กทม. 31 ธ.ค.-ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนผู้ที่มีสุขภาพดี เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ในปี 2566 ด้วยการบริจาคโลหิต ต้อนรับปีใหม่ ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ (Fixed Station) 7 แห่ง และภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่ง ทั่วประเทศ พร้อมรับของที่ระลึกเป็นของขวัญปีใหม่
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า ช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่โรงพยาบาลต่างๆ เบิกโลหิตเพื่อสำรองใช้ในกรณีเร่งด่วนที่อาจจะเกิดในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้หลังจากเทศกาลปีใหม่ปริมาณโลหิตคงคลังมีจำนวนลดน้อยลง ซึ่งจะส่งผลกระทบกับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้โลหิตในการรักษาตามปกติ เช่น ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสูญเสียโลหิตเฉียบพลัน ได้แก่ ผู้ป่วยจากอุบัติเหตุ, ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการผ่าตัด, การคลอดบุตร เป็นต้น ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้โลหิตถึง 77% และผู้ป่วยโรคเลือด ได้แก่ ผู้ป่วยโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย, โรคเกล็ดเลือดต่ำ, โรคขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (ฮีโมฟีเลีย) เป็นต้น ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้โลหิต 23% รวมทั้งการใช้โลหิตในการรักษาพยาบาลของโรคต่างๆ ด้วย ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมสำรองโลหิตภาวะปกติทุกวัน วันละ 2,500- 3,000 ยูนิต ตามมาตรฐานงานบริการโลหิต หากมีปริมาณโลหิตสำรองไม่เพียงพอ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่ต้องการโลหิต ในการรักษาประจำ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จัด 2 โครงการต้อนรับปีใหม่ เชิญชวนผู้มีสุขภาพดี เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ในปี 2566 ด้วยการ บริจาคโลหิต ต้อนรับปีใหม่ ให้ผู้ป่วยทั่วประเทศ
•วันที่ 2 – 4 มกราคม 2566 บริจาคโลหิตในโครงการ “Give Blood Get Healthy” พร้อมเป็นที่ 1 ได้ด้วยการบริจาคโลหิต รับเสื้อยืดที่ระลึก “Be the 1” Give Blood Get Healthy
จำนวนจำกัด
•วันที่ 2 – 8 มกราคม 2566 บริจาคโลหิตในโครงการ “บริจาคโลหิต เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ป่วย” รับปฏิทินดารา ช่อง 3 “Be Good Health For Good Life” สุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก
บริจาคโลหิตได้ที่ :
•ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย, สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค)
•หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ : เดอะมอลล์สาขาบางแค สาขาบางกะปิ สาขางามวงศ์วาน สาขาท่าพระ ศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และบ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง)
•ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมาขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง), สงขลา และภูเก็ต.-สำนักข่าวไทย