เชียงใหม่ 29 ก.ย.-สาวปวดท้องน้อย สามีพาไปโรงพยาบาล แพทย์ให้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แต่แพ้สารทึบรังสีจนเสียชีวิต ภายหลังตรวจพบว่าตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ ครอบครัวติดใจ เตรียมยื่นแพทยสภาตรวจสอบ
ผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความระบุว่า ภรรยาของเขามีอาการปวดท้องน้อยได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงเช้าวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา มีอาการปวดท้องน้อย มา 3-4 วัน คลื่นไส้อาเจียน 1 สัปดาห์ ตัวเขาและภรรยาจึงตัดสินใจเลือกคลินิกอายุรกรรมทางเดินอาหาร เพราะไม่แน่ใจว่าอาการปวดท้องเกิดจากอะไร คุณหมอตั้งข้อสงสัยอาจเป็นนิ่วทางเดินปัสสาวะ และให้ภรรยาของเขาแอดมิทเพื่อตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้องส่วนล่างที่มีการฉีดสารทึบรังสี หรือ CT lower abdomen with contrast media แต่ภรรยาของเขา เกิดอาการแพ้สารทึบรังสีขั้นรุนแรงที่สุด หรือ Anaphylactic shock โดยเกิดขึ้นรวดเร็วมากภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และทรุดหนักจนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
ผู้เป็นสามี ยังระบุอีกว่าเหตุการณ์สุดท้ายที่จำได้ที่โรงพยาบาลคือ คุณหมอเดินเข้ามาบอกว่าพบถุงการตั้งครรภ์จากผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แพทย์ได้สวนปัสสาวะร่างที่ไร้วิญญาณไปตรวจปัสสาวะยืนยันแล้วพบว่าตั้งครรภ์จริงๆ ผมหัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับภรรยาว่า “อ้าวท้องเหรอ เรากำลังจะมีลูก นี่รอตั้งนานเลยนะ จุดนี้ไม่รู้จริงๆว่าผมควรจะดีใจหรือเสียใจดี”
หลังจากนั้นครอบครัวได้รับร่างคุณกิ๊ฟ กลับบ้านเกิดเพื่อทำพิธีทางศาสนา และยังติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอเอกสารการรักษากับทางโรงพยาบาล ซึ่งต้องไปขอหลายครั้ง แต่ละครั้งก็ได้ไม่ครบถ้วน เมื่อดูเอกสารและข้อมูลการรักษาอย่างละเอียดพบว่ามีสิ่งผิดปกติหลายจุด ซึ่งญาติที่เป็นแพทย์สงสัยว่าโรงพยาบาลแห่งนี้ทำตามขั้นตอนตามมาตรฐานแล้วจริงหรือ และขอเข้าพบ ผอ.โรงพยาบาล เพื่อขอคำอธิบาย แต่ทางโรงพยาบาลปฏิเสธ ยืนยันว่าโรงพยาบาลไม่ผิด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามมาตรฐานทุกขั้นตอน ไม่แม้แต่จะพูดขอโทษ และอ้างถึงศักดิ์ศรีวิชาชีพแพทย์
คับข่าวครบประเด็นติดต่อไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่โพสต์เป็นเรื่องจริง ภรรยาเสียชีวิตเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ผู้เป็นสามียังคงทำใจไม่ได้กับการสูญเสียภรรยาและทารกในครรภ์ ที่มีอายุครรภ์เพียง 6 สัปดาห์ ทั้งคู่แต่งงานกันมาได้ 2 ปี และนี่คือลูกคนแรกของพวกเขา แต่ก็ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก
ส่วนเรื่องทางคดี เบื้องต้นมีการแจ้งความไว้แล้ว ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้หลักฐานเพิ่มเติมเป็นกล้องวงจรปิด โดยสัปดาห์หน้าทางครอบครัวเตรียมเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนำหลักฐานและเอกสารการรักษายื่นต่อแพทยสภา เพื่อขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบโดยไม่มีการแทรกแซงใดๆ และเพื่อเป็นอุทาหรณ์ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับคนอื่นๆ อีก.-สำนักข่าวไทย