อธิบดีกรมสุขภาพจิตแนะแม่ผู้ก่อเหตุออกจากพื้นที่เลี่ยงปะทะ

สธ. 10 ต.ค. –  อธิบดีกรมสุขภาพจิตแนะแม่ผู้ก่อเหตุออกจากพื้นที่เลี่ยงปะทะ หลังคนในชุมชนขับไล่ เหตุสะเทือนใจเห็นหน้านึกถึงเหตุการณ์ เบื้องต้นสั่งนักจิตวิทยาตามประกบ ขณะเดียวกันผลการสำรวจจิตใจญาติผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต มี 10 คน เสี่ยงทำร้ายตัวเอง พร้อมวอนเลี่ยงใช้คำว่า “กราดยิง” หวั่นเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ  


พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า แบ่งการดูแลสภาพจิตใจทั้งครอบครัวผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต 37 ครอบครัว โดยเน้นการเข้าดูแลแบบ 3 ระยะ คือ 1.แบบทันที 2.ดูแลแบบต่อเนื่อง 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันบาดแผลทางใจ แต่ห่วงว่าหลังจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบดูแล และกลับไปดำเนินการปกติ ครอบครัวผู้สูญเสียต้องอยู่ลำพังอาจต้องเผชิญกับภาวะโดดเดี่ยว 3.ต้องดูแลต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน   เบื้องต้นพบผู้ได้รับผลกระทบทางตรง 170 คน เสี่ยงทำร้ายตัวเอง 10 คน ส่วนกรณีชาวบ้านในพื้นที่ไล่แม่ผู้ก่อเหตุออกจากหมู่บ้าน อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน ครอบครัวผู้ก่อเหตุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่จะทำร้ายตัวเองเช่นกัน ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ดังนั้น การหลบเลี่ยงแยกตัวออกจากพื้นที่อาจเป็นทางเลือกที่ดีในการลดการปะทะ และถือว่าเป็นการเลี่ยงที่ต้องเผชิญกับเรื่องเสียใจ

พญ.อัมพร กล่าวว่า จากนี้ขอให้สื่อมวลชนและทุกฝ่ายเลี่ยงใช้คำว่า “เหตุกราดยิง” เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันเหตุการณ์เลียนแบบ และไม่ให้เกิดการตีตราชาวหนองบัวลำภู เกิดการฉายภาพซ้ำ โดยขอให้คำว่าเหตุการณ์เมื่อวันที่…  เพื่อบอกเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย ส่วนกรณีผู้ปกครองยังหวาดระแวงไม่อยากนำลูกหลานไปโรงเรียน ยอมรับว่าเป็นธรรมดา โดยเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องฝืน และในพื้นที่ต้องทำความเข้าใจ มีการทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อให้เกิดความไว้วางใจกันในพื้นที่ ทั้งผู้ปกครองและครู พร้อมเตรียมแกะรอยชันสูตรทางด้านจิตใจ เพื่อสาเหตุความรุนแรง แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย