พัทลุง 19 พ.ค.- หัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนฯ และเป็นคุณครูดูแลน้องโบนัส เปิดใจเรื่องสลดที่เกิดขึ้น พร้อมขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
กรณีที่เด็กอายุ 14 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนสตรีพัทลุง เสียชีวิตที่บ้านพักในพื้นที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเพื่อนของเด็กออกมาเปิดเผยผ่านโลกโซเชียลว่า น้องมีปัญหากับครอบครัว แม่ติดการพนัน และถูกกดดันจากครู ขณะที่ทางโรงเรียนยืนยันว่าเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือดูแลนักเรียนคนดังกล่าวไว้ทุกด้านแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากความเข้าใจที่ผิดพลาดระหว่างเด็กนักเรียนกับหัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
โดยล่าสุด นางสาวจรรยา หัวหน้ากลุ่มงานระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนสตรีพัทลุง เปิดใจครั้งแรกกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาระบบการดูแลนักเรียนเราเตรียมไว้อย่างมีระบบ มีหลักฐาน และครอบคลุมทุกปัญหาของเด็กแล้ว
คุณครูยังชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ทราบเรื่องเด็กมาตั้งแต่เรียนชั้น ม.1 และ ม.2 โดยเด็กมาพักอาศัยอยู่กับผู้ปกครองซึ่งเป็นญาติในอำเภอควนขนุน กระทั่งขึ้นเรียนชั้น ม.3 และในวันเปิดเทอม วันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ครูที่ปรึกษาแจ้งว่าเด็กไม่มาเรียน เนื่องจากแม่ของเด็กไม่ให้มาเรียน เพราะต้องการให้ย้ายไปเรียนที่จังหวัดสงขลาจากปัญหาด้านการเงิน แต่เมื่อสอบถามตัวเด็กต้องการจะเรียนที่จังหวัดพัทลุงต่อ โดยจะมาเช่าบ้านอยู่คนเดียว
จึงให้คำปรึกษาไปว่าเด็กยังเป็นผู้เยาว์ การที่จะมาเช่าบ้านโดยไม่มีผู้ปกครองดูแลย่อมทำไม่ได้ จนต่อมาก็ได้รับแจ้งจากครูที่ปรึกษาของเด็กคนนี้ว่าเด็กยังไม่มาโรงเรียน ตนเองจึงนำเรื่องไปปรึกษากับรองผู้อำนวยการโรงเรียนฯ เพื่อหาทางช่วยเหลือ
กระทั่งต่อมา เด็กได้โทรศัพท์มาหาเพื่อนในชั้นเรียน ตอนนั้นครูที่ปรึกษาจึงให้ตนเองคุยโทรศัพท์กับเด็ก ถึงได้ทราบว่าเด็กพักอยู่กับพ่อเลี้ยงที่อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา
ซึ่งยอมรับว่าขณะนั้นไม่มีข้อมูลว่าเด็กใช้ชีวิตอยู่ที่สงขลา เป็นอย่างไร และมีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กบ้าง โดยเด็กยังบอกด้วยว่าไม่ทราบว่าแม่ไปทำงานที่ไหน แต่แม่จะส่งเงินมาให้สัปดาห์ละ 400 บาท และต้องแบ่งกับพ่อเลี้ยงคนละครึ่ง และขณะที่พูดคุยกันเด็กยังคงยืนยันต้องการจะไปเช่าห้องพัก และเรียนต่อที่จังหวัดพัทลุง แต่ทางโรงเรียนไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าหากอยู่คนเดียวจะได้รับอันตราย จึงแนะนำว่าหากแม่ของเด็กต้องการให้ย้ายโรงเรียนก็ควรย้าย แต่หากเด็กยังยืนยันว่าจะไม่ย้าย ทางโรงเรียนได้เตรียมให้ไปพักที่บ้านพักเด็กและเยาวชนโคกชะงาย ซึ่งมีระบบการส่งต่อนักเรียน มีที่พัก และมีรถรับส่ง แต่ต้องให้ผู้ปกครองมาเซ็นยินยอมตามขั้นตอน กระทั่งวันที่ 13 พฤษภาคม ก็มาทราบเรื่องว่าเด็กเสียชีวิต โดยเรื่องที่เกิดขึ้นคุณครูยืนยันว่าช่วยเหลือเด็กอย่างเต็มที่ตามขั้นตอนแล้ว และไม่คิดจะผลักไสให้ไปเรียนที่อื่น.-สำนักข่าวไทย