ก.แรงงาน 18 ม.ค.-บอร์ดค่าจ้างเคาะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 5-22 บาท ‘จ.ภูเก็ต-ชลบุรี-ระยอง’ สูงสุด 330 บาท ส่วน 3 จังหวัดชายแดนใต้ต่ำสุดอยู่ที่ 308 บาท มีผล 1 เม.ย.นี้
นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมพิจารณาปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ว่า ที่ประชุมมีมติปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด ปรับตั้งแต่ 5-22 บาท แบ่งเป็นทั้งหมด 7 ระดับ ตามสภาพความเจริญทางเศรษฐกิจ โดยจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้นสูงสุดคือ ภูเก็ต ชลบุรีและระยองจำนวน 330 บาทรองลงมา 325 บาท คือกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนจังหวัดที่ปรับเป็น 320 บาท มีทั้งหมด 14 จังหวัด ได้แก่อุบลราชธานี สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา หนองคาย ลพบุรี ตราด ขอนแก่น สงขลา สุราษฎร์ธานี กระบี่ เชียงใหม่ นครราชสีมา และพังงา
สำหรับจังหวัดที่ปรับเป็น 318บาทมี7จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี สมุทรสงคราม สกลนคร มุกดาหาร นครนายก กาฬสินธุ์ และปราจีนบุรี
จังหวัดที่ปรับขึ้นเป็น 315 บาทมี 21 จังหวัดได้แก่ ร้อยเอ็ด ประจวบคีรีขันธ์ นครสวรรค์ สระแก้ว พัทลุง อุตรดิตถ์ นครพนม บุรีรัมย์ สุรินทร์ เพชรบุรี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยนาท เลย อุดรธานี ยโสธร พะเยา บึงกาฬ น่าน กาญจนบุรี และอ่างทอง
จังหวัดที่ปรับขึ้นค่าแรงเป็น 310 บาท 22 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี นครศรีธรรมราช แม่ฮ่องสอน ตรัง ลำปาง ลำพูน เชียงราย สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี ศรีสะเกษ ตาก ชัยภูมิ อำนาจเจริญ แพร่ ราชบุรี ระนอง มหาสารคาม ชุมพร หนองบัวลำภู และสตูล
และจังหวัดที่ปรับขึ้นน้อยที่สุดจำนวน 308 บาท มี 3 จังหวัดคือปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ทั้งหมดนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561
ทั้งนี้ ภาพรวมในการปรับอยู่ที่ 5-22 บาทและเฉลี่ยอยู่ที่ 315.97 บาท
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวด้วยว่า เพื่อเป็นหลักประกันให้กับแรงงาน กระทรวงจะมีการปรับแก้กฎหมายบังคับให้ผู้ประกอบการที่มีลูกจ้าง
ตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป จัดทำโครงสร้างการปรับขึ้นเงินเดือนทุกปี โดยจะนำร่องใน 3 จังหวัด คือที่ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา
ด้านตัวแทนลูกจ้างกล่าวเพียงสั้นๆ ขณะเดินออกจากห้องประชุมว่า “ลูกจ้างแฮปปี้ครับ ลูกจ้างแฮปปี้”
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในส่วนของผู้ประกอบการมีการโต้แย้งกับตัวเลขนี้หรือไม่ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มติทั้งหมดนี้เป็นเอกฉันท์ ไม่ได้มีการลงคะแนนแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือ ด้วยการลดหย่อนภาษี 1.5 เท่าที่เป็นเงินในส่วนจ่ายค่าจ้าง .-สำนักข่าวไทย