ปารีส 11 ก.ค. – หัวหน้าคณะผู้แทนไทย แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก กรณีกัมพูชากล่าวหาว่า “วัดภูม่านฟ้า” ลอกเลียนแบบนครวัด ฝ่ายไทยรู้สึกผิดหวังต่อคำกล่าวของหัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชา เนื่องจากมรดกโลกทางวัฒนธรรมควรส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี ไม่ใช่แบ่งแยก พร้อมเปิดใจหารือในฐานะเพื่อนบ้านที่ดี
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 47 ได้แถลงชี้แจงต่อที่ประชุม หลังจากที่นางเภือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวถ้อยแถลงโดยหยิบยกประเด็นวัดภูม่านฟ้าในประเทศไทย ว่าเป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด อย่างไร้จริยธรรม
เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างการประชุมวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ 5 ของการประชุม โดยในช่วงบ่ายมีการพิจารณารายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลกในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยเฉพาะแหล่งมรดกโลกปราสาทนครวัด นางเภือง ระบุว่า การก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า ตำบลบ้านสิงห์ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการลอกเลียนแบบนครวัด อย่างไร้จริยธรรม อันเป็นการทำลายคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของแหล่งมรดกโลก และเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายต่อแหล่งมรดกโลก จึงเรียกร้องให้ยูเนสโก และองค์การที่ปรึกษา ตรวจสอบการกระทำดังกล่าวของไทย
นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ในเบื้องต้นไม่ประสงค์ที่จะโต้ตอบ แต่เมื่อฝ่ายกัมพูชาหยิบยกประเด็นเรื่องวัดภูม่านฟ้า ก็จำเป็นต้องชี้แจงทำความเข้าใจ โดยยืนยันว่าราชอาณาจักรไทยเชื่อมั่นว่ามรดกทางวัฒนธรรมควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน มิใช่นำมาซึ่งความแบ่งแยก และฝ่ายไทยรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังต่อคำกล่าวของหัวหน้าคณะผู้แทนกัมพูชา ว่าการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้า เป็นการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด
ทั้งนี้ ไทยเห็นว่าเวทีมรดกโลกไม่ใช่เวทีที่เหมาะสมในการหยิบยกประเด็นดังกล่าว และยังมองว่ามีวัตถุประสงค์ทางการเมืองแอบแฝง โดยชี้แจงว่าวัดภูม่านฟ้า เป็นวัดในพุทธศาสนาที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมในพุทธศาสนา ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากศิลปะและสถาปัตยกรรมจากแหล่งโบราณสถานต่างๆ ในประเทศไทย ดังนั้น จึงไม่ใช่การลอกเลียนแบบปราสาทนครวัด
อย่างไรก็ตาม ไทยพร้อมที่จะปรึกษาหารือร่วมกับกัมพูชาในประเด็นดังกล่าว รวมถึงประเด็นอื่นๆ บนพื้นฐานของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะเมื่อผู้นำของไทยและกัมพูชาได้ตกลงที่จะจัดคณะทำงานร่วมในประเด็นนี้
คณะผู้แทนไทยยังทราบว่า คณะผู้แทนกัมพูชามีความพยายามในการ lobby คณะผู้แทนหลายประเทศในประเด็นนี้ รวมถึงมีความพยายามอย่างสูงที่จะผลักดันประเด็นนี้กับยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลก แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่างใด โดยฝ่ายต่างๆ เห็นว่าเป็นประเด็นที่ควรมีการหารือในระดับทวิภาคี มากกว่าที่จะมาหยิบยกในเวทีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก
ฝ่ายไทยยังพบว่าหลังจากที่หัวหน้าคณะกัมพูชากล่าวถ้อยแถลง ฝ่ายกัมพูชาได้มีการลงข่าวใน Facebook โดยทันที.-512-สำนักข่าวไทย