เตือนภาคกลางรับมืออิทธิพล “โนรู” คาดน้ำลงเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ล้าน ลบ.ม.

กรุงเทพฯ 29 ก.ย.-“เสรี ศุภราทิตย์” เตือนภาคกลางรับมืออิทธิพลพายุ “โนรู” คาดมีน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ต้องเร่งระบายออกต่อเนื่องเป็น 10 วัน ในอัตรา 2,500-3,000 ลบ.ม./วินาที บางพื้นที่อย่างอยุธยา อาจน้ำท่วมยาวไปจนถึงปีใหม่


ในงานเสวนาหัวข้อสภาวะอากาศสุดขั้ว? รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต บอกว่า จากการติดตามข้อมูลเรื่องสภาพอากาศ “พายุโนรู” วันนี้ช่วง 14.00 น. เคลื่อนผ่าน จ.เพชรบูรณ์ แม้จะอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังทำให้เกิดฝนตกหนักลมแรงอยู่ โดยจะสิ้นสุดในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะเคลื่อนตัวผ่าน จ.เชียงใหม่ เชียงราย

สำหรับสถานการณ์น้ำที่จะเกิดอิทธิพลของพายุโนรู ในส่วนของเขื่อนป่าสัก ต้องรอดูอิทธิพลจากพายุโนรูเมื่อเข้าสู่ จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงบ่ายวันนี้ด้วยว่าจะสร้างผลกระทบหนักขนาดไหน โดยขณะนี้เขื่อนป่าสักมีน้ำอยู่ราว 400 ประเมินว่าอิทธิพลจากพายุลูกนี้จะทำให้มีน้ำลงมา 600 ซึ่งความสามารถที่เขื่อนป่าสักรับได้คือ 900 ฉะนั้นถ้าสมมุติมีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา 2,500 ลบ.ม./วินาที เขื่อนป่าสักปล่อยลงมาอีก 1,000 ลบ.ม./วินาที กลายเป็น 3,500 ลบ.ม./วินาที ก็จะส่งผลกระทบวิกฤตต่อพื้นที่ กทม.และปริมณฑล สถานการณ์ขณะนี้จึงไม่ยังน่าไว้ใจ พร้อมย้ำอย่าไปยึดติดเฉพาะกับตัวเลขปริมาณน้ำ แม้ตัวเลขจะน้อยกว่านี้ แต่ก็สร้างความเสียหายแล้ว จึงควรให้ความสำคัญกับระดับน้ำมากกว่าปริมาณน้ำ


ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอิทธิพลจากพายุโนรูจะทำให้มีน้ำไหลลงมาที่เขื่อนเจ้าพระยาราว 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายน้ำออกอย่างน้อย 10 วัน ถ้าไม่มีพายุลูกอื่นเข้ามาเพิ่ม ในอัตราการระบายที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที หรือ 3,000 ลบ.ม./วินาที แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะหนักกว่าปี 54 เพราะปริมาณน้ำน้อยกว่า แต่มันอยู่ในระดับถึงจุดที่สร้างความเสียหายได้แล้ว

ในช่วง 15 วันนี้ต่อจากนี้ จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะพัฒนาไปเป็นพายุหรือเปล่า แต่ระยะสั้นที่สุดช่วง 1-3 ต.ค.นี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีฝนตกหนัก จากหย่อมความกดอากาศต่ำในอันดามันและอ่าวไทย ฉะนั้นควรต้องวางแผนให้ดี จากนั้นก็จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเข้ามาอีกเรื่อยๆ ส่วนจะรุนแรงเพียงใด ยังต้องรอประเมินสัปดาห์ต่อสัปดาห์

สำหรับปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะเกิด 23 ลูก ขณะนี้เกิดไปแล้ว 15-16 ลูก เหลืออีก 7 ลูก แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าประเทศไทยสักเท่าไร ขณะที่ความรุนแรงในภาพรวม จำนวนพายุที่จะเกิดไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ในจำนวนพายุ 20 กว่าลูก เมื่อก่อนอาจเคยเป็นพายุไต้ฝุ่นสัก 7 ลูก อนาคตจะเพิ่มเป็นไต้ฝุ่นสัก 8-9 ลูก และพัฒนากลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น โดยจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 20% เราอาจจะเจอคล้ายกับพายุไต้ฝุ่นเกย์ และลินดา เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในภาคใต้บ่อยขึ้น


ที่น่าห่วงคือ พื้นที่ภาคกลาง ปีนี้น้ำมาเร็ว อย่างอยุธยาถูกน้ำท่วมมาแล้วเกือบ 2 เดือน แล้วมาเจอกับพายุโนรูอีก นอกจากฝนที่ตกสะสมในพื้นที่แล้ว ซึ่งต้องมารับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอีกเป็น 10 วัน ยังไม่รวมกับพายุลูกใหม่ หรืออิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำอื่นๆ อีก จึงทำให้เกิดน้ำท่วมยาวนาน ซึ่งอาจนานไปถึงช่วงปีใหม่ก็เป็นได้

ความแตกต่างของสถานการณ์น้ำในปีนี้กับปี54 คือ เมื่อปี 54 ฝนตกหนักมากทางภาคเหนือ ไหลลงแม่น้ำ แล้วก็หลากเข้าทุ่งต่างๆ สร้างความเสียหายเรื่อยมาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และยังมาเสริมด้วยเขื่อนต่างๆ ที่เร่งระบายน้ำออกอีก จึงทำให้น้ำท่วมหนัก แต่สำหรับปีนี้ไม่มี ภาคเหนือฝนตกน้อย แต่ฝนจะมาตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง น้ำจากทุ่งต่างๆ จะหลากลงแม่น้ำ พอหลากเข้ามาแล้วมาเจอกับพนังกั้นน้ำ ก็ระบายออกไม่ได้ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบออก ในขณะเดียวกัน เมื่อน้ำระบายออกไม่ได้ ก็จะไหลลงมาที่พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็ต้องมาสู้กันที่คลองรังสิต ที่เร่งสูบน้ำแบบเต็มกำลัง และคลองมหาสวัสดิ์ ที่พยายามเร่งระบายออกไปยังแม่น้ำท่าจีน เช่นเดียวกับคลองพระยาบันลือ ที่ต้องผันน้ำออกไปทางอื่น ฉะนั้นปีนี้ฝั่งแม่น้ำท่าจีนจะรับศึกหนัก เพราะจะมีการระบายน้ำออกไปทางโน้น เนื่องจากระบายออกทางขวาไม่ได้ เพราะมีพื้นที่เศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ไทยยังไม่ได้มีเครื่องมือในการช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม มีแต่การเร่งสร้างถนนและคันกั้นน้ำ ซึ่งยิ่งไปกีดขวางทางระบายน้ำ ฉะนั้นต่อจากนี้ควรเลิกสร้างถนนและคันกั้นน้ำสักที ควรทำให้คันมันกว้างและขยายขึ้น ให้น้ำมีพื้นที่ในการระบายออกได้มากขึ้น ตัวอย่างที่สิงคโปร์ ในพื้นที่เศรษฐกิจเขาทุบคันกั้นน้ำทิ้งหมด และสร้างสวนสร้างพื้นที่รับน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจแทน ซึ่งก็ช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมลงได้ ในอนาคตเราควรกลับไปสู่แนวทางที่ดูว่าธรรมชาติของพื้นที่สามารถรับได้สูงสุดเท่าไร

ในส่วนของการจัดการน้ำท่วม เรายังมีช่องว่าง เช่น พายุโนรู ปัญหาคือเรารู้ว่าพายุจะมา ฝนจะตกหนัก แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่จะถูกน้ำท่วมหรือเปล่า ท่วมระดับไหน ท่วมเท่าไร ท่วมนานเท่าไร หน่วยงานยังเกี่ยวกันอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าเทียบกับเมืองในต่างประเทศ แผนที่น้ำท่วมเขาออกมาแล้ว มีการส่งให้ประชาชนรับทราบผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ต้องหาเจ้าภาพให้เจอว่าเป็นหน้าที่ของหน่วยงานไหน ในส่วนตัวมองว่า ท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่ส่วนนี้ เพราะเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนขาดเครื่องมืออะไรก็ควรมีการร้องขอเข้ามา

สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะน่ากังวลตรงน้ำไม่ได้มาเหมือนตอนปี 54 แต่จะมีฝนตกหนักในพื้นที่ น้ำสูบออกลงคลองไม่ทัน น้ำก็ท่วม อาจจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ แต่จะไม่ยาวนานเป็น 2-3 เดือน

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของพายุโนรูนั่นกระทบโดยตรงในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งสุดท้ายน้ำจะไหลมาบรรจบในพื้นที่ภาคกลาง ต้องเตรียมรับน้ำเหนือที่จะหลากมาในอีก 10 วันหลังจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ขอเสนอให้แต่ละจังหวัดเตรียมตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแล และเป็นแหล่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้องให้ประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันการเกิดข่าวลวงจนสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นในสังคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กั้นแนวถนนบ้านหนองจาน ตามประกาศเคอร์ฟิว

