ตรวจสอบ 11 ศพปริศนาในสำนักฤาษีประหลาด

ชัยภูมิ 9 พ.ค.- เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครองและหน่วยกู้ภัยร่วมกันตรวจสอบศพปริศนาทั้ง 11 ในสำนักฤาษีประหลาด บ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ขณะที่ลูกศิษย์ที่ลงทุนย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ เพราะความเคารพศรัทธายังคงใช้ชีวิตตามปกติ


กรณีนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจบุกเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีประหลาด ตั้งอยู่ในที่สาธารณะหมู่บ้าน กุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิด โดยการรักษาให้ผู้ป่วยกินปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะและขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกรให้กินเป็นยารักษาโรคต่างๆ ให้กับคนไข้ที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเข้ามาทำการรักษาอยู่ในสำนักดังกล่าว 

จากการเข้าตรวจสอบภายในสำนัก เจอร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย บรรจุอยู่ในโลงศพ อ้างรอการขึ้นสวรรค์ ก่อนคุมตัวนายทวี อายุ 75 ปี อ้างเป็นเจ้าสำนักไปสอบสวน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น


ล่าสุดวันนี้ หมอปลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่นิติเวช เข้าตรวจสอบภายในลัทธิประหลาด หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต 11 รายที่เจอร่างอยู่ในลัทธิแห่งนี้ พร้อมตรวจเช็กอัตลักษณ์บุคคลว่าแต่ละศพเป็นใคร พร้อมเตรียมนำศพทั้งหมดไปชันสูตรอีกครั้ง นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในลัทธิประหลาด เจ้าหน้าที่ยังพบโอ่งมังกรที่บรรจุปัสสาวะของพระบิดาเจ้าลิทธิ โดยอ้างสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดภายในลัทธิไปตรวจสอบ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเตรียมเข้ารื้อถอนสถานที่ตั้งของลัทธินี้ทั้งหมด 

ด้านอาเขยของฤาษีทวี และนางจันทา อาของฤาษีทวี ให้ข้อมูลว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ ปกติจะมีน้องชายของฤาษีทวีพักอาศัยอยู่กับครอบครัว ขณะนี้น้องชายของฤาษีทวีพร้อมญาติกำลังเดินทางไปที่ จ.ชัยภูมิ ยอมรับว่าเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวเมื่อคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปที่สำนักของฤาษีทวี โดยก่อนหน้านั้นตนสร้างบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านฤาษีทวี ซึ่งตอนที่มาก็ไม่เห็นนายทวีอยู่บ้านแล้ว ทราบว่าไปทำงานที่ กทม. และกลับมาชุมแพแต่บวชเป็นพระ โดยมีแม่ของนายทวีเป็นโยมอุปัฏฐาก คอยดูแลช่วงที่เป็นพระสงฆ์ห่มเหลือง กระทั่งผ่านไปประมาณ 4 ปี ทราบว่าเปลี่ยนมาห่มผ้าฤาษีและมีสำนักอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ พร้อมบอกว่าเคยไปที่สำนักเมื่อหลายปีก่อน แต่ช่วงนั้นยังไม่กินอุจจาระหรือของเสียจากร่างกายตามที่ปรากฏในข่าว เห็นเพียงโอ่งน้ำหมักที่ทำจากผลไม้ไว้ให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาดื่มกินเท่านั้น บางคนก็หายบางคนก็ไม่หายแล้วแต่คน และลูกศิษย์ลูกหาส่วนใหญ่อยู่ทางภาคกลาง แถวบ้านจะไม่ค่อยมี ส่วนตัวเชื่อในเรื่องของฤาษีที่สามารถหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ แต่ไม่เชื่อเรื่องการกินของเสียของร่างกายแล้วจะรักษาโรคภัยต่างๆ ได้ เพราะก่อนหน้านี้ฤาษีทวีเคยทำนายและแก้มนต์ดำให้ชาวบ้านในพื้นที่หลายคนจนมีชื่อเสียง ทั้งที่อยู่ที่สำนัก แต่หยั่งรู้หมดมองเห็นสิ่งของต่างๆ ในบ้านทักท้วงได้หมดเหมือนมองเห็นจริงๆ ซึ่งก็เชื่อในเรื่องนี้ และตอนที่หมอปลากับเจ้าหน้าที่เข้าไปนั้น ก็เชื่อว่าฤาษีจะรู้ล่วงหน้าแต่ไม่หนี 

นอกจากนี้ตนและภรรยาทราบเรื่องที่แม่ฤาษีทวีเสียชีวิตแล้วและเก็บศพไว้ เพราะปกติน้องชายของนายทวีจะไปหาฤาษีตลอด และเคยขอศพแม่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนา แต่ฤาษีทวีไม่ให้ แต่พอมีเรื่องแบบนี้อาจไปขอรับศพแม่มาประกอบพิธีทางศาสนาที่ขอนแก่น ส่วนเรื่องฤษีให้เป็นตามกระบวนการทางกฎหมาย 


