เตือนภาคกลางรับมืออิทธิพล “โนรู” คาดน้ำลงเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ล้าน ลบ.ม.

กรุงเทพฯ 29 ก.ย.-“เสรี ศุภราทิตย์” เตือนภาคกลางรับมืออิทธิพลพายุ “โนรู” คาดมีน้ำไหลลงเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ต้องเร่งระบายออกต่อเนื่องเป็น 10 วัน ในอัตรา 2,500-3,000 ลบ.ม./วินาที บางพื้นที่อย่างอยุธยา อาจน้ำท่วมยาวไปจนถึงปีใหม่


ในงานเสวนาหัวข้อสภาวะอากาศสุดขั้ว? รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต บอกว่า จากการติดตามข้อมูลเรื่องสภาพอากาศ “พายุโนรู” วันนี้ช่วง 14.00 น. เคลื่อนผ่าน จ.เพชรบูรณ์ แม้จะอ่อนกำลังลง แต่ก็ยังทำให้เกิดฝนตกหนักลมแรงอยู่ โดยจะสิ้นสุดในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะเคลื่อนตัวผ่าน จ.เชียงใหม่ เชียงราย

สำหรับสถานการณ์น้ำที่จะเกิดอิทธิพลของพายุโนรู ในส่วนของเขื่อนป่าสัก ต้องรอดูอิทธิพลจากพายุโนรูเมื่อเข้าสู่ จ.เพชรบูรณ์ ในช่วงบ่ายวันนี้ด้วยว่าจะสร้างผลกระทบหนักขนาดไหน โดยขณะนี้เขื่อนป่าสักมีน้ำอยู่ราว 400 ประเมินว่าอิทธิพลจากพายุลูกนี้จะทำให้มีน้ำลงมา 600 ซึ่งความสามารถที่เขื่อนป่าสักรับได้คือ 900 ฉะนั้นถ้าสมมุติมีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา 2,500 ลบ.ม./วินาที เขื่อนป่าสักปล่อยลงมาอีก 1,000 ลบ.ม./วินาที กลายเป็น 3,500 ลบ.ม./วินาที ก็จะส่งผลกระทบวิกฤตต่อพื้นที่ กทม.และปริมณฑล สถานการณ์ขณะนี้จึงไม่ยังน่าไว้ใจ พร้อมย้ำอย่าไปยึดติดเฉพาะกับตัวเลขปริมาณน้ำ แม้ตัวเลขจะน้อยกว่านี้ แต่ก็สร้างความเสียหายแล้ว จึงควรให้ความสำคัญกับระดับน้ำมากกว่าปริมาณน้ำ


ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอิทธิพลจากพายุโนรูจะทำให้มีน้ำไหลลงมาที่เขื่อนเจ้าพระยาราว 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาในการระบายน้ำออกอย่างน้อย 10 วัน ถ้าไม่มีพายุลูกอื่นเข้ามาเพิ่ม ในอัตราการระบายที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที หรือ 3,000 ลบ.ม./วินาที แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าสถานการณ์จะหนักกว่าปี 54 เพราะปริมาณน้ำน้อยกว่า แต่มันอยู่ในระดับถึงจุดที่สร้างความเสียหายได้แล้ว

ในช่วง 15 วันนี้ต่อจากนี้ จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเกิดขึ้นอีกมากมาย ซึ่งไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าจะพัฒนาไปเป็นพายุหรือเปล่า แต่ระยะสั้นที่สุดช่วง 1-3 ต.ค.นี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีฝนตกหนัก จากหย่อมความกดอากาศต่ำในอันดามันและอ่าวไทย ฉะนั้นควรต้องวางแผนให้ดี จากนั้นก็จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำเข้ามาอีกเรื่อยๆ ส่วนจะรุนแรงเพียงใด ยังต้องรอประเมินสัปดาห์ต่อสัปดาห์

สำหรับปีนี้มีการคาดการณ์ว่าจะเกิด 23 ลูก ขณะนี้เกิดไปแล้ว 15-16 ลูก เหลืออีก 7 ลูก แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าประเทศไทยสักเท่าไร ขณะที่ความรุนแรงในภาพรวม จำนวนพายุที่จะเกิดไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ในจำนวนพายุ 20 กว่าลูก เมื่อก่อนอาจเคยเป็นพายุไต้ฝุ่นสัก 7 ลูก อนาคตจะเพิ่มเป็นไต้ฝุ่นสัก 8-9 ลูก และพัฒนากลายเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่น โดยจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเป็น 20% เราอาจจะเจอคล้ายกับพายุไต้ฝุ่นเกย์ และลินดา เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในภาคใต้บ่อยขึ้น


ที่น่าห่วงคือ พื้นที่ภาคกลาง ปีนี้น้ำมาเร็ว อย่างอยุธยาถูกน้ำท่วมมาแล้วเกือบ 2 เดือน แล้วมาเจอกับพายุโนรูอีก นอกจากฝนที่ตกสะสมในพื้นที่แล้ว ซึ่งต้องมารับผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาอีกเป็น 10 วัน ยังไม่รวมกับพายุลูกใหม่ หรืออิทธิพลจากหย่อมความกดอากาศต่ำอื่นๆ อีก จึงทำให้เกิดน้ำท่วมยาวนาน ซึ่งอาจนานไปถึงช่วงปีใหม่ก็เป็นได้

ความแตกต่างของสถานการณ์น้ำในปีนี้กับปี54 คือ เมื่อปี 54 ฝนตกหนักมากทางภาคเหนือ ไหลลงแม่น้ำ แล้วก็หลากเข้าทุ่งต่างๆ สร้างความเสียหายเรื่อยมาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ และยังมาเสริมด้วยเขื่อนต่างๆ ที่เร่งระบายน้ำออกอีก จึงทำให้น้ำท่วมหนัก แต่สำหรับปีนี้ไม่มี ภาคเหนือฝนตกน้อย แต่ฝนจะมาตกหนักในพื้นที่ภาคกลาง น้ำจากทุ่งต่างๆ จะหลากลงแม่น้ำ พอหลากเข้ามาแล้วมาเจอกับพนังกั้นน้ำ ก็ระบายออกไม่ได้ ต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบออก ในขณะเดียวกัน เมื่อน้ำระบายออกไม่ได้ ก็จะไหลลงมาที่พื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ก็ต้องมาสู้กันที่คลองรังสิต ที่เร่งสูบน้ำแบบเต็มกำลัง และคลองมหาสวัสดิ์ ที่พยายามเร่งระบายออกไปยังแม่น้ำท่าจีน เช่นเดียวกับคลองพระยาบันลือ ที่ต้องผันน้ำออกไปทางอื่น ฉะนั้นปีนี้ฝั่งแม่น้ำท่าจีนจะรับศึกหนัก เพราะจะมีการระบายน้ำออกไปทางโน้น เนื่องจากระบายออกทางขวาไม่ได้ เพราะมีพื้นที่เศรษฐกิจและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ ไทยยังไม่ได้มีเครื่องมือในการช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม มีแต่การเร่งสร้างถนนและคันกั้นน้ำ ซึ่งยิ่งไปกีดขวางทางระบายน้ำ ฉะนั้นต่อจากนี้ควรเลิกสร้างถนนและคันกั้นน้ำสักที ควรทำให้คันมันกว้างและขยายขึ้น ให้น้ำมีพื้นที่ในการระบายออกได้มากขึ้น ตัวอย่างที่สิงคโปร์ ในพื้นที่เศรษฐกิจเขาทุบคันกั้นน้ำทิ้งหมด และสร้างสวนสร้างพื้นที่รับน้ำในพื้นที่เศรษฐกิจแทน ซึ่งก็ช่วยลดความเสียหายจากน้ำท่วมลงได้ ในอนาคตเราควรกลับไปสู่แนวทางที่ดูว่าธรรมชาติของพื้นที่สามารถรับได้สูงสุดเท่าไร

