สงขลา 22 ม.ค.- สถานการณ์ “หมูแพง” ยังวิกฤติ แม่ค้าต้องปรับตัวอย่างหนัก เพราะต้องสั่งมาขายทีละน้อยๆ และคาดว่าช่วงตรุษจีนน่าจะราคาพุ่งขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจตลาดทรัพย์สินพลาซ่า ในเขตเทศบาลนครสงขลา พบว่าเงียบเหงาพ่อค้าแม่ค้าต่างต้องเก็บของเพื่อกลับบ้านเร็วกว่าปกติ ต่างบอกว่าลูกค้าลดน้อยลงไปมาก โดยเฉพาะแผงขายเนื้อหมูในตลาดแห่งนี้มีการวางจำหน่ายเนื้อหมูแบบบางตา แต่เดิมจะฆ่าหมูเป็นตัวๆ มาขาย แต่หลังจากที่หมูแพงพุ่งสูงเป็นกิโลกรัมละ 200-220 บาท ทำให้ต้องปรับตัว หันไปซื้อเนื้อหมูแต่ละชนิดมาขายแทน เพื่อให้มีสินค้าวางขายให้ลูกค้าและสามารถขายเนื้อหมูต่อไปได้ และแม่ค้าบางคนบอกว่าตั้งแต่ขายหมูมา 30 ปีเพิ่งจะเคยเห็นราคาแพงขนาดนี้
ส่วนที่จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณตลาวโรรส หลังพบว่ามีการปรับราคาเมนูหมูสำหรับไหว้เจ้าทุกประเภท ทั้งหมูกรอบ หมูเค็ม หมูตั้ง ซี่โครงหมู จากกิโลกรัม 500 บาท เป็น 700 บาท แต่ยังมีลูกค้าขาประจำสั่งออเดอร์เหมือนเดิมแม้ราคาจะสูงขึ้น ภาพรวมทั้งเป็ด ไก่ และหมู ยังมียอดสั่งจองล่วงหน้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนนับ 1,000 ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าขาประจำ
จ.สมุทรสาคร อายัดหมูในห้องเย็น 5 แสนกิโลกรัมตรวจสอบ
เมื่อวันที่ 21 ม.ค.เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบการกักตุนซากสุกรในห้องเย็น 2 แห่งในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เจ้าหน้าที่พบพิรุธเพราะว่าห้องเย็นแห่งแรก มีเนื้อสุกรที่ไม่สามารถแสดงเอกสารเคลื่อนย้ายได้ 71 ตัน ส่วนแห่งที่ 2 พบซากสุกรถูกจัดเก็บไว้อีก 441 ตัน แต่ไม่พบเอกสารเคลื่อนย้ายและไม่ได้แจ้งการกักตุนสินค้าใดๆ เจ้าหน้าที่จึงอายัดซากสุกรทั้งหมดรวมกว่า 500 ตันไว้ก่อน และแจ้งให้บริษัทนำเอกสารมาชี้แจงเพิ่มเติมก่อนถอนอายัด
จ.สงขลา ผลตรวจห้องเย็นสงขลาไม่พบกักตุนเนื้อหมู
ส่วนความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบห้องเย็นแห่งหนึ่งในตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พบว่าในระยะเวลา 3 เดือน มีการนำเข้าสุกรจากบริษัทเอกชนรายหนึ่งในพัทลุง ก่อนที่จะมีการอายัดเนื้อหมูประมาณ 2 แสนกิโลกรัมไว้ตรวจสอบ
ล่าสุดจากการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่บริษัท เบทาโกร อุตสาหกรรมพัทลัง และบริษัท ปิติ ซีฟู๊ด จำกัดนำมาแสดง พบว่าไม่เข้าข่ายการกักตุนสินค้า และเมื่อตรวจสอบเอกสารต่างๆ พบว่าไม่เข้าข่ายแจ้งความเท็จแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย