8 พ.ค. – สาวประเภทสองลักพาตัว “น้องมาร์ติน” เด็กชายวัย 9 เดือน หายไปจากที่พักย่านบางนา พาขึ้นรถโดยสารมุ่งหน้า จ.ระยอง ล่าสุดพลเมืองดีแจ้งเบาะแสจนสามารถจับตัวได้
กรณีปู่ของน้องมาร์ติน วัย 9 เดือน เข้าร้องนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมพลเมืองดี ให้ช่วยพาไปร้องตำรวจบางนา เพื่อขอให้ตำรวจช่วยติดตามตัวนายน้อย อายุ 52 ปี สาวประเภทสองชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นคนงานก่อสร้าง ในพื้นที่แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯ ที่ทำทีมาขออุ้มน้องมาร์ติน ก่อนฉวยโอกาสอุ้มหนีหายไปจากซอยท่าน้ำบางนา เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (7 พ.ค.)
นายเอกภพ เล่าว่า ได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านของปู่กับย่าน้องมาร์ติน ว่าให้ช่วยติดตามหาหลานชายหน้าตาน่ารัก หลังแม่น้องมาคลอดไว้ที่แคมป์คนงาน แล้วให้ปู่ย่าเลี้ยง แต่ถูกคนงานก่อสร้างที่มีลักษณะเป็นสาวสอง อุ้มหายไป
พฤติการณ์คือคนงานรายนี้มาสมัครทำงานก่อสร้างได้ 1 สัปดาห์ และชอบมาเล่นกับน้องมาร์ติน กระทั่งช่วงบ่ายเมื่อวานมาขออุ้มน้อง แล้วบอกว่าจะพาไปเซเว่นฯ แล้วก็อุ้มน้องหายไปเลย
ตลอดทั้งวันมีพลเมืองตีแจ้งเบาะแสเข้ามา มีผู้พบเห็นล่าสุดที่สถานีรถไฟฟ้าสีลม ไปลงสถานีรถไฟหัวลำโพง ในช่วงเวลา 17.30 น. คาดว่าคนร้ายต้องการพาเด็กออกต่างจังหวัดแน่นอน
มีรายงานว่าพบเห็นบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวเดินอยู่ย่านขนส่งหมอชิต และจากการตรวจค้นภายในห้องพักในแคมป์ พบว่าคนร้ายมีการเก็บกระเป๋าของใช้ส่วนตัว เพื่อเตรียมหลบหนี แต่เนื่องจากน้องมีลักษณะอวบอ้วน จึงเป็นอุปสรรดต่อการเดินทาง จึงไม่ได้นำติดตัวไปได้
หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้ช่วยกันตามหา กระทั่งไปพบนายน้อยนั่งอุ้มเด็กอยู่บนรถตู้ มุ่งหน้า จ.ระยอง กระทั่งช่วงเวลา 02.10 น. ตำรวจสามารถคุมตัวนายน้อย ไว้ได้ พร้อมเด็กชายวัย 9 เดือน เบื้องต้นเจ้าตัวอ้างว่ารักเอ็นดูเด็ก อยากเอาเด็กไปเป็นลูก และปฏิเสธลักเด็กไปขาย เมื่อถามว่าทำไมถึงไประยอง เจ้าตัวงึมงำพูดไม่ชัด
จากนั้นเวลา 02.30 น. ตำรวจอีกชุดนำตัวเด็กมาถึง สน.บางนา ก่อนส่งมอบให้ปู่และย่า โดยปู่และย่ารีบโอบกอดและหอมแก้มหลานด้วยความดีใจ
พล.ต.ต.นพศิสป์ เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ก่อเหตุด้วยตนเองว่า ผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่าลักพาตัวเด็กไปจริง โดยให้เหตุผลว่าต้องการนำไปเลี้ยง ขณะที่ตัวเองจะไปทำงานที่จันทบุรี โดยลักพาตัวเด็กไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งหมอชิต ไปลงที่ จ.ระยอง และเตรียมต่อรถไปยัง จ.จันทบุรี ในช่วงเช้า
ด้านปู่ของเด็กให้สัมภาษณ์อีกครั้ง บอกว่าดีใจมากที่ได้หลานกลับคืนมา ทีแรกกลุ้มใจ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร คนในซอยบอกให้ไปแจ้งตำรวจจึงมาแจ้งความไว้ ยอมรับตำรวจไทยเก่ง เพราะทีแรกกังวลว่าจะไม่ได้หลานคืน รักหลานคนนี้มาก ถึงพ่อแม่เด็กจะทิ้งไปตั้งแต่เล็ก จึงได้นำมาเลี้ยงเอง เคยได้ยินข่าวขโมยเด็ก พอเจอกับตัวเองรู้สึเลย ดีใจมากที่พึ่งตำรวจไทยได้
