กรุงเทพฯ 29 ก.ย.- “แพรรี่” แนะภิกษุณีสุทัสสนา หรือ “หมอปลาย” ขอรับบริจาคตรงๆ ยังเสื่อมเสียน้อยกว่าขายสบู่ ชี้ขายต่อได้เป็นสิทธิ์ แต่คงไม่ศรัทธา
นายไพรวัลย์ วรรณบุตร หรือแพรรี่ กล่าวถึงกรณีที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเตือนภิกษุณีสุทัสสนา หรือ “หมอปลาย” ที่ไลฟ์ขายสบู่น้ำมนต์เพื่อนำเงินถวายวัดที่ศรีลังกา เนื่องจากเกิดวิกฤติ ว่าเป็นการถวายคำแนะนำภิกษุปลายด้วยความปรารถนาดี เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยไปออกรายการด้วยกัน ถ้าหากภิกษุณีปลายไม่ถือโทษโกรธก็คงจะได้อะไรจากการถวายคำแนะนำไป เพราะเห็นว่าตั้งใจจะออกบวชแล้วก็ควรได้อะไรกลับมา แต่คงไม่มีการติดต่อหรือทักไปแนะนำเป็นการส่วนตัว เพราะไม่มีช่องทางติดต่อ ก็ใช้สื่อออนไลน์ทางเพจเท่านั้น
ส่วนกรณีที่ภิกษุณีปลาย แถลงชี้แจงว่าที่ศรีลังกาทำได้ และขออนุญาตพระสงฆ์ที่ดูแลแล้วนั้น มองว่าภิกษุณีปลายมีคนที่นับถืออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไลฟ์ขายสบู่ก็มีคนที่พร้อมจะทำบุญด้วย ส่วนตัวไม่อยากให้นักบวชหรือใครก็ตามใช้ข้ออ้างในการทำสินค้าอะไรขึ้นมาและใช้ความเชื่อความศรัทธาทางศาสนามาปลุกเสกวัตถุมงคล ทำน้ำมนต์ และอวดอ้างสรรพคุณว่าสามารถแก้คุณไสย แก้อะไรต่างๆได้ และอ้างว่าที่ทำเพราะต้องการเงินไปช่วยเหลือวัด เพราะระดับภิกษุปลายไม่ต้องทำแบบนี้ก็ช่วยได้ หรือหากบอกตรงๆ ใช้ช่องทางบริจาคคนก็พร้อมจะทำบุญด้วย
ส่วนที่ภิกษุณีปลายอ้างว่าไม่อยากขอ ไม่ใช่คนขี้ขอนั้น มองว่าการขอรับบริจาคเสื่อมเสียน้อยกว่าการขายของ เพราะไม่ได้ขอเพื่อตัวเอง แต่ขอให้องค์กรทางศาสนา ซึ่งเป็นของส่วนร่วม ทำไมจะขอไม่ได้ และไม่ได้เป็นการบังคับให้บริจาค แต่หากญาติโยมเห็นว่าวัดที่ศรีลังกาเกิดวิกฤติจริงๆ ก็คงพร้อมจะช่วยเหลืออยู่แล้ว อย่างที่ผ่านมาหลวงพ่อพยอมหรือหลวงพ่ออลงกต แห่งวัดพระบาทน้ำพุ ก็ไม่เคยต้องทำสิ่งของปลุกเสกมาขายให้คนบูชา
ส่วนที่สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติไม่ออกมาเคลื่อนไหวกรณีภิกษุณีปลายนั้น เพราะเห็นแต่แรกแล้วว่าทำไม่ได้ เพราะไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ภิกษุณีปลายไม่ได้สังกัดในคณะสงฆ์ไทย มหาเถรสมาคมไม่มีอำนาจในการจัดการหรือไปลงโทษ
อย่างไรก็ตาม หากภิกษุณีปลาย ยังคงจะไลฟ์ขายสบู่น้ำมนต์ต่อ ก็เป็นสิทธิ์ของท่าน ซึ่งตนเองก็ทำได้แค่ถวายคำแนะนำและวิจารณ์ ส่วนใครจะซื้อก็ซื้อไป แต่ถ้าขายต่อตนเองก็ไม่ศรัทธาภิกษุณีแบบนี้ และคงไม่ซื้อของที่นำมาขายด้วย.-สำนักข่าวไทย