กรุงเทพฯ 19 ม.ค. – “ช้างศึก” ทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์อาเซียน 7 สมัย เตรียมลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
หลังจาก “ช้างศึก” ทีมชาติไทย คว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน สมัยที่ 7 ซึ่งเป็นการป้องกันแชมป์ได้อีก 1 สมัย โปรแกรมรายการต่อไปได้รับเชิญจากสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียตะวันตก (WAFF) ให้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วง “ฟีฟ่าเดย์” 20 มีนาคม – 2 เมษายน 2566 โดยรายการนี้มี 12 ชาติ เข้าร่วมชิงชัย ประกอบด้วย “เจ้าภาพ” ยูเออี, จอร์แดน, เลบานอน, ปาเลสไตน์, อิรัก, ซีเรีย, ซาอุดีอาระเบีย, เยเมน, บาห์เรน, คูเวต, โอมาน และไทย
นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดเผยว่า ทีมชาติไทยถูกเชิญไปแข่งขัน และเป็นชาติเดียวที่อยู่นอกภูมิภาคเอเชียตะวันตก ที่ร่วมในทัวนาเมนต์นี้ ซึ่งสมาคมฯ มองว่า เป็นโอกาสดีที่นักเตะไทยจะได้เล่นกับทีมที่มีอันดับโลกเหนือกว่า
รายการนี้ ทีมชาติไทยจะได้ลงเตะอย่างน้อย 3 นัด ในรอบแรก กับทีมที่จะช่วยให้อันดับโลกของเราขยับสูงขึ้นกว่าเดิม และจะมีผลต่อการเป็นทีมวางในการจับสลากแบ่งสาย ฟุตบอลเอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย และฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี
สำหรับการเดินทางไปแข่งขันในช่วงฟีฟ่าเดย์ ระหว่างวันที่ 20 มีนาคม – 2 เมษายนนี้ อาจจะมีผลกระทบต่อโปรแกรมฟุตบอลไทยลีก ที่อาจต้องขยับไปเตะเพิ่มในนัดกลางสัปดาห์ ทำให้ต้องมีการหารือกับสโมสรและไทยลีก เพื่อหาทางออกร่วมกัน
ด้าน วีระเทพ ป้อมพันธุ์ นักเตะทีมชาติไทย ชุดแชมป์อาเซียนสมัยที่ 7 กล่าวถึงการแข่งขันรายการต่อไปของทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 ว่า รายการนี้จะทำให้นักเตะทีมชาติไทยได้ประสบการณ์จากทีมที่ระดับเหนือกว่า และสามารถนำมาพัฒนา ยกระดับทีมให้ดียิ่งขึ้น
การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียตะวันตก 2023 ยังถูกจัดให้เป็นระดับฟีฟ่า Tier1 (เพื่อนับเป็น ‘A’ Match) และต้องลงทะเบียนนักเตะ 30 วัน ก่อนการแข่งขัน โดยคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้ง ยังมีผลต่อการจัดอันดับแรงกิ้ง เพื่อจัดโถ ฟุตบอลเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย ในช่วงเดือนเมษายน รวมถึงฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย อีกด้วย. – สำนักข่าวไทย