กทม.พร้อมถอดบทเรียนป้องกันเหตุโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในอนาคต

กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – ส.ก.ลาดกระบัง ยื่นญัตติตั้ง คกก.วิสามัญตรวจสอบโครงการเมกะโปรเจกต์ใน กทม. พร้อมถอดบทเรียนป้องกันเหตุในอนาคต ย้ำคุณภาพของผู้รับเหมาเป็นสิ่งสำคัญ


นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง ยื่นญัตติขอให้สภากรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาตรวจสอบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิต ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ถามว่าเราเคยศึกษาถอดบทเรียนหรือมี Case Study หรือไม่ ที่ผ่านมาสภาได้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ หลายคณะ เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาหมักหมมมานาน คณะนี้จะศึกษาเชิงลึก วิเคราะห์ แยกแยะ ถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของ กทม. เราจะเชิญผู้ทรงคุณวุฒิมาเพื่อร่วมกันทำงาน ทั้งโครงการสะพานยกระดับถนนอ่อนนุช-ลาดกระบัง และโครงการอื่น ๆ หลังเกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในพื้นที่เขตลาดกระบัง เป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งมีทั้งโครงการก่อสร้างโรงพยาบาลบางนา วชิรพยาบาล โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ฯ และโครงการของสำนักการระบายน้ำ โดยสามารถเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญมาร่วมให้ข้อมูล เพื่อให้ได้ผลการศึกษา เป็นการถอดบทเรียน เพื่อเป็นผลงานของสภากรุงเทพมหานคร ในการดูแลพี่น้องประชาชน

ส.ก.ลาดกระบัง กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้เคยตั้งกระทู้ถามสดในเรื่องสะพานแห่งนี้มาแล้ว ในขณะนั้นผลงานติดลบกว่า 40% การทำงานในเวลากลางคืนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง ประชาชนได้รับความเดือดร้อน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สน.ในพื้นที่ไม่ทราบความคืบหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อสอบถามไปยังเขตลาดกระบัง ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ เมื่อครั้งผู้ว่าฯ มาสัญจรที่เขตและลงพื้นที่ ได้กำชับทุกหน่วยงานดูแลปัญหาฝุ่นละออง การจราจร และปัญหาทั้งหมด สิ่งที่ประชาชนฝากมาถามคือ 1. ขอให้กรุงเทพมหานครเร่งตรวจสอบเมกะโปรเจกต์ต่าง ๆ โดยในพื้นที่ลาดกระบัง มีทั้งโครงการทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง โรงพยาบาลลาดกระบัง อาคารสำนักงานเขตลาดกระบังแห่งใหม่ ขอให้กรุงเทพมหานครเร่งตรวจสอบอาคารเหล่านี้ และขอถามทาง กทม.ว่าได้ทำ Root Cause Analysis หรือไม่ ทราบสาเหตุการถล่มของสะพานแล้วหรือยัง ทั้งนี้ การเกิดเหตุแบบนี้ต้องปิดสถานที่ทั้งหมด และให้หน่วยงานกลางที่ไม่ขึ้นกับ กทม.เข้ามาตรวจสอบ แต่ปัจจุบันพบว่าได้มีการตัดเหล็กออกเป็นชิ้น เพื่อเคลื่อนออกจากหน้างานแล้ว มีการเคลื่อนคอนกรีตเพื่อเปิดการจราจรในวันศุกร์นี้ (14 ก.ค.) 2. คำถามเรื่องของการเร่งเยียวยาผู้ประสบเหตุ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สอบถามว่า บริษัทนี้มีการทำประกันไว้หรือไม่ เนื่องจากหากต้องรอเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ ต้องใช้เวลานานมาก 3. คำถามสุดท้าย กทม.มีการตรวจสอบคุณภาพผู้รับเหมาหรือไม่ เนื่องจากผู้รับเหมารายนี้เป็นกิจการค้าร่วมทุน มีประสบการณ์ทำงานอย่างไรบ้าง เป็นคำถามที่ กทม.ต้องหาคำตอบ จริง ๆ แล้วตามหลักสากล เมื่อเกิดเหตุต้องมีวิศวกรภายนอกมาตรวจสอบหน้างาน เพื่อตรวจสอบสาเหตุ ด้วยเหตุทั้งหมดนี้จึงจำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษา


“คุณภาพของผู้รับเหมาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุสะเทือนขวัญมาก เราไม่ได้ทำดาวเทียมไปนอกโลก เราทำแค่ทางยกระดับที่ กทม.ทำมาหลายครั้งแล้ว ที่สำคัญคือ นายช่างเบอร์หนึ่งคือหน่วยงานของ กทม. หรือสำนักการโยธา ต่อไปผู้รับเหมาต้องหาที่มีความรับผิดชอบมากกว่านี้ หากต้องเร่งงาน มาตรฐานก็ต้องสูงขึ้นด้วย” ส.ก.สุรจิตต์ กล่าว

