เชียงใหม่ 25 ก.ค.- ในช่วงหน้าฝน ชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลต่างประสบปัญหาเรื่องการเดินทาง ไปดูชาวบ้านในอำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงหน้าฝนว่าจะโหดขนาดไหน
การเดินทางของชาวบ้านขุนแม่รวม ตำบลแจ่มหลวง อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านบนดอยสูง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร ปลูกกะหล่ำ ฟักทอง หอมญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงฤดูฝนมีฝนตกหนัก ชาวบ้านต้องบรรทุกพืชผักเต็มคันรถ เพื่อส่งไปขายในตัวอำเภอ แต่ปัญหาใหญ่คือ ถนนเละเป็นโคลน การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก รถบรรทุกพืชผลล้อหลังต้องคล้องโซ่ ถึงจะขับผ่านเส้นทางที่แสนอันตรายและเป็นทางโค้งขึ้นเขาลาดชันไปได้ ผู้ใหญ่บ้านต้องประกาศเสียงตามสายให้ระดมชาวบ้านนับ 10 คันไปช่วยกันชักลากรถที่ติดโคลน กว่าจะผ่านเส้นทางไปได้ เลอะเทอะไปตามๆ กัน นายสิมิทธิ์ นภาเกรียงไกร ชาวบ้านขุนแม่รวม บอกว่า หมู่บ้านอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 200 กิโลเมตร ถนนทุรกันดาร ราคาพืชผลก็ถูก ช่วงหน้าฝนถนนเละเป็นโคลน ช่วงแล้งฝุ่นตลบ จึงอยากให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาช่วยทำถนนให้ดีขึ้น ช่วงที่เป็นทางขึ้นลงเขาลาดชันระยะทางไม่ถึง 1 กิโลเมตร เพื่อให้ชาวบ้านสัญจรสะดวก
เตือนระวัง 7 จังหวัดริมน้ำโขงน้ำเพิ่มขึ้นฉับพลัน
ส่วนชาวบ้านริมแม่น้ำโขงใน 7 จังหวัดภาคอีสาน เตรียมตัวให้ดีเพราะมีคำประกาศเตือนจากกองอำนวยการน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังระดับน้ำในแม่น้ำโขงเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “เจิมปากา” ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในประเทศลาว และเกิดน้ำหลากไหลลงแม่น้ำโขง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยน้ำไหลผ่านเขื่อนไซยะบุรี สปป.ลาว อยู่ในเกณฑ์ 8,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่ง 7 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบคือ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้นระดับไม่ต่ำกว่า 2 เมตร จึงแจ้งเตือนประชาชนที่สัญจรและประกอบกิจกรรมในบริเวณแม่น้ำโขง รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณ 7 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ควรติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย