BIG STORY : เร่งล่าฆ่าโหดหนุ่มต่างชาติ ลากศพทิ้งร้านอาหารร้างข้างสุวรรณภูมิ

สมุทรปราการ 25 ก.พ. –เร่งหาเบาะแสคนร้ายฆ่าโหดหนุ่มต่างชาติ ลากศพทิ้งห้องครัวร้านอาหารเก่า ข้างสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้เบาะแสทะเบียนรถแล้ว ด้านช่างสักพัทยา ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ตำรวจมั่นใจปิดคดีนี้ได้ภายใน 3-5 วัน


ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายสืบสวน แพทย์เวร และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจสอบบริเวณห้องครัวของร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งปิดกิจการไปแล้ว ตั้งอยู่ริมถนนสุวรรณภูมิสาย 4 ข้างสนามบินสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งพบชายเสียชีวิตปริศนา

จากการตรวจสอบสภาพศพ สวมเสื้อยีดสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมถุงเท้า พบเงินติดตัว 3,100 บาท ที่ใบหน้ามีคราบเลือด ด้านหลังร้าน มีรอยเลือดเป็นทางยาว ในลักษณะมีการลากศพเข้ามาจากด้านหลังมาไว้บริเวณห้องครัว นอกจากนี้ยังพบบาดแผลกระสุนปืนไม่ทราบขนาด ยิงเข้าที่ศีรษะ 2 นัด มีร่องรอยกระสุนเข้าออก 3 รู สันนิษฐานเบื้องต้นอาจเป็นชาวต่างชาติแถบเอเชีย ผิวขาว เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมง ส่วนผู้ก่อเหตุยังไม่ทราบว่าเป็นกลุ่มใด แต่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน


ขณะที่นายดิรก อายุ 27 ปี พนักงานเก็บขยะของสนามบิน เล่าว่า ก่อนพบศพชายคนดังกล่าว ตนเข้ามานั่งกินข้าวช่วงพักกลางวันที่บริเวณนี้เป็นประจำทุกวัน แต่ขณะก้มเก็บของ สายตาเหลือบไปเห็นรอยเลือดยาว เข้าไปทางห้องครัว จึงเดินเข้าไปดู พบร่างชายนอนแน่นิ่ง จึงรีบวิ่งออกมาขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ สำหรับจุดเกิดเหตุ เป็นพื้นที่หวงห้าม ไม่ให้คนนอกเข้า

นายนพฤกษ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้ข้อมูลว่า เมื่อเวลาประมาณ 7.00 น.วันนี้ เห็นรถเก๋งมาสด้า 2 สีแดง ไม่ทราบทะเบียน วิ่งเข้ามาจอดบริเวณที่พบศพ จากนั้นจึงบีบแตรไล่ เนื่องจากเป็นจุดหวงห้าม ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะขับออกไป แต่ก็ยังวนกลับเข้ามาอีกรอบ พอเห็นตน ก็วนรถออกไป

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า เบื้องต้น ผู้เสียชีวิตไม่มีเอกสารติดตัว จึงยังไม่ทราบว่าเป็นใครมาจากไหน และประเด็นการก่อเหตุยังไม่ทราบว่ามาจากเรื่องใด ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวน สภ.ท่าอากาศสุวรรณภูมิ และฝ่ายสืบสวน ภ.จว.สมุทรปราการ กระจายกำลังเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง รวมถึงพยานแวดล้อมต่างๆ และประสานเจ้าหน้าที่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบประวัติย้อนหลัง เพื่อดูอัตลักษณ์ของบุคคล ลักษณะรอยสักว่าเป็นกลุ่มของคนชาติใด รวมถึงนำเงินสกุลไทยที่ในประเป๋า 3,100 บาท ไปตรวจสอบดีเอ็นเอ เพื่อหาจุดเชื่อมโยงและเบาแสของผู้ก่อเหตุ


ขณะที่เพจข่าวสารเมืองปราการ ลงข้อมูลเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรอยสักของผู้ตาย ปรากฏว่ามีช่างสักลายคนหนึ่งจำหน้าตาและรอยสักที่สักให้กับผู้ตายได้ ออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่าผู้ตายเป็นชาวไต้หวัน ไม่ทราบชื่อ แต่จำรอยสักนี้ได้ พร้อมทั้งส่งรูปถ่ายใบหน้าและรอยสักมาเทียบกับผู้ตาย ซึ่งปรากฏว่าเป็นรอยสักเดียวกันจริง สักมาจากร้านย่านพัทยา จ.ชลบุรี

ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมเปิดเผยความคืบหน้าทางคดี พบเบาะแสสำคัญหลายอย่าง เช่น ทะเบียนรถต้องสงสัยที่ก่อเหตุ ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนทราบหมายเลขทะเบียน และชื่อผู้ครอบครองแล้ว เป็นหญิงชาวปทุมธานี ส่วนเส้นทางก่อนพบศพ และหลังจากพบศพ พบว่ารถคันดังกล่าวขับใช้ถนนสายลาดกระบังมุ่งหน้าเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ สาย 4 ตรงไปจุดเกิดเหตุ โดยขับเข้ามาวนดูพื้นที่ก่อนช่วงตี 3 ก่อนจะมาทิ้งศพ หรืออาจจะลงมือฆ่าในจุดดังกล่าวช่วงเช้าที่ผ่านมา หลังก่อเหตุใช้เส้นทางผ่านสนามบินขึ้นมอเตอร์เวย์ออกร่มเกล้า มุ่งหน้ามีนบุรี ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามเส้นทางหลบหนีของรถคันดังกล่าวแล้ว

ตร.มั่นใจปิดคดีนี้ได้ภายใน 3-5 วัน
ส่วนข้อมูลของผู้เสียชีวิต มีร้านสักออกมาให้ข้อมูลจากการตรวจสอบทราบว่า ป็นชาวไต้หวัน แต่ยังไม่ทราบชื่อและนามสกุลที่ชัดเจน กำลังให้ผู้เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล ขณะเดียวกัน ได้แต่งตั้งให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เป็นหัวหน้าทีมคลี่คลายคดีนี้ และตั้งชุดสืบสวนทั้งตำรวจภูธรจังหวัด สืบภาค 1 สืบ ตม. สืบท่องเที่ยว และสืบพื้นที่ บูรณาการแบ่งงานเร่งหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้ ส่วนประเด็นสังหารยังไม่สามารถให้น้ำหนักเรื่องใดได้จนกว่าจะทราบผู้เสียชีวิตเป็นใคร แต่ ยืนยันไม่น่าเกี่ยวข้องกับแก๊งยากูซ่า มั่นใจจะสามารถปิดคดีนี้ได้ภายใน 3-5 วัน . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]