30 มี.ค.- กทม. จัดระบบประสานงานต่างประเทศ เพิ่มเติมจากระบบบัญชาการที่มีอยู่ สแกนหาสัญญาณชีพค้นหาผู้รอดชีวิต เน้นย้ำปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ป้องกันเหตุถล่มซ้ำ
(30 มี.ค. 68) รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์กู้ภัยอาคารถล่มในพื้นที่เขตจตุจักร โดยกล่าวว่า เราปฏิบัติการในการค้นหาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากอาคารอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่วงเวลาที่พยายามอย่างยิ่งที่จะให้เจอผู้ที่รอดชีวิต ซึ่งเราก็เร่งปฏิบัติการ โดยพยายามใช้เครื่องมือของนานาชาติ และผู้เชี่ยวชาญสแกนหาสัญญาณชีพ โดยมีข้อระมัดระวังของเจ้าหน้าที่คือ ต้องระวังเรื่องของโครงสร้างบริเวณยอดซากอาคารที่ถล่ม เนื่องจากพบว่าตรงกลางมีลักษณะเป็นโพรง ก็จะใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก และหุ่นยนต์จากสถาบันการศึกษา เข้าไปช่วยสแกนโครงสร้างด้านใน พบว่าความสูงอยู่ที่ประมาณ 20 เมตร ซึ่งเครื่องมือจะสามารถสแกนตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ และแจ้งขึ้นมายังผู้เชี่ยวชาญที่อยู่บนกระเช้าของรถเครน เพื่อให้การเข้าช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่กู้ภัยเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งปฏิบัติการการค้นหาในตอนนี้จะเน้นที่บริเวณยอดด้านบน โดยเจ้าหน้าที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ขณะเดียวกันตอนนี้มีทีม และหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาช่วยเหลือในภารกิจนี้เป็นจำนวนมาก เราจึงต้องเน้นย้ำในเรื่องของการเข้ารายงานตัว ซึ่งใช้เวลาไม่มาก เพื่อการรายงานภารกิจจะได้เป็นไปอย่างถูกต้องและแม่นยำ และง่ายต่อการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละโซน ตามความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงาน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับเรื่องข้อมูลตัวเลขทั้งผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิต และยอดผู้สูญหาย ที่ก่อนหน้านี้อาจมีความสับสนในเรื่องของจำนวน เนื่องจากบางครั้ง เครื่องที่เข้าไปสแกน อาจจะพบสัญญาณชีพแต่ไม่พบร่าง และยังมีในส่วนของร่างที่เคลื่อนย้ายออกมาแล้ว และยังไม่ได้นำออกมา ซึ่งหลังจากนี้ขอให้ยึดตามรายงานของกรุงเทพมหานคร ที่จะประสานการทำงานร่วมกันกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) ขณะที่ยอดตัวเลขล่าสุด เมื่อชั่วโมงที่แล้ว มีผู้บาดเจ็บ 9 คน เสียชีวิต 8 คน สูญหาย 79 คน โดยตอนนี้มีหน่วยงานที่เข้าปฎิบัติหน้าที่ในพื้นที่กว่า 20 หน่วยงาน ทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงหน่วยทีมแพทย์ที่สแตนด์บายอยู่ด้านนอกด้วย.417 .-สำนักข่าวไทย