นายพีรพล กนกวลัย ส.ก.เขตพญาไท กล่าวว่า อยากให้กำหนดขอบเขตว่าโครงการที่จะศึกษามีขนาดเท่าใด เนื่องจากใน กทม.มีโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับภารกิจคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง สภา กทม. โดยตรวจสอบความถูกต้องของสัญญา วัสดุอุปกรณ์ ผู้ทำงาน เชื่อว่าโครงการขนาดใหญ่ต้องมีวิศวกรเข้ามาดูแลการก่อสร้าง และบริษัทต้องเสนอชื่อวิศวกร โดยอาจกำหนดใน TOR อุบัติเหตุโครงการขนาดนี้เกิดขึ้นจากความประมาทเป็นส่วนใหญ่ จึงจำเป็นต้องให้ผู้มีความรู้ความสามารถจริง ๆ เข้ามาดำเนินการ และให้ได้แนวทางการดำเนินการในอนาคตที่สามารถนำมาใช้ได้จริง รวมทั้งให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบต้องตระหนักถึงความสำคัญ

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่จริงร่วมกับคณะกรรมการการโยธาและผังเมือง ซึ่งได้เคยอภิปรายเรื่องความล่าช้าของโครงการขนาดใหญ่ต่าง ๆ ตั้งแต่เป็น ส.ก.มา ยังไม่เคยเห็นโครงการขนาดใหญ่ถล่มแบบนี้มาก่อน ต้องถามคณะกรรมการตรวจรับได้ดูแลใกล้ชิดหรือไม่ และ กทม.ได้มีการจัดสรรงบประมาณเพื่อหารถเครนสำหรับใช้ในกรณีเช่นนี้หรือไม่ มีการจ้างที่ปรึกษาโครงการนี้หรือไม่


ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากการสอบถามพบว่าผู้รับเหมาขอเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้าง เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นเหตุผลทางวิศวกรรม วิธีนี้เป็นวิธีการที่ใช้อยู่ทั่วไป เนื่องจากเรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ เราต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร โดยหาด้วยความระมัดระวัง โดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลาง เพราะอาจมีผลทางคดี เรื่องรถเครน ผู้รับจ้างต้องดำเนินการ เพราะคนขับรถเครนต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ ในส่วนของ กทม.จะดูแลผู้ประสบภัยและดูแลการกู้ชีพ หาก กทม.มีรถเครนเอง ต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการขับ อย่างไรก็ดี จะรับข้อสังเกตของ ส.ก. เกี่ยวกับการจัดหารถเครนต่อไป และเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายให้มากขึ้น ซึ่งยินดีรับข้อสังเกตของ ส.ก.ไปพิจารณาให้ถี่ถ้วนด้วย และการตั้งคณะกรรมการวิสามัญจะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รศ.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุอาจมีคำถามว่าทำไมล่าช้า ตามกระบวนการมีผู้ตรวจสอบอิสระจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) มาลงพื้นที่ในคืนนั้นเลย เพื่อประเมินสถานการณ์ และตรวจสอบความปลอดภัยในการเข้าพื้นที่ การเคลื่อนซากต่าง ๆ Launcher ที่ทำเลยเพราะผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นแล้วว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงต้องเคลื่อนออก เพื่อเปิดพื้นที่ให้ Investigator เข้าพื้นที่ได้ ซึ่งสาเหตุการเกิดเหตุขอให้รอ วสท. เป็นผู้ระบุ

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงมาตรการเยียวยาในขณะนี้ว่า ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ของ กทม. จะมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายผู้เสียชีวิต ค่าจัดการศพ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ค่าปลอบขวัญ ค่าเสียหายสำหรับสถานประกอบการที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีกองทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัย และตัวแทนบริษัทประกันภัยของผู้รับเหมาได้เริ่มให้ความช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้านแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง ระเบียบการจ่ายเงินสงเคราะห์ พบว่าเป็นจำนวนที่น้อยจริง ๆ และข้อบัญญัติยังใช้เป็นระยะเวลานานแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อบัญญัติ และจะจัดส่งเพื่อให้สภาพิจารณาความเหมาะสมต่อไป สำหรับการลงทะเบียนผู้เสียหายนั้น ขณะนี้พบผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว มีผู้จดแจ้งความเสียหายแล้ว 22 ราย ซึ่งเขตจะรับรองตามเงื่อนไข ในส่วนการเบิกจ่ายค่าเสียหายจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด สำหรับอัตราที่บริษัทจะจ่าย ขณะนี้ทราบเพียงค่าเช่าบ้านหลังละ 8,000 บาท แต่จะติดตามรายละเอียดให้ครบถ้วนต่อไป

ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบกับญัตตินี้ และให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญ จำนวน 17 ท่าน กำหนดระยะเวลาพิจารณาให้แล้วเสร็จ 90 วัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” นำทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันแม่แห่งชาติ

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา “พระพันปีหลวง” 12 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานองคมนตรีและภริยา คณะองคมนตรีและภริยา ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยราชการในพระองค์ คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพและภริยา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและภริยา ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง และผู้แทนภาคเอกชน ร่วมพิธี โดยเมื่อนายภูมิธรรม เดินทางถึงปะรำพิธีท้องสนามหลวง สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน 10 รูป ขึ้นนั่งอาสน์สงฆ์ นายภูมิธรรม จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ถวายคำนับและถวายธูปเทียนแพหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ จำนวน […]

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย