กทม.เรียกทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องวางแนวทางอุดช่องโหว่งานฝาท่อ

กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – กทม.เรียกทุกหน่วยงานเกี่ยวข้องกับงานฝาท่อ งานก่อสร้างชั่วคราว วางแนวทางอุดช่องโหว่ ย้ำ กฟน.ปรับระบบหลังบ้าน หลังมีประชาชนแจ้งผ่านทราฟฟี่ฟองดูว์ เร่งแก้ไขให้ได้ภายใน 24 ชม. และมีการตรวจสอบย้อนกลับ ขณะ กฟน.เผยแผนเตรียมเปลี่ยนวัสดุ ฝาท่อจากเหล็ก เป็นคอนกรีตผสมไฟเบอร์ ป้องกันถูกขโมย


นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมติดตามมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากการก่อสร้างบ่อพักที่ไม่เรียบร้อย และการแก้ไขเรื่องร้องเรียนของประชาชน โดยฝ่ายเกี่ยวข้องส่วนของ กทม. มีสำนักงานก่อสร้างและบูรณะ สำนักงานวิศวกรรมทาง กองควบคุมการก่อสร้าง กองแผนงาน และประสานสาธารณูปโภค สำนักการระบายน้ำ สำนักการจราจรและขนส่ง ร่วมกับหน่วยงานสาธารณูปโภคภายนอก ประกอบด้วย ตัวแทนจากการไฟฟ้านครหลวง การปะปานครหลวง บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และกรมทางหลวง ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอกที่รับผิดชอบเกี่ยวข้องกับฝาท่อในพื้นที่ กทม. โดยเฉพาะเหตุการณ์คนตกท่อกลางถนน บริเวณปากซอยลาดพร้าว 49 และอีกหลายกรณีที่เกิดจากฝาท่อจนได้รับบาดเจ็บ

นายณรงค์ เรืองศรี รองปลัด กทม. เปิดเผยว่า วันนี้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการป้องกัน และความปลอดภัยฝาท่อ โดยเฉพาะกับ กฟน. ที่เน้นย้ำว่าจะเข้มการตรวจสอบ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังก่อสร้าง ทั้งสภาพบ่อพัก และงานก่อสร้างใดที่ไม่เรียบร้อย กทม.ย้ำให้มีการตรวจสอบตลอดเวลา และต่อเนื่องให้มีสภาพสมบูรณ์ และ กทม.จะเน้นย้ำให้สำนักส่วนกลางที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานเขต ตรวจตราและหากพบความผิดปกติของงานก่อสร้างให้แจ้ง และดำเนินการแก้ไขภายใน 24 ชม. กทม.ยังย้ำการบูรณาการแก้ไขหลังมีการร้องเรียน จาก ปชช. ผ่านระบบทราฟฟี่ ฟองดูว์ ซึ่งหากเป็นหน่วยงานภายนอก แก้ไขแล้วแต่ไม่ได้มาตรฐานนั้น อาจต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่าหลังแก้แล้วได้มาตรฐานปลอดภัยหรือไม่


รองปลัด กทม. ยังเปิดเผยว่า ส่วนล่าสุดที่เกิดเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลัก ล้มในอุโมงค์มไหสวรรย์ทำให้ผู้ขับขี่พลัดตกลงไปในร่องระบายน้ำเสียชีวิต นั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นอุโมงค์ทางลอดจะไม่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์สัญจรผ่าน โดยฝาบ่อพักน้ำที่เกิดช่องว่างและหายไป หน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องมีมาตรการตรวจสอบและติดตามอย่างต่อเนื่องซึ่งอยู่ระหว่างการหาแนวทางร่วมกัน สำหรับฝาท่อในอุโมงค์ทางลอดมีความกว้างประมาณ 1 เมตร เพื่อเป็นทางเดิน ในการเข้าไปซ่อมบำรุงรักษาระบบสูบน้ำและระบบระบายน้ำภายในอุโมงค์ ยอมรับการตรวจสอบมีช่องโหว่ที่ทำให้ตรวจสอบไม่ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถดูได้ 24 ชม. ซึ่งมีการพูดคุยกันว่าอาจจะทำระบบล็อคฝา หรือปรับชนิดของฝา เพิ่มระบบเอไอตรวจสอบสถานะของฝาท่อ ซึ่งทุกฝาจะมีเจ้าของหน่วยงานก็ต้องดูแลให้ดี กทม.ได้ย้ำทุกหน่วยงานรับผิดชอบว่า ฝาต้องไม่หาย มีความแข็งแรง และในจุดก่อสร้างต้องติดป้ายแจ้งเตือนจุดไหนมีบ่อพักให้ ปชช.ทราบ

ด้านนายสถิตย์ พงศธรวิบูลย์ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า กฟน.พร้อมเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในทุกเคสและจะปรับปรุงการตรวจสอบความปลอดภัยในการดำเนินการโครงการก่อสร้าง โดยจะมีการนำระบบเอไอมาใช้ตรวจสอบความปลอดภัยของการดำเนินการในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งระบบจะมอนิเตอร์ส่งภาพและเสียง เช่น จุดไหนมีฝาบ่อชั่วคราวทรุดบนถนน ปิดฝาไม่เรียบ รายงารแบบเรียลไทม์ จะส่งข้อมูลแจ้งตรงไปรับผิดชอบเพื่อเข้ามาแก้ไข โดยเริ่มมีการทดสอบแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 67 จำนวน 3-4 จุด บริเวณถนนพระราม 3 ในส่วนการก่อสร้างบ่อพักสายใต้ดินชั่วคราว นอกจากนี้ กฟน.ได้ดำเนินการทดสอบปรับเปลี่ยนรูปแบบวัสดุฝาบ่อพักเดิมเป็นเหล็ก โดยจะเปลี่ยนเป็นคอนกรีตผสมไฟเบอร์ เพื่อป้องกันการขโมยฝาเหล็ก ซึ่งได้มีการทดลองใช้จริงบางจุดแล้ว หากได้ผลดีจะนำมาเปลี่ยนในจุดฝาท่อที่เป็นจุดเสี่ยงจะถูกขโมย

ขณะที่ปัจจุบันในพื้นที่ กทม.มีจำนวนบ่อพักของ กฟน.ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็นลักษณะฝาชั่วคราว จำนวน 400-500 บ่อ และมีฝาบ่อพักท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่เป็นเหล็ก 1,877 บ่อ ซึ่งหนึ่งบ่อมีฝาท่อ 1-3 ฝา ซึ่งหากการทดสอบวัสดุฝาท่อใหม่ สำเร็จก็จะเริ่มทยอยเปลี่ยนฝาที่เป็นเหล็กในจุดเสี่ยงที่จะโดนขโมยก่อน


ส่วนกรณีมีผู้ตกท่อจนเสียชีวิตที่ลาดพร้าว 49 นั้น ย้ำว่าจะมีการเยียวยาอย่างเต็มที่และอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมดจากผู้รับเหมาที่รับช่วงต่อว่ามีการส่งต่องานถูกต้อง และมีการตรวจความปลอดภัยตามใบรายงานประจำวันหรือไม่ ซึ่งการใช้แผ่นไม้ไปวางปิดชั่วคราวแบบนั้น ย้ำว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน.-417-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]