ราชทัณฑ์ยัน “เสก โลโซ” ไม่ได้ออกเล่นดนตรี นอกเรือนจำฯ วันนี้

กรมราชทัณฑ์ 4 มิ.ย. – จากกรณีที่ “เก๋ วิรังรอง แสงสายทิม” น้องสาวของ “กานต์ วิภากร” ภรรยาเสก โลโซ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแจ้งข่าวว่าในวันที่ 4 มิ.ย.68 นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ “เสก โลโซ” เตรียมออกมาร้องเพลงข้างนอกเรือนจำฯ นั้น


พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่ายังไม่มีการส่งเรื่องจากเรือนจำพิเศษมีนบุรีมายังกรมราชทัณฑ์เพื่อให้พิจารณา ยืนยันไม่มีการออกมาเล่นดนตรีข้างนอกเรือนจำแต่อย่างใด โดยเสก โลโซ ยังถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำตามปกติ เป็นนักโทษชั้นกลาง และคณะกรรมการเลื่อนชั้น กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้ประเมินและพิจารณาเลื่อนชั้นนักโทษเด็ดขาดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในระเบียบกรมราชทัณฑ์ ทุก ๆ 6 เดือน

ด้านนางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผบ.เรือนจำจังหวัดนนทบุรี รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เสก ต้องโทษเกิน 3 ปี การพิจารณาเลื่อนชั้นจะประเมิน ปีละ 2 ครั้ง ตอนนี้เป็นนักโทษชั้นกลาง โดยจะมีการพิจารณาในเดือน ธ.ค.68 ส่วนการออกมาเล่นดนตรีข้างนอกเรือนจำฯ ถือเป็นโครงการทักษะพิเศษ ต้องจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 หรือ ทำประโยช์แก่สาธารณะนอกเรือนจำ ก็สามารถนำมาพิจารณาได้ตามอำนาจ ผบ.เรือนจำฯ ส่งเรื่องมากรมราชทัณฑ์ พิจารณา แต่ถ้าโทษเกิน 10 ปี เป็นอำนาจอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ประเมิน


ทั้งนี้ ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำ ประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ พ.ศ.2563 เพื่อให้การพิจารณาคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย อันจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้มีโอกาสปรับตัวใช้ชีวิตร่วมกับสังคมภายนอกได้ และบังเกิดผลดีแก่ทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2545 ประกอบมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 อธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดจ่ายออก ทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ พ.ศ. 2563”

ข้อ 2 ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป


ข้อ 3 ให้ยกเลิกระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ พ.ศ.2561

ข้อ 4 บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง หรือหนังสือสั่งการอื่นใดของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน

ข้อ 5 ในระเบียบนี้ “เรือนจำ” หมายความรวมถึง ทัณฑสถาน หรือสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังอื่นใดในสังกัดกรมราชทัณฑ์ “ผู้บัญชาการเรือนจำ” หมายความรวมถึง ผู้อำนวยการทัณฑสถาน หรือหัวหน้าผู้ดูแลสถานที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังอื่นใดในสังกัดกรมราชทัณฑ์ “อธิบดี” หมายความว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์

ข้อ 6 นักโทษเด็ดขาดที่จะออกทำงานนอกเรือนจำ ซึ่งลักษณะงานจำต้องใช้ความสามารถหรือทักษะพิเศษของนักโทษเด็ดขาดผู้นั้น การพิจารณาคัดเลือกจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำตามอำมอำนาจของผู้บัญชาการเรือนจำต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้ (1) อายุ 18 ปีขึ้นไป (2) เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป มีความประพฤติดี มีความอุตสาหะในการทำงานจนเกิดผลดี (3) ไม่อยู่ระหว่างถูกลงโทษทางวินัย หรือถูกลงโทษทางวินัยในรอบ 6 เดือน ก่อนออกทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ (4) ไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอาญาซึ่งได้กระทำผิดระหว่างถูกคุมชังในเรือนจำ (5) ไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อจ่ายออกไปแล้วอาจจะหลบหนีหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ (6) ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษตามหมายแจ้งโทษครั้งหลังสุด และเหลือโทษจำคุกต่อไปไม่เกิน 10 ปี

