เตรียมตัดสายสื่อสารที่ไม่ใช้ใน กทม. ตั้งเป้า 800 กม.

กทม. 4 ก.ค.-กทม. จับมือ ก.ดิจิทัลฯ และ กสทช. เตรียมตัดสายสื่อสารที่ไม่ใช้ ตั้งเป้า 800 กม. ใน 16 เขต เล็งเห็นผลปีนี้

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือเรื่อง กรุงเทพมหานครเมืองอัจฉริยะ (Bangkok Smart City) และการบริหารจัดการท่อร้อยสายสื่อสารลงใต้ดิน ร่วมกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยมีนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และ บ.บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ร่วมหารือ ณ ห้องประชุมผู้บริหาร ชั้น 30 อาคาร NT Tower เขตบางรัก ว่า ปัญหาเกี่ยวกับสายสื่อสารที่รกรุงรัง เป็นปัญหาที่ได้ยินมานานมากแล้ว รวมถึงเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งล่าสุดที่เขตสัมพันธวงศ์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 2 ราย รวมถึงข่าวไฟไหม้อย่างต่อเนื่อง ในเรื่องนี้มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง อาทิ กสทช. กทม. การไฟฟ้านครหลวง ผู้ให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคม และผู้ให้บริการเรื่องท่อร้อยสาย ซึ่งวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เป็นเจ้าภาพคนกลางที่จะรับประสานงานทุกหน่วยงานให้ ขณะนี้ได้ความชัดเจนมากขึ้น โดยมี 2 เรื่องที่ต้องดำเนินการ เรื่องแรกคือ การจัดระเบียบสายสื่อสารที่รกรุงรังก่อน แต่ยังไม่ถึงกับต้องเอาสายลงดินทันที อย่างน้อยเอาสายตาย หรือสายที่ไม่ใช้งาน รื้อออกให้หมดก่อน ซึ่ง กสทช. ก็ได้มีแผนอยู่แล้วและยังมีเงินสนับสนุนให้ด้วย เนื่องจากต้องใช้แรงงานในการคัดเลือกสายที่ไม่ได้ใช้งานออก ซึ่งปีแรกจะดำเนินการ 800 กิโลเมตร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน 16 เขต ที่มีประชากรหนาแน่นและมีสายสื่อสารหนาแน่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทาย ขณะนี้เดือนกรกฎาคมดำเนินการแล้ว 20 กม. เราต้องเร่งผลักดันทำให้ได้ 800 กม.ตามสัญญา โดยได้ให้นโยบายสำนักงานเขตในการดูพื้นที่ที่เป็นต้นแบบในการดำเนินการซึ่งจะนัดหมายกับ กสทช.ทำการ Mapping จุดต่างๆ ต่อไป


นอกจากนี้ รมว.ดิจิทัลฯ จะมีการแต่งตั้งคณะทำงานที่มาจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กสทช. กทม. การไฟฟ้านครหลวง Operator ผู้พาดสายสื่อสาร และ operator ผู้ทำเรื่องท่อร้อยสาย เพื่อทำการเร่งรัดกำหนดเป้าหมาย (KPI) ว่าแต่ละเดือนต้องรื้อสายสื่อสารจำนวนเท่าไหร่ เพื่อเป็นตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม เนื่องจากการดำเนินการมีต้นทุนเท่าเดิมแต่เวลาเดินไปเรื่อยๆ ซึ่งเวลามีค่าจึงต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

เรื่องที่ 2 คือเรื่องการนำสายสื่อสารลงดิน ก่อนหน้านี้ กทม.ดำเนินการโดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) แต่ขณะนี้มีผู้ประกอบการอื่น ๆ ซึ่งมีท่อร้อยสายอยู่แล้ว เช่น บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT) ซึ่งมีท่อเก่าอยู่ เพราะฉะนั้นปัจจัยสำคัญที่สุดคือประโยชน์ของผู้บริโภค ถ้าเกิดเราคิดค่าเช่าท่อแพงสุดท้ายก็จะเป็นภาระของผู้บริโภคและผู้ใช้สายสื่อสาร ซึ่งอาจจะต้องแต่งตั้งคณะทำงานอีกชุดหนึ่งโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องของการนำสารสื่อสารลงดิน เช่น KT กทม. กสทช. NT ซึ่งกทม.จะสนับสนุนเต็มที่และคงต้องคุยกับผู้ประกอบการว่าใช้วิธีไหนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นขั้นตอนต่อไป เนื่องจากการนำสายสื่อสารลงดินต้องใช้ต้นทุนทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งผู้ทำท่อร้อยสายและผู้เป็นเจ้าของสายสื่อสาร เนื่องจากสายบนดินจะนำลงสู่ใต้ดินก็ต้องใช้การลงทุนเพิ่มซึ่งต้องทำให้เหมาะสม อย่างน้อยขั้นตอนแรกที่เราจัดระเบียบก็จะทำให้ความรกรุงรังของสายสื่อสารลดลง โดยคาดว่าจะมีผลเป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป


จากนั้น เวลา 15.30 น. ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเดินทางมาร่วมประชุมหารือการนำสายสื่อสารลงดิน ร่วมกับ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และผู้บริหาร กสทช. ณ ห้องประชุมชั้น 12 สำนักงาน กสทช. ซอยพหลโยธิน 8 เขตห้วยขวาง โดยเปิดเผยว่า กสทช.และ กทม.ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันนี้ได้มารับการยืนยันจากกสทช.ถึงแผนการดำเนินการในปีนี้ คือ 800 กม.ในพื้นที่ 16 เขต ของกรุงเทพฯ ซึ่ง กสทช. ได้เตรียมงบประมาณไว้แล้ว ประมาณ 700 ล้านบาท โดยในปีนี้จะดำเนินการ 16 เขตแรกก่อนที่มีประชากรหนาแน่นและสายสื่อสารหนาแน่น ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่รัฐบาลได้ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว กทม.มีหน้าที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนงานของกสทช. โดยให้กสทช.เป็นหลักในการดำเนินการและประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นความร่วมมือกันเพื่อพี่น้องประชาชนเพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย 800 กม. เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ โดยจะเห็นผลเป็นรูปประธรรมภายในปีนี้ สำหรับงบประมาณดำเนินการ ระยะทาง 800 กม. ที่ใช้งบประมาณ 700 ล้านบาทนั้น จะมาจากงบประมาณของ กสทช. ปี 2564 -2565 ที่มาจากกองทุนกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือกองทุน USO ของสำนักงาน กสทช. โดยบอร์ด กสทช. ได้อนุมัติให้ดำเนินการมาแล้วก่อนหน้านี้ และตามแผนงานจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ แต่ติดขัดในช่วงที่ผ่านมา อาจยังไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงาน ซึ่งขณะนี้คืบหน้าเพียง 25 -30% เท่านั้น โดยภายในสัปดาห์นี้ กสทช. จะเชิญผู้ประกอบการสายสื่อสาร และ กฟน. มาร่วมหารือ เพื่อเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จได้ทันตามที่กำหนดภายในปี 2565

“ต่อไปนี้ กทม.จะใช้​ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มาตรา 39 เพื่อแก้ปัญหาสายสื่อสารรกรุงรัง และกทม.จะออกประกาศฯ เพื่อบังคับใช้ในอนาคต หากใครไม่มีใบอนุญาตติดตั้งสายสื่อสารจาก กสทช.จะไม่สามารถพาดสายได้ หากใครฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนสายสื่อสารที่ไม่มีสัญญาณวิ่งหรือว่าสายตายเราจะต้องตัดทิ้งลงให้หมด เพื่อลดปัญหาของสายสื่อสารผิดกฎหมายและความรกรุงรังของสายสื่อสาร นอกจากนี้ยังได้หารือกับกสทช.เรื่องอินเตอร์เน็ตฟรีให้ประชาชน ตามที่สาธารณะต่าง ๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริการสาธารณสุข สวนสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สะดวกขึ้นในอนาคต” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย-ลมแรง

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง และอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือ ภาคอีสาน โดยมีฝนบางแห่งในด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลาง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อยกับมีลมแรง

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

มนุษย์ ภัยคุกคามพะยูน ?

ช่วงนี้พบพะยูนในทะเลฝั่งอันดามันตายเพิ่มขึ้นแบบถี่ยิบ จนน่าเป็นห่วงว่าพะยูนอาจสูญพันธุ์ไปในอนาคต โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อมีการพบพะยูนตายในทะเลภูเก็ต อยู่ในสภาพถูกตัดหัว คาดนักล่าหวังเอาเขี้ยว

typhoon Man-Yi barrels through the Philippines

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” เข้าฟิลิปปินส์

มะนิลา 17 พ.ย.- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ พัดเข้าเกาะลูซอนที่เป็นเกาะหลักและมีประชากรอยู่หนาแน่นที่สุดของฟิลิปปินส์แล้วในวันนี้ เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักในกรุงมะนิลาที่เป็นเมืองหลวง หม่านหยี่ เป็นภาษาจีนกวางตุ้ง เป็นชื่อของอ่างเก็บน้ำในฮ่องกง นับเป็นพายุลูกที่ 6 ที่พัดเข้าฟิลิปปินส์ในรอบ 1 เดือน มีความเร็วลม 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อ่อนกำลังลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นฝั่งเมืองปางานีบัน จังหวัดคาตันดัวเนส ที่เป็นเกาะขนาดเล็ก เมื่อคืนวันเสาร์ ข้ามมาจนถึงจังหวัดคามารีเนส นอร์เต บนเกาะลูซอน ในเช้าวันนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้มีแนวโน้มจะทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วเขตมหานครมะนิลา ซึ่งมีการอพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงแล้วกว่า 1 ล้านคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แม้ว่ากระแสลมแรงได้สร้างความเสียหายให้แก่สิ่งปลูกสร้างในจังหวัดคาตันดัวเนสก็ตาม.-820(814).-สำนักข่าวไทย