ในส่วนของการจัดการน้ำท่วม เรายังมีช่องว่าง เช่น พายุโนรู ปัญหาคือเรารู้ว่าพายุจะมา ฝนจะตกหนัก แต่ไม่รู้ว่าพื้นที่ที่ตัวเองอาศัยอยู่จะถูกน้ำท่วมหรือเปล่า ท่วมระดับไหน ท่วมเท่าไร ท่วมนานเท่าไร หน่วยงานยังเกี่ยวกันอยู่หรือเปล่า แต่ถ้าเทียบกับเมืองในต่างประเทศ แผนที่น้ำท่วมเขาออกมาแล้ว มีการส่งให้ประชาชนรับทราบผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ต้องหาเจ้าภาพให้เจอว่าเป็นหน้าที่ของหน่วยงานไหน ในส่วนตัวมองว่า ท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดต้องทำหน้าที่ส่วนนี้ เพราะเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ส่วนขาดเครื่องมืออะไรก็ควรมีการร้องขอเข้ามา

สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะน่ากังวลตรงน้ำไม่ได้มาเหมือนตอนปี 54 แต่จะมีฝนตกหนักในพื้นที่ น้ำสูบออกลงคลองไม่ทัน น้ำก็ท่วม อาจจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ แต่จะไม่ยาวนานเป็น 2-3 เดือน

อย่างไรก็ตาม เส้นทางของพายุโนรูนั่นกระทบโดยตรงในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งสุดท้ายน้ำจะไหลมาบรรจบในพื้นที่ภาคกลาง ต้องเตรียมรับน้ำเหนือที่จะหลากมาในอีก 10 วันหลังจากนี้ สิ่งสำคัญคือ ขอเสนอให้แต่ละจังหวัดเตรียมตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้ดูแล และเป็นแหล่งข้อมูลประชาสัมพันธ์ที่ถูกต้องให้ประชาชนในพื้นที่เพื่อป้องกันการเกิดข่าวลวงจนสร้างความตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นในสังคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

กทม. 19 ก.ย.-คุณหญิงกัลยา ลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ผ่านมา คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่า “ข้าพเจ้า คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ขอเรียนแจ้งความประสงค์ในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตลอดเวลาที่ผ่านมาในการที่ข้าพเจ้าได้เป็นส่วนหนึ่งของพรรค ข้าพเจ้าได้รับเกียรติและประสบการณ์อันทรงคุณค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการที่ข้าพเจ้าได้มีโอกาสร่วมผลักดันนโยบายด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา และการสร้างโอกาสให้เยาวชนประสบความสำเร็จ รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เพื่อแก้จน แก้หลาก และแก้แล้ง อันช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งล้วนเป็นประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่า “การศึกษา คือรากฐานสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนและชาติ” จึงตั้งใจจะอุทิศเวลาและความรู้ ความสามารถทั้งหมดต่อจากนี้ เพื่อพัฒนาการศึกษาไทย สร้างโอกาสที่เท่าเทียม และขับเคลื่อนการเรียนรู้สู่ความยั่งยืนต่อไป ขอขอบพระคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มอบโอกาสและความไว้วางใจเสมอมา ข้าพเจ้าขอส่งความปรารถนาดีต่อพรรคประชาธิปัตย์ ให้ประสบความสำเร็จในภารกิจเพื่อประชาชนและประเทศชาติสืบไป”.-315.-สำนักข่าวไทย

พายุดีเปรสชันทวีกำลังเป็นโซนร้อน “มิแทก” ส่งผลไทยฝนเพิ่ม

กรุงเทพฯ​ 19 ก.ย.​-กรมอุตุฯ เผย​พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “มิแทก” (MITAG) แล้วบ่าย​วานนี้ แม้ไม่เคลื่อนเข้าไทยโดยตรง แต่ส่งผลกระทบทางอ้อม ตอนกลางประเทศ​ฝนเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังพายุอีกลูกช่วงปลายเดือนนี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ขณะนี้​พายุโซนร้อน “มิแทก” มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 21.8 องศาเหนือ ลองจิจูด 116.3 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งทางตะวันออกของประเทศจีนตอนใต้ในวันนี้​(19 กันยายน) แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งผลทางอ้อม ทำให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นมาพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะระหว่างวันที่ 19–26 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น […]

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]