สระแก้ว 27 ส.ค. – มวลชนชาวไทยร่วมร้องเพลงชาติ ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เมื่อเวลา 18.00 น. จากนั้นทหารขอความร่วมมือให้ออกนอกพื้นที่ ตามประกาศเคอร์ฟิว ก่อนนำลวดหนามและเครื่องกีดขวาง กั้นแนวขอบถนนศรีเพ็ญ ห้ามผู้ใดข้ามไป เพื่อความปลอดภัย. – สำนักข่าวไทย

ดินถล่มหมู่บ้าน อ.แม่แจ่ม ตาย 3 สูญหาย 6

เชียงใหม่ 27 ส.ค. – ฝนที่ตกหนักจากฤทธิ์ของพายุ “คาจิกิ” ทำให้เกิดดินถล่มในหมู่บ้านปางอุ๋ง ซึ่งอยู่บนดอยสูง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย บาดเจ็บ 15 ราย และยังสูญหายอีก 6 ราย สภาพหมู่บ้านเต็มไปด้วยดินโคลนที่ถล่มลงมาทับบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลัง. – สำนักข่าวไทย

“มาริษ” แจงข้าหลวงใหญ่ UN ปมกัมพูชา

สวิตเซอร์แลนด์ 27 ส.ค.-“มาริษ” เผยคุยรองข้าหลวงใหญ่ UN ปมไทย-กัมพูชา สัญญาณบวก เข้าใจไทยไม่ทำผิดกติการะหว่างประเทศ ไม่เห็นด้วย “ฮุน เซน” อัดเสียงคุยนายกฯ และการใช้สงครามข่าวปลอม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบหารือกับนางนาดา อัล-นาชิฟ (Nada Al-Nashif) รองข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อแสดงข้อมูลหลักฐานและชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือว่า ได้เล่าให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ฟังถึงการละเมิดสิทธิมนุษยชนของกัมพูชาในหลายประเด็น ซึ่งรองข้าหลวงใหญ่ฯมีความเห็นที่สนับสนุนประเทศไทยในหลายเรื่อง และมีท่าทีที่เป็นห่วงประเทศไทยมาก ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการที่กัมพูชาใช้โซเชียลมีเดียโจมตีไทยมานานแล้ว มีการให้ข้อมูลว่าไทยลอกเลียนแบบวัดและประวัติศาสตร์ของกัมพูชา ซึ่งไทยพยายามแก้ไขปัญหานี้ด้วยความอดทนอดกลั้น และพยายามชี้แจงให้เห็นว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งกันมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมเดียวกัน ไทยต้องการแก้ไขปัญหาไม่ต้องการแสดงความร้าวฉานระหว่างชุมชนและ ประชาชนของทั้งสองประเทศ และเมื่อปัญหาคุกรุ่นมากขึ้นไทยก็พยายาม แก้ปัญหาด้วยการให้กัมพูชามาพูดคุยแบบทวิภาคี เป็นการอธิบายให้รองข้าหลวงใหญ่ฯ ได้เข้าใจว่าไทยปฏิบัติตามกติกา ยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ และพยายามหาทางให้กัมพูชามาพูดคุยกับไทย ซึ่งไทยกับกัมพูชามีข้อตกลง MOU43 ที่ทั้งสองประเทศจะต้องแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติวิธี และด้วยความจริงใจ นับเป็นกลไกที่องค์การสหประชาชาติให้ความสำคัญ คือการเจรจาทวิภาคีโดยสันติและจริงใจ โดยไทยยึดมั่นมาโดยตลอด และเป็นเป้าหมายที่สำคัญของไทย นายมาริษ กล่าวว่าตนได้หยิบยกประเด็นที่สมเด็จฮุน เซน อัดเสียงพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีของไทย และนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง […]

“ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว

ศาลอาญาฯ 27 ส.ค. – “ทิดอลงกต-หมอบี” นอนคุก ศาลไม่ให้ประกันตัว เหตุคดีมีอัตราโทษสูง และมีทรัพย์สินมูลค่าความเสียหายสูง พนักงานสอบสวน กองกำกับการ 5 กองบังคับการป้องกันปราบปราม ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอฝากขังครั้งแรก พระราชวิสุทธิประชานาถ หรือนายอลงกต พูลมุข ผู้ต้องหาที่ 1 และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ผู้ต้องหาที่ 2 ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยินยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยทุจริต, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ความผิดกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่รักษาทรัพย์ใดฯ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ, ฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอนุญาตให้ฝากขัง 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้ โดยผู้ต้องหาที่ 1 ไม่ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นนี้ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 […]