กระทรวงยุติธรรม 14 ก.ย. – รมว.ยุติธรรม เดินหน้านโยบาย เน้นทำหลักนิติธรรมให้เข้มแข็ง พร้อมร่วมมือปราบปรามกรณีผู้มีอิทธิพล จะร่วมขยายผลให้ได้ทั่วประเทศ ส่วนกรณี “ทักษิณ” จะเข้าเกณฑ์พักโทษหรือไม่ บอกทุกอย่างขึ้นกับกฎหมาย
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน หลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม โดยวันนี้เป็นการเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรก และเปิดเผยว่า ทุกหน่วยงานในกระทรวงยุติธรรม จะเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญคือการรื้อฟื้นหลักนิติธรรม และจะดำเนินตามนโยบาย สานงาน 100 วัน เพื่อประชาชน เช่น จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องหนี้สิน หนี้ครัวเรือนประชาชน ผลักดันการแก้ปัญหา จาก พ.ร.บ.ล้มละลาย เพื่อฟื้นฟูเอสเอ็มอีและหนี้บุคคลธรรมดา เน้นแก้หนี้เชิงโครงสร้าง การแก้ปัญหายาเสพติด โดยยกระดับปรับแก้กฎหมายให้เห็นผล กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพจะดูแลให้กับคนด้อยโอกาส เช่น เรื่องการให้สัญชาติ จะทำให้ได้รวดเร็วและครอบคลุมขึ้น เป็นต้น สร้างความเชื่อมั่นประชาชน เรื่องกระบวนการยุติธรรม ยกกรณีตำรวจ การดำเนินคดีด้านหนึ่งก็จะมีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้กระทรวงยุติธรรมก็จะช่วยในการถ่วงดุลในการทำงาน แก้ปัญหาในเรื่องการฮั้ว
ส่วนปัญหาเรื่องผู้มีอิทธิพล มองว่าคือการทุจริตชนิดหนึ่ง เพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่างการจัดซื้อจัดจ้าง กระทรวงจะไปร่วมมือกับกรมบัญชีกลาง เพื่อร่วมตรวจสอบการฮั้วประมูลต่างๆ ทั้งนี้จะเป็นการใช้เครื่องมือที่มีคือ กฎหมาย ให้ระบบกฎหมายเป็นใหญ่ ไม่ใช่อิทธิพลเป็นใหญ่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ที่ใกล้จะครบ 30 วัน ที่รักษาตัวนอกเรือนจำแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ มีหลักปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักสากล ย้ำว่ามีมาตรฐานการควบคุมตัวเป็นไปตามระเบียบ ขณะนี้เป็นขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ หากมีการรักษาตัวนอกเรือนจำนานกว่า 30 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางอธิบดีกรมราชทัณฑ์ หากนานกว่า 60 วัน จะต้องมีความเห็นจากทางปลัดกระทรวงยุติธรรม และหากนานเกิน 120 วัน จะต้องมีความเห็นจาก รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีความเห็นของแพทย์ที่รักษาด้วย เรื่องนี้มีรายละเอียด ส่วนกรณีนายทักษิณจะเข้าเกณฑ์การพักการลงโทษหรือไม่ รมว.ยุติธรรม ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ทุกอย่างขึ้นกับกฎหมาย. -สำนักข่าวไทย