สำหรับเรื่องราวนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่าขอตอบในหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องลัทธิประหลาดกินปัสสาวะ – อุจจาระ รักษาโรคว่า ปกติในอุจจาระปัสสาวะร่างกายของคนเรา  เป็นของเสียที่ถูกขับออกมา ในอุจจาระ มีเชื้อโรค 

ตรวจสอบศพปริศนาในสำนักฤาษีประหลาดแบคทีเรีย มีพยาธิ เชื้อรา แม้ปัสสาวะ จะเป็นผ่านการกรองจากร่างกาย แต่ก็ไม่สมควรรับประทานอยู่ดี ปกติคนที่มีโรค หรือ มีการติดเชื้อทางเดินทางอาหาร การรับประทานอุจจาระก็สามารถได้รับเชื้อโรคจากอุจจาระได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รับประทานทั้งอุจจาระ และ ปัสสาวะ เสมหะ หรือ หนองเข้าไปแล้วรู้ผิดปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรบริโภค   

ขณะที่ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ความเชื่อเรื่องกินอุจจาระ ปัสสาวะ รักษาโรค เป็นความเชื่อที่ขาดหลักเหตุผล เข้าข่ายงมงาย  สาเหตุเกิดจากคนมี 3 ภาวะที่เป็นสาเหตุ  1 มีความทุกข์มาก  2 วัฒนธรรมความเชื่อเฉพาะถิ่น  มีไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้อง และ 3 อิทธิพลจากเพื่อนหรือคนรอบข้างเป็นแรงเสริม ถ้ามี 3 อย่างนี้จะถือว่าเป็นความเชื่อที่เป็นความงมงายที่รุนแรง  ยิ่งมีการรวมกลุ่มกัน ยิ่งเป็นการเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน ให้เกิดการสนับสนุนความเชื่อซึ่งกันและกัน  วิธีการสลายความเชื่อนี้ ต้อง มีการสลายกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล 

ล่าสุด เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพที่พบภายในสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ไปยังสุสานมูลนิธิในอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น หลังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 แพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันตรวจพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพ ภายในสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยเคลื่อนย้ายทั้ง 11 ศพไปพักไว้ที่สุสานของมูลนิธิจีแชเกาะ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เพื่อรอให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศล ระหว่างรอขั้นตอนการตรวจพิสูจน์แล้วเสร็จ ซึ่งหลักฐานบางอย่างต้องส่งไห้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีเครื่องมือทันสมัยตรวจพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเก็บตัวอย่างสิ่งปฏิกูล น้ำโอสถทิพย์ที่เชื่อว่า เป็นยาอายุวัฒนะ ไปตรวจพิสูจน์ด้วย 

พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เผยว่าเบื้องต้นแจ้งข้อหานายทวี หนันรา เจ้าสำนักฤาษีประหลาด 3 ข้อหา คือบุกรุกป่า ,บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ และพรบ.ควบคุมโรค จากการไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่ง 3 ข้อหานี้ ให้การรับสารภาพ ประเด็นที่จะดำเนินคดีเพิ่มเติม คือ กระบวนการรักษาอาการเจ็บป่วย ส่วนคดีเกี่ยวเนื่องกับศพ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ แม้จะมีใบมรณบัตรรับรอง แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า จะจัดการศพด้วยการเผา แต่กลับมาเก็บไว้ที่สำนักฤาษี เช่นเดียวกับเบาะแสว่า มีการหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากลูกศิษย์ที่ศรัทธา ต้องสอบสวนขยายผลต่อไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ขออำนาจศาลฝากขังนายทวีที่ศาลจังหวัดภูเขียว พร้อมคัดค้านการให้ประกันตัว เพราะไม่มีถิ่นฐานที่อยู่ชัดเจน เกรงจะหลบหนี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี มีนายทวีเพียงคนเดียว

ขณะที่นายมานพ ทิพย์รักษ์ ปลัดอำเภอคอนสาร ให้ข้อมูลว่าภายในวันศุกร์นี้ จะนำประกาศมาติดว่าเป็นพื้นที่บุกรุกป่าสาธารณะประโยชน์ ไม่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่อาศัย โดยจะให้เวลาออกนอกพื้นที่ภายใน 7 วัน หรือ 15 วัน หากไม่ออก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจากพื้นที่ทั้งหมด 287 ไร่ สำนักฤาษีครอบครองใช้ประโยชน์ 26 ไร่ มีคนอยู่อาศัยประมาณ 30 คน 

ขณะที่บรรดาลูกศิษย์ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนไม่ยอมพูดให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บางส่วนบอกว่า มีความศรัทธา เพราะองค์ฤาษีสอนให้เป็นคนดี มีความกตัญญู ทำมาหากิน สิ่งปฏิกูลจากร่างกาย จำพวกอุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ ขี้ไคล ถูกมองข้าม เพราะมองว่า มาจากพระบิดาที่นับถือศรัทธา และดีต่อสุขภาพในความเชื่อของเจ้าตัว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย