กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – กทม.เปิดแผนรับมือ 8 จุดเสี่ยงน้ำท่วมถนนสายหลัก เร่งปรับปรุงระบบระบายน้ำใหม่ เตรียมพร้อมรับมือฤดูฝนปีนี้
นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการระบายน้ำ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามการพัฒนาและปรับปรุงระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงน้ำท่วม บริเวณ 8 จุดเสี่ยงสำคัญ ในพื้นที่ 5 เขต
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นการส่งการบ้านให้ชาวกรุงฯ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงฝนหนักของปีนี้ว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำในถนนสายหลัก เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำอย่างไรบ้าง โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครมีปัญหาน้ำท่วม รวม 737 จุด แบ่งเป็น ปัญหาน้ำท่วมจากน้ำเหนือน้ำหนุน 120 จุด และปัญหาน้ำท่วมจากน้ำฝน 617 จุด
จากการวิเคราะห์ข้อมูลในปี 2565 พื้นที่ กทม.มีปริมาณฝนรวม 2,355.5 มิลลิเมตร มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี (พ.ศ.2534-2563) คิดเป็น 40 % โดยเฉพาะเดือนกันยายน ปริมาณฝนในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากถึง 801.5 มิลลิเมตร สูงกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ของเดือนกันยายน ถึง 2.48 เท่า ซึ่งมากกว่าศักยภาพของระบบการระบายน้ำ ส่งผลให้มีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครจึงมอบนโยบายให้สำนักการระบายน้ำและสำนักงานเขตร่วมกันถอดบทเรียนจากสถานการณ์น้ำท่วมปีดังกล่าว
สำหรับ 8 จุดที่มาลงพื้นที่ในวันนี้ ถือเป็นจุดเสี่ยงน้ำท่วมที่สำคัญ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงแก้ไขระบบระบายน้ำ พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้หลายโครงการได้ดำเนินการแล้วเสร็จ สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในส่วนของ 8 จุดเสี่ยง ประกอบด้วย 1. บ่อสูบน้ำคูน้ำสารวัตรทหารที่ 11 เขตราชเทวี 2.ถนนพระรามที่ 9 บริเวณแยก อสมท. เขตห้วยขวาง 3.ถนนรัชดาภิเษก ช่วงบริเวณหน้าศาลอาญา เขตจตุจักร 4.ถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงวงเวียนบางเขน เขตบางเขน 5.ทำนบกั้นน้ำคลองลำผักชี ข้างตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน
6.ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าอาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) เขตหลักสี่ 7.โครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กับถนนประชาชื่น (ถนนหมายเลข 10) เขตหลักสี่ และ 8. ถนนแจ้งวัฒนะ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 บริเวณบึงสีกัน เขตหลักสี่
สำหรับโครงการไฮไลท์วันนี้ ที่ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมเดินหน้ารับใช้ชาวกรุงแบบ 100% แล้ว อาทิ แก้มลิง วงเวียนบางเขน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณซอย 2, 4 (ดำเนินการแล้วเสร็จ) ด้วยขนาดกักเก็บน้ำ 6,000 ลบ.ม. เพื่อเก็บกักและพักน้ำไว้ชั่วคราว ขณะฝนตกหนัก เพราะพื้นที่บริเวณ วงเวียนบางเขนประสบปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อเกิดฝนตกหนัก ที่ถนนพหลโยธิน และ ถนนรามอินทรา นอกจากนี้ยังมีการทำเลนวิ่งรอบบริเวณแก้มลิงเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้งานเพื่อการออกกำลังกายและการพักผ่อนด้วย
พื้นที่บริเวณวงเวียนบางเขนประสบปัญหาน้ำท่วมขังเมื่อเกิดฝนตกหนัก ที่ถนนพหลโยธิน และถนนรามอินทรา เนื่องจากระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ สำนักการระบายน้ำได้ทำ MOU ร่วมกับกรมทางหลวงขออนุญาตใช้พื้นที่ในเขตทางหลวงเพื่อก่อสร้างเป็นแก้มลิง เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ดังกล่าว โดยก่อสร้างแก้มลิงมีขนาดกักเก็บน้ำ 6,000 ลบ.ม. เพื่อเก็บกักและพักน้ำไว้ชั่วคราว ขณะฝนตกหนัก ถนนพหลโยธิน ถนนรามอินทรา และระบายน้ำลงรางอ้อรางแก้ว ลงสู่คลองบางเขนต่อไป
นอกจากนี้ยังมีการเลนวิ่งรอบบริเวณแก้มลิงเพื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาใช้งานเพื่อการออกกำลังกายและการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันโครงการดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จ 100%
อีกจุดหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมที่มีมาอย่างยาวนานได้ คือ บ่อสูบน้ำถนนพระรามที่ 9 ตอนลำรางแยก อสมท. ซอยทวีมิตร ซึ่งเป็นซอยเอกชนที่มีระดับต่ำกว่าถนนพระรามที่ 9 เมื่อฝนตกหนักจึงมักประสบปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย ส่งผลกระทบกับผู้อาศัยและสัญจรในพื้นที่จำนวนมาก สำนักการระบายน้ำจึงดำเนินการปรับปรุง บ่อสูบน้ำดังกล่าวเป็นบ่อสูบน้ำถาวร เพื่อรองรับระบบระบายน้ำของชุมชนหมู่บ้านในซอยทวีมิตร ซึ่งได้ให้ความร่วมมือพัฒนาระบบระบายน้ำของตนเองมาเชื่อมโยงเข้ากับระบบระบายน้ำของกรุงเทพมหานคร ถือเป็น “โมเดลต้นแบบ” ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมร่วมกันของกทม.กับเอกชนอีกแห่งหนึ่ง
อีก 2 โครงการที่ดำเนินการใกล้แล้วเสร็จพร้อมเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบภายใน ก.ค. 67 คือ บ่อสูบน้ำคูน้ำสารวัตรทหารที่ 11ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้โดยรอบเป็นชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่นสูง และมีสถานที่ราชการและโรงพยาบาลที่สำคัญอยู่จำนวนมาก ท่อระบายน้ำเดิมมีขนาดไม่เพียงพอ จึงเกิดโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ด้วยวิธีดัน (Pipe Jacking) และรางระบายน้ำ แม้จะติดอุปสรรคหลายด้าน แต่ขณะนี้เดินทางมาถึง 90% จะแล้วเสร็จเดือน ก.ค. 67
เช่นเดียวกับ การก่อสร้างท่อลอดถนนรัชดาภิเษก และแผนการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การก่อสร้างบ่อสูบน้ำศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตอนลงคลองบางตลาด เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าศูนย์ราชการฯ และงานก่อสร้างถนนหมายเลข 10 และระบบระบายน้ำ รางระบายน้ำ O – Gutter ในโครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80พรรษา 5 ธันวาคม 2550 กับถนนประชาชื่น ก็จะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. 67 เช่นกัน
อีกจุดที่พบปัญหาเป็นประจำคือ บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ซอยแจ้งวัฒนะ 14 บริเวณบึงสีกัน โดยได้ติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างแก้มลิงบึงสีกัน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซอยแจ้งวัฒนะ 14 (ผลการดำเนินการ 10% กำหนดแล้วเสร็จ ก.พ. 68) (ระบบชั่วคราวแล้วเสร็จ ส.ค. 67)
ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ประสบกับปัญหาน้ำท่วมขังในซอยแจ้งวัฒนะ 14 โดยเฉพาะพื้นที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์และพื้นที่หมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ เนื่องจากระบบระบายน้ำที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ เดิมบึงสีกันเป็นพื้นที่เอกชนไม่มีระบบบริหารจัดการน้ำ สำนักการระบายน้ำจึงดำเนินการปรับปรุงแก้มลิงบึงสีกัน เพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำภายในบึงสีกันโดยสามารถบริหารจัดการเป็นแก้มลิงรองรับน้ำส่วนเกินสามารถกักเก็บน้ำฝนไว้ในแก้มลิงได้ 150,000 ลบ.ม. ช่วยพักน้ำฝนที่ตกลงสู่พื้นที่ไว้ชั่วคราว และระบายน้ำลงคลองบางพูด คลองตาอูฐ ลงสู่คลองเปรมประชากรต่อไป โดยพื้นที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 1.63 ตร.กม. คิดเป็นประมาณ 1,200 ครัวเรือน ครอบคลุมซอยแจ้งวัฒนะ 14 พื้นที่หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ พื้นที่หมู่บ้านเกษตรนิเวศน์ หมู่บ้านชวนชื่นหมู่บ้านโกลเด้นทาวน์ วิภาวดี –แจ้งวัฒนะ ซอยโกสุมรวมใจ และถนนวัดเวฬุวนารามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง ผลงาน 10% คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 โดยระบบชั่วคราวเพื่อการพร้องน้ำและการระบายน้ำออกจากบึงสีกันจะสามารถใช้งานได้ภายในเดือนสิงหาคม 2567 นี้
รองผู้ว่าฯ กทม.ยังเปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำของกรุงเทพมหานคร ปี 67 ภาพรวมขณะนี้กรุงเทพมหานคร ตรวจวัดปริมาณฝนที่สำนักการระบายน้ำได้ 530.5 มิลลิเมตร ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ประมาณ 20 % (ค่าเฉลี่ย 30 ปี ของสำนักการระบายน้ำ 670.8 มิลลิเมตร)
ประกอบกับสถานการณ์ เอนโซ ที่จะเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะลานีญา ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2567 ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และจะต่อเนื่องไปจนถึงกุมภาพันธ์ 2568 จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย ซึ่งต้องเฝ้าระวังและติดตามการพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาโดยเฉพาะเดือน สิงหาคม กันยายนและตุลาคม คาดว่าฝนจะตกเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ กทม.ยังได้พร่องน้ำตามลำคลองต่างๆ และแม้ว่ากทม.จะต้องรับมือกับปริมาณฝน ที่จะมีโอกาสตกหนักมากเป็นหย่อมส่วแต่ก็ต้องพร้อมสำหรับการบริหารจัดการน้ำเหนือที่จะมาด้วย ซึ่งก็มีการพูดคุยประชุมร่วมกันทุกเดือนกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สนทช. ที่เป็นหน่วยงานหลักบริหารจัดการน้ำ
“ทั้ง 8 โครงการที่นำมาส่งการบ้านชาวกรุงฯ ในวันนี้ ทุกโครงการล้วนประสบปัญหาแตกต่างกันไป บ้างต้องเจรจากับหลายฝ่ายที่ต้องใช้เวลาอย่างยาวนาน บ้างต้องจัดการกับสาธารณูปโภคที่ทับซ้อนกัน บางพื้นที่ไม่ใช่ของ กทม.บางโครงการมีการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วนจนเกิดเป็นโมเดลการบูรณาการใหม่ ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ หัวใจคือ เพื่อปรับปรุงโครงสร้าง รูปแบบ วิธีการ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ของระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวกรุงเทพมหานคร ได้อย่างยั่งยืน“ รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว.-417-สำนักข่าวไทย