ปูพรมค้นหา 2 ตัวประกัน ถูกแก๊งจีนจับตัวเรียกค่าไถ่ 4.7 ล้าน

ระยอง 22 มี.ค. – ตำรวจระดมกำลังปูพรมค้นหาตัวประกันชาวจีน บนเขายายร้า จ.ระยอง แต่ยังไม่พบตัว ขณะคุมตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนได้คาสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเตรียมเดินทางออกนอกประเทศ


จากกรณีนายหม่า หมิงชุน (MR.MA MINGSHAN) อายุ 33 ปี นักธุรกิจชาวจีน เข้าแจ้งความตำรวจ สภ.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ว่าภรรยาคือ นางสาวเซิน เหยียน อายุ 33 ปี และนายเหยียน ซิน พี่ชาย ถูกชายฉกรรจ์ชาวจีนไม่ทราบจำนวน ลักพาตัวไปพร้อมกับรถยนต์เอสยูวี นิสสัน เทอร่า สีดำ ขณะกำลังขับรถกลับบ้านพัก หลังไปส่งลูกชายวัย 3 ขวบ ที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่ง โดยออกจากโรงเรียนมาได้ไม่ถึง 3 กิโลเมตร ก็ถูกลักพาตัวไป

พฤติกรรมของคนร้ายขับรถจักรยานยนต์ปาดหน้า จากนั้นคนร้ายกระโดดขึ้นรถของภรรยาและขับพาไปทั้งคนและรถ จากนั้นคนร้ายใช้แอปพลิเคชันวีแชทโทรกลับมาเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 1 ล้านหยวน คิดเป็นเงินไทย 4.7 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เหตุเกิดภายในซอยพรประนิมิตร 21 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อช่วงสายวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา


กลางดึกวานนี้ (21 มี.ค) พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้นำกำลังชุดสืบสวนกว่า 50 นาย เดินทางไปกลางภูเขายายดา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ห่างจากจุดคนร้ายก่อเหตุประมาณ 40 กิโลเมตร

ปฏิบัติการค้นหาดังกล่าวต้องขับรถเส้นทางมุ่งหน้าขึ้นเขากว่า 2 กิโลเมตร และเดินเท้าเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร จนพบจุดต้องสงสัยที่คนร้ายส่งพิกัดขู่สามีของตัวประกัน พบเชือกไนลอนสีขาวยาวประมาณ 3 เมตร และถุงขนมช็อกโกแลต 11 ห่อ แต่ไม่พบตัวประกัน

ส่วนการแกะรอยรถต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุ พบเป็นรถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร สีดำ เป็นรถที่ปล่อยเช่าให้กลุ่มคนจีนขับเที่ยวในพัทยา โดยเจ้าของรถตัวจริงเป็นสองสามีภรรยา เบื้องต้นให้เช่าวันละ 2,000 บาท เช่ามาตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจจะเชิญสองสามีภรรยามาสอบปากคำและกันตัวไว้เป็นพยาน


ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) ตำรวจควบคุมชาวจีนต้องสงสัย อายุประมาณ 30-35 ปี มาสอบสวนที่ สภ.หนองปรือ โดยควบคุมตัวได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังเตรียมเดินทางออกนอกประเทศไทย ไปยังเมืองหนานหนิง ประเทศจีน สาเหตุที่ตำรวจไปควบคุมตัวเนื่องจากพบจุดเชื่อมโยงจากการนำพาสปอร์ตไปเช่ารถและเปิดโรงแรมย่านจอมเทียน ขณะที่ยังมีผู้ต้องสงสัยอีก 1 คน แต่ออกนอกประเทศไทยไปแล้ว เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 มี.ค. มุ่งหน้าไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

ทั้งนี้ ช่วงบ่ายวานนี้ (21 มี.ค. ) ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตลอดเส้นทางที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ตั้งแต่หมู่บ้านผู้เสียหาย ไปจนถึงโรงเรียนนานาชาติ ระยะทางรวมกันกว่า 3.2 กิโลเมตร มีกล้องของชาวบ้านจับภาพช่วงเวลา 08.48 น. พบรถยนต์ของผู้เสียหายขับผ่าน และทิ้งระยะห่างไม่ถึง 1.20 นาที มีคนของคนร้าย เป็นรถมิตซูบิชิปาเจโรสีดำ ขับตามมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นกล้องอีกมุมจับภาพคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุปาดหน้า แล้วลักพาตัวผู้เสียหายไป ลักษณะของคนร้ายเป็นชาวจีน 2 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สวมถุงมือสีขาวทั้ง 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ สะกดรอยตามรถของผู้เสียหาย ก่อนจะลงมือก่อเหตุลักพาตัว

การตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดพบความผิดปกติเรื่องห้วงเวลา เนื่องจากข้อมูลจากกล้องวงจรปิดพบว่ารถของผู้เสียหายกับรถของกลุ่มผู้ก่อเหตุทิ้งห่างกันเกือบ 1 นาที แต่คนร้ายยังสามารถติดตามรถของเหยื่อได้ทัน จึงเกรงว่าหนึ่งในตัวประกันจะรู้เห็นกับกลุ่มผู้ก่อเหตุหรือไม่ ตำรวจเริ่มตัดประเด็นความขัดแย้งเรื่องส่วนตัวออก และมุ่งประเด็นขัดแย้งผลประโยชน์ธุรกิจผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่ง อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา

นอกจากนี้พยานคนสำคัญเปิดเผยว่าเคยเห็นรถต้องสงสัยตั้งแต่ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 17 มี.ค. และมาทุกวัน กระทั่้งวันเกิดเหตุวันที่ 20 มี.ค. พบรถยนต์ต้องสงสัย ภายในรถมีชาวจีน 5-6 คน มาจอดรถติดเครื่องยนต์เป็นเวลาหลายชั่วโมงจนผิดสังเกต ตั้งแต่ 7 โมงเช้า และมีรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์สีดำ มาจอดเพิ่มอีก 1 คัน ทั้งหมดสวมหมวก ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า และสวมถุงมือ ก่อนจะได้ยินเสียงเร่งเครื่องขับไปอย่างรวดเร็ว จนมาทราบว่ามีการลักพาตัว

ด้านนายนนท์ อายุ 26 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถจักรยานยนต์แห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ ให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 มี.ค. มีชายชาวจีน 2 ค เข้ามาซื้อรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เอ็มเอสเอ็กซ์สีดำ ราคา 14,000 บาท และให้เงินอีก 1,000 บาท ใช้ลูกน้องในร้านไปซื้อหมวกกันน็อกเต็มใบ 2 ใบ ระหว่างตรวจเช็กสภาพรถจักรยานยนต์ก่อนส่งมอบ เริ่มพบว่าชาวจีนทั้งสองมีพฤติกรรมแปลกๆ ทั้งคู่พยายามเดินหลบมุมกล้องวงจรปิดไปนั่งหลบหลังร้าน และไม่ยอมให้เอกสารหลักฐานในการซื้อขาย อ้างว่าต้องการใช้รถจักรยานยนต์ไม่กี่วัน แล้วจะนำมาขายคืนให้ ก่อนจะมีชายต่างด้าวอีก 1 คน เดินตามเข้ามาสบทบ

ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเดินทางมาเก็บรอยนิ้วมือแฝง พร้อมทั้งตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย โดยมีการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ และรถยนต์ของผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังได้ตรวจดีเอ็นเอบนร่างกายของนายหม่า หมิงชุน รวมถึงเพื่อนชาวจีนที่เพิ่งเชิญตัวมาสอบปากคำ เพื่อหาจุดเชื่อมโยงของคนร้าย เนื่องจากแนวทางการสอบสวนพบว่าผู้เสียหายและกลุ่มผู้ก่อเหตุรู้จักกันเป็นอย่างดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]