ข้อ 7 กรณีต่อไปนี้ให้เรือนจำเสนอมากรมราชทันฑ์เพื่อ อธิบดีพิจารณาอนุมัติก่อนที่จะจ่ายออกไปทำงานนอกเรือนจำ (1) นักโทษเด็ดขาดที่เป็นหญิง (2) นักโทษเด็ดขาดที่มีคุณสมบัตินอกจากที่กำหนดไว้ตามข้อ 6 (3) นักโทษเด็ดขาดที่กระทำความผิดในคดีเดียวกัน (คู่คดี) (4) นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษในลักษณะความผิดดังต่อไปนี้ ก.ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชยาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 107 – มาตรา 135 ข.ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135/1 – มาตรา 135/4 ค.ความผิดเกี่ยวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสาม มาตรา 277 ทวิ มาตรา 277 ตรี มาตรา 280 มาตรา 282 และมาตรา 283 ง.ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 มาตรา 292 และมาตรา 298 จ.ความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ฉ.ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ช.ความผิดอื่นตามที่อธิบดีกำหนด (5) อยู่ระหว่างถูกอายัดตัวเพื่อดำเนินคดีอื่น (6) มีโทษกักขังต่อจากโทษจำคุก (7) กรณีอื่นๆ ตามที่กรมราชทัณฑ์กำหนด

ข้อ 8 นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับตัดเลือกให้ออกทำงานนอกเรือนจำ หากปรากฎพฤติการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ให้เจ้าพนักงานเรือนจำผู้ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานสั่งงดการทำงานและส่งตัวนักโทษเด็ดขาดผู้นั้นกลับเข้าเรือนจำทันที (1) สมคบกับผู้อื่นก่อความไม่สงบเรียบร้อย (2) ทำร้ายหรือพยายามทำร้ายเจ้าพนักงานเรือนจำ ผู้ช่วยเหลือ หรือบุคคลอื่น (3) ใช้โอกาสจากการทำงามพยายามหลบหนีหรือมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี (4) ขัดคำสั่งซึ่งหน้าของเจ้าพนักงานเรือนจำผู้ทำหน้าที่ควบคุม (5) จงใจก่อความเสียหายต่อกิจการหรือทรัพย์สินของเรือนจำ (6) มีพฤติการณ์แสดงให้เห็นถึงความเกียจคร้าน ไม่ตั้งใจทำงาน หรือจงใจหลีกเลี่ยงงาน (7) มีเหตุอันควรสงสัยว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำ

ข้อ 9 การดำเนินการตามข้อ 6 และ ข้อ 7 ให้เรือนจำตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คนทำหน้าที่พิจารณาคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดออกทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ เสนอผู้บัญชาการเรือนจำเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือสั่งการต่อไป

การคัดเลือกให้พิจารณานักโทษเด็ดขาดที่เหลือโทษจำคุกน้อยที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดเป็นอันดับแรก เว้นแต่กรณีมีเหตุพิเศษอื่น และต้องคำนึงถึงสุขภาพ อายุ สติปัญญา ฝีมือ และอุปนิสัยของนักโทษเด็ดขาดด้วย

ข้อ 10 นักโทษเด็ดขาดที่จ่ายออกไปทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษจะต้องนำกลับเข้าเรือนจำไม่เกินเวลา 19.00 นาฬิกาในวันเดียวกัน

กรณีมีเหตุจำเป็นอันเนื่องมาจากสภาพของงานที่ให้นักโทษเด็ดขาดออกไปทำงานอกเรือนจำไม่สามารถนำนักโทษเด็ดขาดกลับเข้าเรือนจำภายในกำหนดเวลาตามวรรรคหนึ่งให้เสนออธิบดีพิจารณาอนุมัติเป็นกรณีไป

ข้อ 11 เมื่อมีการจ่ายนักโทษเด็ดขาดออกไปทำงานภายนอกเรือนจำประเภททความสามารถหรือทักษะพิเศษ ให้ผู้บัญชาการเรือนจำจัดให้มีเจ้าพนักงานเรือนจำผู้ทำหน้าที่ควบคุม 1 คน ต่อนักโทษเด็ดขาด 5 คน และจะเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนนั้นได้ต่อเมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้อนุมัติ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นและน่าจะไม่มีการหลบหนีหรือก่อการร้ายขึ้น

ข้อ 12 นักโทษเด็ดขาดคนใดที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกจ่ายออกทำงานนอกเรือนจำประเภทความสามารถหรือทักษะพิเศษ ถ้าปรากฏขึ้นภายหลังว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้ในข้อ 6 ข้อ 7 หรือปรากฏพฤติการณ์ตามข้อ 8 ให้งดจ่ายทันที และให้คณะกรรมการตามข้อ 9 รายงานผู้มีอำนาจในการจ่ายนักโทษเด็ดขาดออกทำงานนอกเรือนจำเพื่อพิจารณาสั่งงดจ่ายนักโทขาดดังกล่าวด้วย.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]