ตรวจสอบ 11 ศพปริศนาในสำนักฤาษีประหลาด

ชัยภูมิ 9 พ.ค.- เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ฝ่ายปกครองและหน่วยกู้ภัยร่วมกันตรวจสอบศพปริศนาทั้ง 11 ในสำนักฤาษีประหลาด บ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ขณะที่ลูกศิษย์ที่ลงทุนย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ เพราะความเคารพศรัทธายังคงใช้ชีวิตตามปกติ


กรณีนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.ชัยภูมิ พร้อมด้วยนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจบุกเข้าตรวจสอบสำนักฤๅษีประหลาด ตั้งอยู่ในที่สาธารณะหมู่บ้าน กุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เปิดรับรักษาโรคทุกชนิด โดยการรักษาให้ผู้ป่วยกินปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะและขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับ 100 โอ่งมังกรให้กินเป็นยารักษาโรคต่างๆ ให้กับคนไข้ที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศเข้ามาทำการรักษาอยู่ในสำนักดังกล่าว 

จากการเข้าตรวจสอบภายในสำนัก เจอร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย บรรจุอยู่ในโลงศพ อ้างรอการขึ้นสวรรค์ ก่อนคุมตัวนายทวี อายุ 75 ปี อ้างเป็นเจ้าสำนักไปสอบสวน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น


ล่าสุดวันนี้ หมอปลา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่นิติเวช เข้าตรวจสอบภายในลัทธิประหลาด หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจสอบศพผู้เสียชีวิต 11 รายที่เจอร่างอยู่ในลัทธิแห่งนี้ พร้อมตรวจเช็กอัตลักษณ์บุคคลว่าแต่ละศพเป็นใคร พร้อมเตรียมนำศพทั้งหมดไปชันสูตรอีกครั้ง นอกจากนี้จากการตรวจสอบภายในลัทธิประหลาด เจ้าหน้าที่ยังพบโอ่งมังกรที่บรรจุปัสสาวะของพระบิดาเจ้าลิทธิ โดยอ้างสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานทั้งหมดภายในลัทธิไปตรวจสอบ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเตรียมเข้ารื้อถอนสถานที่ตั้งของลัทธินี้ทั้งหมด 

ด้านอาเขยของฤาษีทวี และนางจันทา อาของฤาษีทวี ให้ข้อมูลว่าบ้านหลังนี้ไม่มีคนอยู่ ปกติจะมีน้องชายของฤาษีทวีพักอาศัยอยู่กับครอบครัว ขณะนี้น้องชายของฤาษีทวีพร้อมญาติกำลังเดินทางไปที่ จ.ชัยภูมิ ยอมรับว่าเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวเมื่อคืน หลังจากเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปที่สำนักของฤาษีทวี โดยก่อนหน้านั้นตนสร้างบ้านอยู่ตรงข้ามบ้านฤาษีทวี ซึ่งตอนที่มาก็ไม่เห็นนายทวีอยู่บ้านแล้ว ทราบว่าไปทำงานที่ กทม. และกลับมาชุมแพแต่บวชเป็นพระ โดยมีแม่ของนายทวีเป็นโยมอุปัฏฐาก คอยดูแลช่วงที่เป็นพระสงฆ์ห่มเหลือง กระทั่งผ่านไปประมาณ 4 ปี ทราบว่าเปลี่ยนมาห่มผ้าฤาษีและมีสำนักอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ พร้อมบอกว่าเคยไปที่สำนักเมื่อหลายปีก่อน แต่ช่วงนั้นยังไม่กินอุจจาระหรือของเสียจากร่างกายตามที่ปรากฏในข่าว เห็นเพียงโอ่งน้ำหมักที่ทำจากผลไม้ไว้ให้ผู้เลื่อมใสศรัทธาดื่มกินเท่านั้น บางคนก็หายบางคนก็ไม่หายแล้วแต่คน และลูกศิษย์ลูกหาส่วนใหญ่อยู่ทางภาคกลาง แถวบ้านจะไม่ค่อยมี ส่วนตัวเชื่อในเรื่องของฤาษีที่สามารถหยั่งรู้ล่วงหน้าได้ แต่ไม่เชื่อเรื่องการกินของเสียของร่างกายแล้วจะรักษาโรคภัยต่างๆ ได้ เพราะก่อนหน้านี้ฤาษีทวีเคยทำนายและแก้มนต์ดำให้ชาวบ้านในพื้นที่หลายคนจนมีชื่อเสียง ทั้งที่อยู่ที่สำนัก แต่หยั่งรู้หมดมองเห็นสิ่งของต่างๆ ในบ้านทักท้วงได้หมดเหมือนมองเห็นจริงๆ ซึ่งก็เชื่อในเรื่องนี้ และตอนที่หมอปลากับเจ้าหน้าที่เข้าไปนั้น ก็เชื่อว่าฤาษีจะรู้ล่วงหน้าแต่ไม่หนี 

นอกจากนี้ตนและภรรยาทราบเรื่องที่แม่ฤาษีทวีเสียชีวิตแล้วและเก็บศพไว้ เพราะปกติน้องชายของนายทวีจะไปหาฤาษีตลอด และเคยขอศพแม่กลับมาประกอบพิธีทางศาสนา แต่ฤาษีทวีไม่ให้ แต่พอมีเรื่องแบบนี้อาจไปขอรับศพแม่มาประกอบพิธีทางศาสนาที่ขอนแก่น ส่วนเรื่องฤษีให้เป็นตามกระบวนการทางกฎหมาย 


สำหรับเรื่องราวนี้ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่าขอตอบในหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องลัทธิประหลาดกินปัสสาวะ – อุจจาระ รักษาโรคว่า ปกติในอุจจาระปัสสาวะร่างกายของคนเรา  เป็นของเสียที่ถูกขับออกมา ในอุจจาระ มีเชื้อโรค 

ตรวจสอบศพปริศนาในสำนักฤาษีประหลาดแบคทีเรีย มีพยาธิ เชื้อรา แม้ปัสสาวะ จะเป็นผ่านการกรองจากร่างกาย แต่ก็ไม่สมควรรับประทานอยู่ดี ปกติคนที่มีโรค หรือ มีการติดเชื้อทางเดินทางอาหาร การรับประทานอุจจาระก็สามารถได้รับเชื้อโรคจากอุจจาระได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รับประทานทั้งอุจจาระ และ ปัสสาวะ เสมหะ หรือ หนองเข้าไปแล้วรู้ผิดปกติ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรบริโภค   

ขณะที่ นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ความเชื่อเรื่องกินอุจจาระ ปัสสาวะ รักษาโรค เป็นความเชื่อที่ขาดหลักเหตุผล เข้าข่ายงมงาย  สาเหตุเกิดจากคนมี 3 ภาวะที่เป็นสาเหตุ  1 มีความทุกข์มาก  2 วัฒนธรรมความเชื่อเฉพาะถิ่น  มีไสยศาสตร์มาเกี่ยวข้อง และ 3 อิทธิพลจากเพื่อนหรือคนรอบข้างเป็นแรงเสริม ถ้ามี 3 อย่างนี้จะถือว่าเป็นความเชื่อที่เป็นความงมงายที่รุนแรง  ยิ่งมีการรวมกลุ่มกัน ยิ่งเป็นการเสริมความเชื่อซึ่งกันและกัน ให้เกิดการสนับสนุนความเชื่อซึ่งกันและกัน  วิธีการสลายความเชื่อนี้ ต้อง มีการสลายกลุ่ม โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องเข้ามาช่วยเหลือดูแล 

ล่าสุด เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพที่พบภายในสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ไปยังสุสานมูลนิธิในอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น หลังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 แพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมกันตรวจพิสูจน์ร่างผู้เสียชีวิต 11 ศพ ภายในสำนักฤาษีประหลาด พื้นที่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ตำบลดงกลาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา โดยเคลื่อนย้ายทั้ง 11 ศพไปพักไว้ที่สุสานของมูลนิธิจีแชเกาะ อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เพื่อรอให้ญาติรับไปบำเพ็ญกุศล ระหว่างรอขั้นตอนการตรวจพิสูจน์แล้วเสร็จ ซึ่งหลักฐานบางอย่างต้องส่งไห้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ที่มีเครื่องมือทันสมัยตรวจพิสูจน์โดยละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังเก็บตัวอย่างสิ่งปฏิกูล น้ำโอสถทิพย์ที่เชื่อว่า เป็นยาอายุวัฒนะ ไปตรวจพิสูจน์ด้วย 

พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.คอนสาร เผยว่าเบื้องต้นแจ้งข้อหานายทวี หนันรา เจ้าสำนักฤาษีประหลาด 3 ข้อหา คือบุกรุกป่า ,บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ และพรบ.ควบคุมโรค จากการไม่สวมหน้ากากอนามัย ซึ่ง 3 ข้อหานี้ ให้การรับสารภาพ ประเด็นที่จะดำเนินคดีเพิ่มเติม คือ กระบวนการรักษาอาการเจ็บป่วย ส่วนคดีเกี่ยวเนื่องกับศพ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ แม้จะมีใบมรณบัตรรับรอง แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่า จะจัดการศพด้วยการเผา แต่กลับมาเก็บไว้ที่สำนักฤาษี เช่นเดียวกับเบาะแสว่า มีการหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากลูกศิษย์ที่ศรัทธา ต้องสอบสวนขยายผลต่อไป ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน ได้ขออำนาจศาลฝากขังนายทวีที่ศาลจังหวัดภูเขียว พร้อมคัดค้านการให้ประกันตัว เพราะไม่มีถิ่นฐานที่อยู่ชัดเจน เกรงจะหลบหนี และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ขณะนี้ผู้ที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี มีนายทวีเพียงคนเดียว

ขณะที่นายมานพ ทิพย์รักษ์ ปลัดอำเภอคอนสาร ให้ข้อมูลว่าภายในวันศุกร์นี้ จะนำประกาศมาติดว่าเป็นพื้นที่บุกรุกป่าสาธารณะประโยชน์ ไม่มีสิทธิ์เข้ามาอยู่อาศัย โดยจะให้เวลาออกนอกพื้นที่ภายใน 7 วัน หรือ 15 วัน หากไม่ออก ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจากพื้นที่ทั้งหมด 287 ไร่ สำนักฤาษีครอบครองใช้ประโยชน์ 26 ไร่ มีคนอยู่อาศัยประมาณ 30 คน 

ขณะที่บรรดาลูกศิษย์ยังรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลายคนไม่ยอมพูดให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บางส่วนบอกว่า มีความศรัทธา เพราะองค์ฤาษีสอนให้เป็นคนดี มีความกตัญญู ทำมาหากิน สิ่งปฏิกูลจากร่างกาย จำพวกอุจจาระ ปัสสาวะ เสมหะ ขี้ไคล ถูกมองข้าม เพราะมองว่า มาจากพระบิดาที่นับถือศรัทธา และดีต่อสุขภาพในความเชื่อของเจ้าตัว.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอก ประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดน ไม่เคยจบง่ายบางประเทศใช้เวลาเป็น 100 ปี อย่าไปกังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 […]

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]

“คาจิกิ” ขึ้นฝั่งเวียดนามบ่ายนี้ ไทยเตรียมรับฝนหนัก​ 25-27​ ส.ค.

กรุงเทพฯ​ 25 ส.ค.​ – กรมอุตุฯ อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วงบ่ายถึงค่ำ วันนี้​ เตือนทั่วไทยฝนฟ้าคะนองเพิ่ม ขณะที่ภาคอีสาน​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ​ เตรียมรับมือฝนถล่ม ช่วง 25​ -​ 27​ ส.ค.​นี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้​อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่น​คาจิกิอยู่ห่างจากเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 150 กม. เคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่า​ขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนช่วง​บ่าย​ถึง​ค่ำ​วันนี้​ และเข้าสู่ สปป ลาว ตามลำดับ เมื่อ​ขึ้นฝั่ง​พายุ​จะ​เริ่ม​อ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ประเทศ​ไท​ยจะเป็น​หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​ แต่ไม่รุนแรง​เท่าพายุ​วิภา ทั้งนี้​ ช่วงวันที่ 25–27 ส.ค. 68 ประเทศ​ไท​ยจะมีฝนตก​เพิ่ม​ เริ่มจาก​ขอบของ​พายุ​ ประกอบกับกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตก​หนัก​ถึง​หนัก​มาก​ โดยเฉพาะ​ภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​ขอให้​ประชาชนติดตามประกาศแจ้ง​เตือน​ลักษณะ​อากาศ​อย่างใกล้ชิด.​ 512​ – สำนักข่าว​ไทย​