พันตำรวจเอก สุรพงษ์ สุขแย้ม ผู้กำกับการ สน.บางนา เปิดเผยความคืบหน้าทางคดีว่า หลังจากปู่และย่าเด็กได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่าหลานถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (7 พ.ค.) ตำรวจ สน.บางนา จึงร่วมกับชุดสืบนครบาล และ บก.น.5 เร่งติดตามหาตัวเด็ก และดูกล้องวงจรปิดจนทราบว่านายน้อยพาเด็กขึ้นรถรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าไปหมอชิต ตลอดจนเช็กเบสทางโทรศัพท์ รวมถึงข้อมูลของประชาชนที่ให้ไว้ในเพจสายไหมต้องรอด กระทั่งทราบข้อมูลจากพลเมืองดีว่าผู้ต้องหามุ่งหน้าไป จ.ระยอง จึงประสานไปยังตำรวจพื้นที่ สภ.เมืองระยอง ก่อนจะจับกุมตัวนายน้อยเอาไว้ได้ที่ขนส่งผู้โดยสาร จ.ระยอง ส่วนเด็กปลอดภัย
ที่ผ่านมาน้องมาร์ตินพักอาศัยอยู่กับปู่ย่า เนื่องจากพ่อแม่เป็นชาวลาว ไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ ปู่ย่าจึงเป็นคนเลี้ยงมาตลอด โดยปู่ย่าเป็นกรรมกร รายได้วันละ 400 บาท และในช่วงเวลาที่ปู่ย่าทำงานจะให้คนดูแล ส่วนผู้ต้องหามาสมัครเป็นกรรมกรอยู่ในแคมป์เดียวกับปู่ย่า และเคยเข้าออกบ้าน มีความคุ้นชินกับปู่ย่าและเด็กเป็นอย่างดี
ส่วนการดูแลเด็ก หลังเกิดเรื่อง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ประสาน พม. ให้เข้ามาดูแลเด็กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่สาเหตุการจับเด็กยังอยู่ระหว่างสอบปากคำอย่างละเอียด พร้อมขยายผลในหลายประเด็น ทั้งเรื่องของเป็นแก๊งลักเด็กข้ามชายแดนหรือไม่ ตลอดจนกำลังตรวจสอบเอกสารว่านายน้อยเป็นคนสัญชาติไหน เนื่องจากยังไม่แน่ชัดว่าเป็นชาวกัมพูชาหรือไม่ ส่วนข้อหาได้แจ้งไปแล้วคือ พรากผู้เยาว์ อายุไม่เกิน 15 ปี ไปจากเสียบิดามารดา เจ้ารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
ขณะที่ตอนนี้นายน้อยยังถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อรอสอบปากคำ โดยสิบเวรหน้าห้องบอกว่าผู้ต้องหาท่าทางปกติดี กินข้าวได้ปกติ ทีมข่าวจึงสอบถามนายน้อยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งนายน้อย ย้ำว่าที่พาตัวเด็กไปเพราะรักเด็กและเอ็นดู เนื่องจากตนเองเป็นสาวประเภทสอง ไม่สามารถมีลูกได้ เลยอยากมีลูก โดยตั้งใจจะพาไปเลี้ยงที่จันทบุรี เพราะจะไปทำงานที่ไร่สับปะรด ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาพาเด็กไปขาย และอ้างว่าไม่รู้จักกับกลุ่มขบวนการค้าเด็ก ตอนนี้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไป ฝากขอโทษผู้ปกครองของน้องมาร์ตินด้วย ทั้งนี้ นายน้อยอ้างว่าตนเองเป็นคนอีสาน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลของตำรวจยังไม่พบฐานข้อมูลในระบบ ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่ม ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ (9 พ.ค.) .-สำนักข่าวไทย