4 ธ.ค.-กรมราชทัณฑ์ เร่งคัดกรองผู้ต้องโทษเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาฯ เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับจาก 5 ธ.ค. เผย 2 กลุ่มเข้าเกณฑ์ โดยเฉพาะนักโทษพิการและป่วยร้ายแรง ส่วนนักโทษคดีสำคัญ “สรยุทธ์-ณัฐวุฒิ-บุญทรง” เข้ากลุ่มได้ลดโทษ
นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2563 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ที่มีความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ และปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี และได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่าครั้งนี้จะมีผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว คือ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ และผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงผู้พิการ ผู้ที่เป็นโรคร้ายแรง และชราภาพ เป็นต้น และกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ได้แก่ ผู้ต้องราชทัณฑ์นอกเหนือจากกลุ่มแรก โดยจะได้การลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและฐานความผิด
ส่วนผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 ฉบับนี้ ประกอบไปด้วย ผู้กระทำความผิดซ้ำและไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม นักโทษเด็ดขาดชั้นต้องปรับปรุงหรือชั้นปรับปรุงมาก นักโทษเด็ดขาดในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ เช่น ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา นักโทษเด็ดขาดคดีความผิดฉ้อโกงประชาชน ผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดรายใหญ่ที่พึ่งรับโทษจำคุกภายหลังพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 บังคับใช้ และผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ถูกศาลลงโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว
ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 5 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป โดยระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวด้วยว่า ระหว่างที่ผู้ต้องราชทัณฑ์ถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำ/ทัณฑสถาน นั้น กรมราชทัณฑ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนองค์กรต่างๆ ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องราชทัณฑ์ ทั้งการให้การศึกษา อบรมพัฒนาจิตใจ การฝึกทักษะอาชีพ การแนะแนวการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะโครงการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย โครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวัง กรมราชทัณฑ์” ที่มีการอบรมในหลักสูตรฝึกปฏิบัติการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็กให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อให้มีความรู้ติดตัว สามารถนำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ อีกทั้ง ยังได้ร่วมกับเครือข่ายภาคสังคม ติดตาม ดูแล และช่วยเหลือผู้พ้นโทษ โดยหวังว่าสังคม ตลอดจนผู้ประกอบการ หรือห้างร้านบริษัทต่างๆ จะให้โอกาสผู้พ้นโทษเข้าทำงาน ร่วมให้กำลังใจและเปิดใจยอมรับผู้ก้าวพลาด ให้ได้กลับตัว เป็นคนดีของสังคมอีกครั้งหนึ่ง ไม่ให้หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก
ด้านนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี เปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีนักโทษที่คดีเด็ดขาดแล้ว จำนวน 2 แสนกว่าคน อยู่ในข่ายได้รับการพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฏีกาฯนี้ ซึ่งจะแบ่งเป็น กลุ่มที่จะได้รับการปล่อยตัว และกลุ่มที่ได้รับการลดโทษ แต่ยังไม่ปล่อยตัว ซึ่งต้องดำเนินการคัดแยกก่อน รวมถึงต้องแยกกลุ่มนักโทษที่ไม่เข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งนี้ ต่อข้อถามถึงนักโทษคดีสำคัญๆว่ามีใคร เข้าข่ายได้รับการอภัยโทษครั้งนี้ หรือไม่ นายไพฑูรย์ กล่าวว่า ต้องมีการคัดกรองก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ แม้ไม่ได้รับการปล่อยตัวก็เข้าข่ายได้รับการลดหย่อนโทษ อาทิ นายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ก็อยู่ในกลุ่มที่จะได้รับการลดโทษตามพระราชกฤษฏีกานี้.-สำนักข่าวไทย