมป์ประจำปีรุ่นนี้ไปครอง


ส่วนรุ่น Hilux Revo One Make Race กับบทพิสูจน์ของกระบะสายพันธุ์แกร่ง กับช่วงล่างที่หนึบและสมรรถนะที่แรงสุดขีด ยังคงเป็นการขับเคี่ยวกันของนักขับรุ่นใหญ่ที่มี เอกสิทธิ์ นามแสงผา และ เขมรัช ขอนพุดซา ที่คะแนนมีลุ้นแชมป์แบบไล่เรียงกัน ผลปรากฏว่าจบการแข่งขัน อันดับ 1 คือ โสภณ ภุมรินทร์ หมายเลข 36 จาก G7 Batter, อันดับ 2 เอกสิทธิ์ นามแสงผา หมายเลข 2 จาก Nexzter HGR Racing Team, อันดับ 3 เขมรัช ขอนพุดซา หมายเลข 95, อันดับ 4 สุวิทย์ คำจีน หมายเลข 88 จาก Nexzter HGR Racing Team และอันดับ 5 สุรศักดิ์ ดาเก็ง หมายเลข 22 จาก Nexzter Racing Team ส่งผลให้ เอกสิทธิ์ นามแสงผา คว้าแชมป์ประจำปีไปครอง

ปิดท้ายที่ รุ่น Corolla Altis GR Sport One Make Race ที่ยังขับเคี่ยวเข้มข้นในส่วนของผู้นำหัวตารางอย่าง ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ นักแข่งสาวที่มีคะแนนสะสมสูงสุดถึง 57 คะแนน ตามมาด้วย ธีรุตม์ บุญอิต และสุรศักดิ์ ดาเก็ง ที่ต้องสู้กันเต็มที่ โดยการแข่งขันเข้มข้นมากและในช่วง 5 รอบสุดท้าย ที่เหล่าผู้นำต่างขับเคี่ยวกันอย่างสูสี และมีการพลิกตำแหน่งสุดท้ายปรากฏว่า อันดับ 1 คือ “นัทจัง” ธัญชนก เจริญสุขะวัฒนะ หมายเลข 39 จาก Nexzter HGR Racing Team และยังรับตำแหน่งแชมป์ประจำปีไปครอง, อันดับ 2 คือ สัณหวัช วงศ์เจริญ หมายเลข 23, อันดับ 3 คือ เอกสิทธิ์ นามแสงผา หมายเลข 2 จาก Nexzter HGR Racing Team, อันดับ 4 คือ “กวาง เอบีนอร์มอล” ศิริศิลป์ โชติวิจิตร หมายเลข 77 จาก Toyota Racing Star Team และอันดับ 5 คือ ทิพวรรณ ภู่ระยับ หมายเลข 38

นอกจากนั้นแฟนๆ ความเร็วยังได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมทั้งร่วมสัมผัสตัวจริงของรถแข่ง Corolla Altis GR Sport ที่คว้าแชมป์ในรุ่น Super Production 3 จากรายการแข่งขันมาราธอน 24 ชั่วโมง “ADAC Total 24h-Race Nürburgring” ประเทศเยอรมนี จากทีมแข่งมืออาชีพตัวจริง Toyota Gazoo Racing Team Thailand และมีทแอนด์กรี๊ดกับนักแข่งดาราคนดัง กวาง AB Normal และ มารี เบรินเนอร์ จาก Toyota Racing Star Team


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เอกอัครราชทูตชี้แจงข้อเท็จจริงยูเอ็น ปมกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

31 ก.ค. – เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ขึ้นเวทียูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศว่าด้วยการระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีและการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ระหว่างการกล่าวถ้อยแถลง เนื่องจากกัมพูชากล่าวพาดพิงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเวทีดังกล่าว ไทยเข้าร่วมการประชุมโดยมีเป้าหมายร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศในการผลักดันการแก้ปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธีผ่านแนวทางสองรัฐ.-สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เผยประเทศไทยฝนลดลง-กทม.ฟ้าคะนอง 40%

กรุงเทพฯ 31 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยบริเวณทะเลอันดามัน มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง […]

ทบ.จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบกสดุดีทหารกล้า จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ 4 ทหารหาญ พร้อมปูนบำเหน็จ ขอพระราชทานยศทหารเลื่อนขั้นอย่างสมเกียรติ วันที่ 30 ก.ค. 68 กองทัพบกร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมและส่วนราชราชการพื้นที่ จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าที่สละชีพเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จากเหตุการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยใน พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบให้คณะผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ร่วมเป็นเกียรติในพิธีพระราชทานเพลิงศพของทหารหาญ จำนวน 4 นาย ดังนี้ 1.ส.อ.จิรายุ สิงห์อ้น ตำแหน่งพลลาดตระเวน กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 6 (ร้อย ลว.ไกล 6) กองพลทหารราบที่ 6 ซึ่งเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ (25 ก.ค.68) ณ วัดตลาดราชมงคล อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด โดยมี พล.อ. ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีพระราชเพลิงศพ โดยกองทัพบกได้ดำเนินการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศทหารเป็นร้อยโท […]

ทบ.ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน

กทม. 30 ก.ค.-กองทัพบก ยันไทยมีแผนพานานาชาติดูจุดเขมรถล่มเหมือนกัน ประชาคมโลกต้องเห็นความเสียหาย ทั้งบ้านเรือน-โรงเรียน-โรงพยาบาล เร็วๆ นี้ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ เข้าดูพื้นที่บริเวณจุดปะทะ บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานีว่า จุดที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงไปดูพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร บริเวณจุดที่เคยมีการปะทะกันนั้น เป็นบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี จึงเห็นมีภาพปรากฏถึงความเสียหายที่เกิดจากการใช้อาวุธจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งคงเป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ทางยุทธการ และบริเวณนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางทหาร สำหรับฝ่ายไทยมีแผนจะจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยฝ่ายไทยจะไม่เน้นการสร้างภาพลวงแบบฉาบฉวย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สิ่งที่จำเป็นจะต้องสื่อถึงประชาคมโลกคือ ความเสียหายต่อบ้านเรือน โรงเรียน โรงพยาบาล ที่ฝ่ายทหารกัมพูชาจงใจพุ่งเป้าโจมตีไปยังเป้าหมายเหล่านั้น จนมีพลเรือน ประชาชน เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวอยู่ลึกไกลเข้ามาภายในประเทศไทย และห่างจากพื้นที่สู้รบเข้ามาในไทยไกลมากถึง 10-30 กิโลเมตร พล.ต.วินธัย กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย รวมถึงขัดต่อหลักปฏิบัติทางทหารตามกฎหมายสากล และหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการเจตนาละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศหลายฉบับ ที่ห้ามการโจมตีพื้นที่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบ กองทัพบกไทยขอยืนยันอีกครั้งว่า เราปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารเป็นหลักเท่านั้น และยึดมั่นในกติกาสากล โดยขอย้ำว่า ฝ่ายไทยไม่ได้รุกรานใคร แต่เรามีสิทธิชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของเรา.-313.-สำนักข่าวไทย