อุตุฯ ยันพายุ “เซินกา” ไม่ส่งผลรุนแรงต่อไทยเท่า “โนรู”

กรุงเทพฯ 15 ต.ค. – รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันพายุ “เซินกา” ไม่ส่งผลรุนแรงต่อประเทศไทยเท่ากับพายุ “โนรู” ด้านทีมกรุ๊ป ประเมินมีพายุอีก 2 ลูก แต่ไม่กระทบไทย ชี้ได้รับอิทธิพลของมวลอากาศเย็นจากจีนช่วย ส่วนฤดูหนาวปีนี้มากและนานกว่าปี 64


ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงความรุนแรงของพายุ “เซินกา” ว่า ขณะนี้ได้อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชันแล้ว หลังเคลื่อนเข้าสู่ประเทศเวียดนาม และจะเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ทันทีที่เคลื่อนเข้าสู่เมืองสาละวัน สปป ลาว ซึ่งเมื่อพายุกลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ มีโอกาสที่จะสลายตัวสูง เนื่องจากอิทธิพลของมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนกำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน เมื่อเข้าไปผสมกับพายุ จึงทำให้อ่อนกำลังลงเร็วขึ้น

โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นกับภาคอีสาน คือ มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ทางตอนกลางและตอนล่างของภาค และบางพื้นที่ฝนจะตกหนัก ซึ่งผลกระทบจะเกิดขึ้นช่วง 1-2 วันนี้เท่านั้น และปริมาณฝนที่ตกไม่มากเท่ากับพายุ “โนรู” ส่วนภาคใต้ มีร่องมรสุมกำลังแรง จึงทำให้เกิดฝนตกชุกหนาแน่นในช่วงนี้


รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ฝนที่ตกทางภาคอีสานและภาคใต้ช่วงนี้เป็นบริเวณที่เติมน้ำทั้งนั้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดสภาวะน้ำท่วมสูงขึ้นบ้าง รวมถึงน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากมีน้ำฝนที่ถูกเติมเข้าไป

ส่วนโอกาสที่จะเกิดพายุลูกใหม่เข้ามาในประเทศไทยอีกหรือไม่ รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีตัวการไหนที่จะเป็นพายุ นอกจากหย่อมความกดอากาศต่ำเหนือเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ แต่โอกาสที่จะเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และมีผลกระทบต่อประเทศไทยน้อย ส่วนตัวการอื่น ยังไม่มีก่อตัวในช่วงนี้ เพราะฉะนั้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ยังไม่มีพายุเข้าสู่ประเทศไทย แต่ในฤดูกาลเช่นนี้ ถือเป็นฤดูกาลของพายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ซึ่งร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ ดังนั้นโอกาสหลังจากนี้ประเทศไทยตอนบนจะเข้าสู่ฤดูหนาว คาดหลังกลางเดือนหรือสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งประเทศไทยตอนบนอากาศจะหนาวเย็นลง ทั้งนี้ ในวันที่ 16-18 ตุลาคมนี้ มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุม ทำให้ภาคเหนือและภาคอีสาน อุณหภูมิลดลง 2-4 องศาฯ ส่วนภาคกลาง อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาฯ

“ประเทศไทยตอนบนจะมีเรื่องของพายุเซินกาที่เข้ามาเติมน้ำในภาคอีสานมากขึ้น ส่งผลถึงภาคกลาง ภาคตะวันออก ที่ทำให้มีฝน แต่ฝนที่ตกไม่มากนัก ส่วนภาคใต้เข้าสู่ฤดูกาลฝน เพราะมีร่องมรสุมพาดผ่าน ทำให้มีฝนตลอดช่วงหนักสลับเบา อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ประเทศไทยตอนบนเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างชัดเจน ฝนจะเริ่มน้อยลง ส่วนภาคใต้ยังรับฝนอยู่ และบางปีพบว่ามีพายุหมุนเขตร้อนพัดเข้ามา ซึ่งปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาไม่ได้ประมาท ได้เตรียมการเฝ้าระวัง หากมีสถานการณ์จะชี้แจงให้ประชาชนทราบล่วงหน้า 3 วัน”


รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยังกล่าวว่า สำหรับฤดูหนาวในปี 2565 จะหนาวเย็นมากกว่าปีที่แล้ว อุณหภูมิต่ำสุดตอนเช้าเฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 17-19 องศาเซลเซียส ซึ่งปี 2564 อุณหภูมิต่ำสุดในตอนเช้าเฉลี่ยอยู่ที่ 21 องศาเซลเซียส สำหรับกรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่าอุณหภูมิต่ำสุดตอนเช้าเฉลี่ย 17-18 องศาเซลเซียส ซึ่งจะรู้สึกเย็นไม่ถึงขั้นหนาวเท่ากับภาคเหนือและภาคอีสาน

“อากาศหนาวจะปรากฏชัดเจนในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม ซึ่งช่วงเดือนมกราคมจะถือว่าหนาวที่สุด พร้อมย้ำว่า ฤดูหนาวปีนี้จะหนาวนานและหนาวมากกว่าปี 2564”

ทั้งนี้ เงื่อนไขในการเข้าสู่ฤดูหนาว มี 3 ปัจจัย คือ อุณหภูมิต่ำสุดตอนเช้าเฉลี่ยทั้งประเทศต้องอยู่ที่ 23 องศาเซลเซียส อย่างต่อเนื่องในประเทศไทยตอนบน 2. ระดับของลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน นั่นคือ ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นลมหนาวและลมเย็น เกิดขึ้นต่อเนื่องแล้วหรือยัง และลมตะวันตกพัดปกคลุมประเทศไทยแล้วหรือยัง 3. การกระจายและปริมาณฝนที่ตกในประเทศไทยตอนบนลดลง อย่างชัดเจนแล้วหรือยัง หากเข้าสู่ปัจจัยเหล่านี้ก็ถือว่าเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัททีมกรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ กล่าวว่า พายุเซินกาจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทย เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ทำให้พายุที่เพิ่มกำลังเป็นโซนร้อนสลายตัวอย่างรวดเร็ว และปริมาณฝนที่ตกประมาณ 45 มิลลิเมตร ในพื้นที่ขอบแม่น้ำโขง ซึ่งน้อยกว่าปริมาณฝนที่ตกในช่วงพายุโนรูเข้าไทย ทำให้ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร มีปริมาณฝน 200 มิลลิเมตร ถือว่าโชคดีที่ลมหนาวจากจีนอีกระลอกพับลงมา ขณะที่วันพรุ่งนี้ (16 ต.ค.) ฝนจะลดลงและแทบไม่มีฝน

ส่วนคาดการณ์พายุมีอีก 2 ลูก เป็นดีเปรสชันจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนาม แต่มาไม่ถึงประเทศไทย เพราะจะเข้าลักษณะเดียวกับพายุเซินกา เมื่อขึ้นฝั่งจะถูกลมหนาวพัดลงทะเลไป ซึ่งถือว่าเป็นโชคดี เพราะขณะนี้น้ำใน จ.อุบลราชธานี ยังคงท่วม จากการคาดการณ์แนวโน้มจะท่วมไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้

นายชวลิต ยังอธิบายว่า จ.อุบลราชธานี เป็นจุดรวมของแม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ซึ่งจากแผนที่ของจิสด้า พบว่า น้ำยังคงค้างอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ต้องใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ กว่าจะไหลลงมา และตอนนี้สถานการณ์ถือว่าดีที่ระดับน้ำที่เข้ามาและน้ำที่ระบายออกในปริมาณใกล้เคียงกัน ระดับน้ำจะไม่สูงขึ้น แต่จะทรงตัว ดังนั้น ในช่วง 2 อาทิตย์นี้ ต้องประคับประคองสถานการณ์ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ทั้งเรื่องของอุปโภคบริโภคด้วย

ส่วนที่พิบูลมังสาหาร มีแก่งสะพือ ที่ทำให้ปริมาณน้ำติดอยู่บริเวณนั้น แม้ระดับน้ำโขงไม่มาก ซึ่งมีลักษณะเดียวกับปีที่แล้วที่โดนพายุเตี้ยนหมู่ ทำให้น้ำท่วมขังที่ จ.อุบลราชธานี เป็นระยะเวลานาน จึงเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไขและระบายน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว

นายชวลิต ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับฤดูหนาวในปีนี้จะมีสภาพอากาศหนาวเย็น เนื่องจากอยู่ในย่านลานีญาที่มีน้ำมาก ก็จะส่งผลให้อากาศหนาวมากเช่นกัน ซึ่งการที่มีอากาศหนาวครั้งนี้ ส่งผลดีที่ทำให้พายุเบาลง. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]