ก.แรงงาน 22 ธ.ค.-รองปลัดฯ แรงงาน เผยวงเงินชดเชยกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยให้กับแรงงานในระบบประกันสังคม ราว 5,200 ล้านบาท หากอยู่ในพื้นที่ที่ภาครัฐประกาศเป็นพื้นที่แพร่ระบาด เช่น จ.สมุทรสาคร และ 6 จังหวัดใกล้เคียง โดยจะได้รับเงินทดแทนร้อยละ 50 ของรายได้ แต่ไม่เกิน 90 วัน
น.ส.อำพันธ์ ธุววิทย์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติวันนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงาน เสนอเงินชดเชยผู้ประกันตนกรณีเหตุสุดวิสัย จากกรณีว่างงาน โดยกรอบของเหตุสุดวิสัยจะกว้างกว่ากฎกระทรวงครั้งก่อน คือเกิดจากภัยที่เกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตราย ซึ่งโรคติดต่อนี้จะส่งผลกระทบต่อสาธารณะและทำให้ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ และใช้ในกรณีกิจการที่หน่วยงานของรัฐสั่งปิด โดยลูกจ้างจะได้รับเงินชดเชยอัตรา 50% ของค่าจ้างรายวัน เป็นระยะเวลา 90 วัน จนกว่ารัฐจะสั่งเปิดกิจการนั้น
ซึ่งกฎกระทรวงล่าสุดนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่19 ธันวาคมที่ผ่านมา คาดว่ากิจการที่ถูกสั่งปิดครอบคลุม 7 จังหวัด คือสมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐม กรุงเทพ นนทบุรี ราชบุรี และ สมุทรปราการ จะมีผู้ประกันตนได้รับเงินชดเชย คิดเป็นวงเงินราว 5,200 ล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเมื่อโควิด-19 รอบแรกส่งผลกระทบเมื่อเดือนมีนาคม กระทรวงแรงงานได้เคยออกกฎกระทรวงไปแล้ว กรณีเหตุสุดวิสัยและกฎกระทรวงฉบับนั้นได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา
รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานมีความเป็นห่วงประชาชนในภาพรวมที่อาจวิตกกังวลถึงผลกระทบของการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งล่าสุดคาดว่าพรุ่งนี้บอร์ดแพทย์ของสำนักงานประกันสังคม ที่กำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่จะอนุมัติวงเงินเพิ่มเติม 1,000 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองเชิงรุกโดยประสานกับโรงพยาบาลในเครือประกันสังคมใน จ.สมุทรสาคร 8 แห่ง จัดทีมแพทย์พร้อมรถโมบาย ออกตรวจ แรงงาน ในระบบประกันสังคมให้ครอบคลุม ราว2.5แสนคนให้รู้ผลทันทีภายใน 2-3 ชั่วโมง หากตรวจพบจะได้ทำการรักษาและจำกัดวงการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว .-สำนักข่าวไทย