ภูมิภาค 9 พ.ค. – เจ้าหน้าที่บุกช่วยคนไทยถูกหลอกร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา หลังญาติร้องสื่อขอความช่วยเหลือลูกสาวถูกกักขังและ ข่มขู่ด้วยสัตว์ร้าย เตรียมส่งกลับไทย 10 พ.ค.นี้
พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการร้องเรียนผ่านโซเชียลมีเดีย กรณีหญิงไทย อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นชาว จ.บุรีรัมย์ ขอความช่วยเหลือ เนื่องจากลูกสาวอายุ 25 ปี และเพื่อนอายุ 35 ปี ถูกหลอกลวงไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา โดยถูกบังคับให้ทำงานกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงคนไทย และถูกคุมขัง พร้อมข่มขู่ด้วยสัตว์ร้าย กระทั่งผู้เป็นแม่ไม่สามารถติดต่อลูกสาวได้ เกรงว่าลูกสาวจะได้รับอันตราย เมื่อทราบเรื่องจึงได้ประสานตำรวจกัมพูชา เพื่อเข้าช่วยเหลือทั้ง 3 คนได้แล้ว
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ประสานงานไปยังตำรวจ จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา ฝั่งตรงข้าม จ.สระแก้ว เพื่อขอให้เข้าช่วยเหลือลูกสาวของหญิงรายดังกล่าว และเพื่อนหญิง รวม 3 คน ได้แล้ว ประกอบด้วย 1.น.ส.สตรีรัตน์ อายุ 25 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ 2.น.ส.ธนกานต์ อายุ 35 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ และ 3.นายพิชัย อายุ 21 ปี ชาวจ.เชียงใหม่
หลังจากสืบทราบว่าทั้ง 3 คน ถูกคุมขังไว้ในพื้นที่ จ.บันเตียเมียนเจย ปัจจุบันอยู่ในความดูแลโดยเจ้าหน้าที่กัมพูชาแล้ว โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยว่าจะมีการเดินทางเข้าไปรับตัวทั้ง 3 คน กลับมายังประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) ทางด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เตรียมเดินทางมารับด้วยตัวเอง และพูดคุยสอบปากคำทั้ง 3 คน
จับลูกน้องผู้ใหญ่บ้านขนแรงงานเถื่อน จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายธนนท์ ธรรมรพีภาส นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่สกัดจับรถยนต์กระบะขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บริเวณถนนสายบ้านหนองยายเอม-บ้านหนองเป็นหงส์ เขาดิน หมู่ 11 ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากช่องทางสิงขรไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 10 กม. โดยพบเป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่งสีบรอนซ์ทอง มีนายสมพร อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นคนขับรถนำพาหลบหนี
จากการตรวจสอบพบชาวเมียนมาจำนวน 24 คน เป็นชาย 15 คน หญิง 9 คน นั่งเบียดเสียดกันแน่นมาภายในรถและกระบะท้ายรถ โดยมีการนำผ้ายางมาคลุมเพื่อปกปิดอำพราง และนายวิน ชุบ สัญชาติเมียน ที่เป็นผู้นำพา 1 คน ตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืนพกสั้นชนิดลูกโม่ ขนาด .32 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ (ปืนอัดลม) จำนวน 1 กระบอก จึงได้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายทั้งหมด ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด ไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมของกลางอาวุธปืนและรถยนต์ยานพาหนะ ส่ง สภ.อ่าวน้อย
จากการสอบสวนแรงงานต่างด้าวเบื้องต้นทราบว่าผู้หลบหนีเข้าเมืองทั้งหมดเดินทางมาจากรัฐยะไข่ ก่อนจะข้ามแดนมายังฝั่งไทย ได้พักคอยอยู่ที่บ้านมูด่อง ประเทศเพื่อนบ้าน จากนั้นมีผู้นำพาเป็นชาวเมียนมานำเดินลัดเลาะป่าข้ามเข้ามายังฝั่งไทย และให้ทั้งหมดรออยู่ในป่าจนกว่าจะมีรถยนต์เข้ามารับตามที่มีการนัดแนะกันไว้ เมื่อถึงเวลาก็มีรถยนต์วิ่งเข้ามารับเพื่อไปทำงานในเมืองชั้นใน จุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ชุมพร สงขลา โดยทั้งหมดต้องจ่ายค่าจ้างให้กับผู้นำพาชาวเมียนมา คนละ 20,000-25,000 บาท
สำหรับนายสมพร ซึ่งเป็นคนขับรถนำพาชาวเมียนมาหลบหนี เป็นลูกน้องของผู้ใหญ่บ้านชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทำไร่สับปะรด และสวนยางพารา ตามแนวชายแดน คาดว่ามีการแอบนายจ้างทำมานานแล้ว เนื่องจากเป็นคนในพื้นที่ และคุ้นเคยเส้นทางตามแนวชายแดนเป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย