รวบสองพี่น้องชิงทรัพย์-ยิงผู้เสียหายเสียชีวิต พบมีคดีติดตัวเพียบ

14 ส.ค. – ตำรวจตามรวบตัวสองพี่น้องจี้ชิงทรัพย์สามีภรรยาที่ชลบุรี ก่อนยิงฝ่ายชายเสียชีวิต พบประวัติก่อคดีโชกโชนและมีคดีติดตัวเพียบ


ภาพเหตุการณ์ขณะตำรวจเข้าจับกุมสองพี่น้อง คือ นายนราธิป อายุ 30 ปี และ นายชยณัฐ อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้นออโตเมติกแบบไทยประดิษฐ์ ขนาด .380 รถเก๋ง 2 คัน และทรัพย์สินของกลางที่ได้มาจากการชิงทรัพย์หลายรายการ

ตำรวจตามจับกุมตัวสองพี่น้องได้บริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมตั้งข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ผู้อื่นเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน”


พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แถลงว่า ทั้งสองพี่น้องก่อคดีมาแล้วหลายครั้ง โดย 2 ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ชิงทรัพย์ นายสหรัตน์ ขณะจอดรถเก๋ง ทะเบียนนครราชสีมา รอลูกค้าอยู่บริเวณถนนสาย 3 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ลลบุรี โดยใช้อาวุธปืนจี้บังคับผู้เสียหายให้ขึ้นรถของผู้เสียหายเอง แล้วขับพาไปที่เปลี่ยว บังคับให้ผู้เสียหายลงจากรถเข้าไปนอนอยู่ในกระโปรงหลังรถ แล้วขับพาผู้เสียหายไปปล่อยทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยบอกให้ผู้เสียหายวิ่งหนีไปให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นจะใช้อาวุธปืนยิง จากนั้นนำรถยนต์และทรัพย์สินในรถมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และเงินสด 1,000 บาท ของผู้เสียหาย หลบหนีไป

ต่อมาวันที่ 12 สิงหาคม ทั้งสองพี่น้องยังไปชิงทรัพย์นายปิยวัฒน์และ น.ส.ธัญญารัตน์ แฟนสาว ขณะขับรถไปจอดบริเวณลานจอดรถใกล้ที่พักในพื้นที่ สภ.แหลมฉบัง มีคนร้ายเป็นชาย 2 คน เดินเข้ามาหาและใช้อาวุธปืนจี้ผู้เสียหายทั้งสอง บังคับให้ส่งกระเป๋าสะพายให้ นายปิยวัฒน์ขัดขืนและมีการยื้อแย่งกัน หนึ่งในคนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ศีรษะของนายปิยวัฒน์ล้มลง ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นแย่งกระเป๋าสะพายซึ่งภายในมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง หูฟัง และเงินสดไม่ทราบจำนวน แล้วขับรถเก๋งหลบหนีไป ต่อมานายปิยวัฒน์ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาล

จากการตรวจสอบประวัติพบว่าทั้งสองพี่น้องเคยถูกจับกุมในความผิดลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ และเสพยาเสพติด มาแล้วหลายคดี ต่อมาตำรวจร่วมกันสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองคนหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณหอพัก อ.หนองแค จ.สระบุรี จึงติดตามจนพบตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนที่หน้าหอพักดังกล่าว จากการตรวจค้นพบพร้อมรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 2 คัน อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และทรัพย์สินของกลาง


ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า ก่อเหตุทั้ง 2 คดีจริง ซึ่งนายนราธิป เป็นพี่ชาย เป็นคนชักชวนน้องชายมาก่อเหตุชิงทรัพย์ และเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง เนื่องจากผู้ตายขัดขืนและต้องการปิดปากไม่ให้ใครไปแจ้งความ ส่วนที่ก่อเหตุนั้นประสงค์ต่อทรัพย์อย่างเดียว เพราะไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงิน และเคยก่อเหตุลักษณะวิ่งราวทรัพย์มาแล้วหลายครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”