นครปฐม 25 ก.ค. – ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงจับกุมนักธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอาง ก่อเหตุฆาตกรรมภรรยา อ้างภรรยาแขวนคอตัวเอง หลังรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลได้ 1 คืน ญาติผู้ตายร้องตำรวจช่วยตรวจสอบ ไม่เชื่อจะคิดสั้น คาดก่อเหตุเพราะประสงค์ต่อทรัพย์ หวังฮุบมรดก 100 ล้าน

ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลการจับกุมนายจิงกวง เฉิน ชาวไต้หวัน หรือนายสุชิน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ย้ายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย กระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพจะแล้วเสร็จ
เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 นายจิงกวง เฉิน ได้นำร่างภรรยาที่เสียชีวิตส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยอ้างว่า น.ส.ปารวี ภรรยา ใช้เชือกแขวนคอตัวเองกับขอบหน้าต่างภายในห้องนอน แพทย์ได้ทำการชันสูตรศพ และมอบให้ญาติรับกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี หลังสวดอภิธรรมศพได้ 1 คืน ญาติผู้ตายเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมนำหลักฐานสำคัญให้ตำรวจเป็นข้อมูล โดยไม่เชื่อว่าผู้ตายจะคิดสั้นและก่อเหตุดังกล่าว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมอายัดศพไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และตรวจสอบประวัตินายจิงกวง เฉิน พบความผิดปกติหลายประการ รวมถึงการใช้ชื่อบัตรประชาชนปลอมนานเกือบ 10 ปี ใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ติดต่อราชการ รวมถึงการทำธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางจากประเทศจีนมาจำหน่ายให้กับคนไทย ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบย้อนหลังการกระทำความผิดต่างๆ รวมถึงเหตุฆาตกรรมภรรยา ซึ่งอาจเป็นเหตุในครอบครัว หรือเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจและทรัพย์สินต่างๆ ที่มีมากกว่า 100 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่า นายสุชิน มีปัญหาขัดแย้งกับ น.ส.ปารวี มาโดยตลอด ประกอบกับประสงค์ต่อทรัพย์และมรดกของ น.ส.ปารวี เนื่องจากทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรส ประกอบธุรกิจเป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ในพื้นที่ อ.สามพราน จ.นครปฐม และรู้ความเคลื่อนไหวด้านการเงินของธุรกิจเป็นอย่างดี มีเงินหมุนเวียนในธุรกิจไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ถือเป็นเศรษฐีรายหนึ่งของ จ.นครปฐม
ด้านนายสุชิน เป็นชาวจีนหลบหนีเข้าเมือง เคยถูกจับเกี่ยวกับหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาก่อน และปลอมแปลงสวมบัตรประชาชน จนมีคดีความ และไม่มาฟังคำพิพากษาของศาล หนีออกต่างประเทศ และหลบเข้ามาใหม่ โดยมีการใช้ชื่อปลอม ใช้บัตรประชาชนคนไทย ทั้งนี้ ตำรวจจะหาที่มาที่ไป รวมทั้งตรวจสอบภาษีและรายได้ของโรงงานดังกล่าวว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ และตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่. – สำนักข่าวไทย